ไขมันในร่างกายบอกอะไรเราบ้าง


1,027 ผู้ชม


ไขมันในร่างกายบอกอะไรเราบ้าง



          ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดส่วนโค้งส่วนเว้าของคุณอย่างไรก็ตาม ไขมันบนร่างกายจะบอกความจริงที่ซ่อนเร้นเกี่ยวกับสุขภาพของคุณออกมา Liz Nowosad จะเป็นผู้อธิบายให้ท่านทราบ
          ดอกเตอร์ลิบบี้ วีเวอร์ นักชีวเคมีและโภชนาการ กล่าวว่า บริเวณของร่างกายที่มีแนวโน้มมีไขมันพอกมากขึ้นอาจบอกเราได้ว่า ระบบอะไรในร่างกายที่ต้องการการดูแลให้มากขึ้น
ไขมันหน้าท้อง
          เมื่อไขมันสะสมที่หน้าท้อง, แขนด้านหลัง ซึ่ง ดร.ลิบบี้ มักจะเรียกว่า "ระเบียงด้านหลัง" สิ่งนี้มักเป็นผลมาจากฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอล "พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ขั้นแรกในการลดไขมันในร่างกายให้กับใครสักคนที่มีไขมันในลักษณะนี้ ก็คือแนะนำให้พวกเขากำหนดตารางบริหารการหายใจทุกวัน" ดร.ลิบบี้ กล่าว
          "การบังคับการหายใจด้วยกระบังลมด้วยตัวเอง หรือผ่านการเคลื่อนไหวแบบไท่เก๊ก โยคะ หรือพิลาทีส ช่วยลดระดับคอร์ติซอลลง จึงช่วยลดไขมันในร่างกายลง"
          พวกเราจำนวนมากคุ้นเคยกับการหายใจตื้น ๆ จากหน้าอก ซึ่งเป็นการทำให้ร่างกายคอยอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า "ตื่นตัวกับความเครียด" อยู่ตลอดเวลา หายใจลึก ๆ โดยใช้กระบังลม โดยหายใจผ่านจมูก (ดังนั้นเมื่อเราหายใจเข้า หน้าท้องจะยกตัวขึ้น พอหายใจออกหน้าท้องก็ตกลง) บอกกับร่างกายว่าทุกอย่างอยู่ในความสงบและไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในความเครียด ความต้องการคอร์ติซอลจึงลดลงไป
          การลดการบริโภคแคลอรี่ลงอย่างมากนับเป็นหายนะในการลดไขมัน เพราะทำให้ร่างกายตกอยู่ในความเครียดจากการขาดอาหาร ร่างกายจึงต้องผลิตคอร์ติซอลมากขึ้นและบอกกับทุกเซลล์ในร่างกายให้เตรียมตัวกับภาวะขาดแคลน ดังนั้น เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายจึงคอยเก็บกักไขมันอันมีค่านี้ไว้ และอัตราเมตาบอลิซึมก็ชะลอช้าลง
          หากคุณพยายามจะลดน้ำหนักตัวลงสักสองกิโลกรัมในช่วงฤดูร้อน ให้หลีกเลี่ยง "ภาวะขาดแคลน" นี้ไว้ โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ลดพลังงานอย่างเฉียบพลัน (crash diets) และการอดอาหารอย่างรุนแรง อย่าให้แคลอรี่จากอาหารที่ได้รับต่ำกว่าวันละ 1,250 แคลอรี่หรือ 5,250 กิโลจูลส์
          และจำไว้ว่าให้ทำอะไรอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ รับประทานอาหารไม่มากไม่น้อยเกินไป แล้วจะประสบความสำเร็จ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการหยุดรับประทานอาหารทันทีจึงได้ชื่อว่าเป็น crash diet เพราะมันจะทำให้มุ่งหน้าไปสู่จุดที่ร่วงตกและหันไปหาร้านขนมเค้ก !
ไขมันตามแนวยกทรง
          หากคุณมีก้อนไขมันสะสมใต้แนวยกทรง (หรือใต้กล้ามเนื้อใหญ่หน้าอกในผู้ชาย) แปลว่าตับต้องการการดูแลให้ดีขึ้นแล้ว ดร.ลิบบี้ แนะนำว่า "จงซื่อสัตย์กับตัวเองว่าคุณดื่มอะไรเข้าไปแค่ไหน และรับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนการไปเท่าไร" 
          แอลกอฮอล์และอาหารที่ผ่านกระบวนการทำให้ตับต้องทำงานหนักมากขึ้น ตับจะทำการจัดการกับสารพิษในร่างกายก่อน ดังนั้น หากคุณบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินไป แทนที่ตับจะไปทำการเมตาบอไลซ์อาหารที่คุณรับประทานเข้าไป กลับต้องไปทำงานขจัดพิษจากแอลกอฮอล์อีกด้วย ในขณะเดียวกัน อาหารก็จะถูกส่งไปเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน
          "ลดการบริโภคแอลกอฮอล์, อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต และสารพิษอื่น ๆ เป็นขั้นตอนแรกที่ยอดเยี่ยมมาก การรับประทานสมุนไพรที่ช่วยการทำงานของตับก็มีประโยชน์สำหรับคนที่มีไขมันในลักษณะเช่นนี้" ดร.ลิบบี้ กล่าว

ไขมันข้างลำตัวส่วนล่าง (Love Handles)
          "น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นที่เกิดมากขึ้นที่สะโพกและขาอ่อน ซึ่งเป็นบริเวณที่มักจะเกิดการสะสมไขมันในสตรีอาจเป็นสัญญาณบอกว่ามีระดับโปรเจสเตอโรนค่อนข้างต่ำ ฮอร์โมนนี้มีคุณสมบัติต่อต้านอาการวิตกกังวล, อาการซึมเศร้า และช่วยขับปัสสาวะ แล้วยังจำเป็นในการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เป็นพลังงานด้วย" ลิบบี้ กล่าว
          "มีหลักฐานทางคลินิกกล่าวว่าสมุนไพร Vitex ช่วยเพิ่มระดับโปรเจสเตอโรน และขอให้แน่ใจด้วยว่าได้รับประทานกรดไขมันจำเป็นอย่างเพียงพอด้วย" (แหล่งของกรดไขมันจำเป็นได้แก่ ปลาที่มีไขมัน, ถั่วเปลือกแข็ง, เมล็ดแฟล็กซ์ และน้ำมันของมัน)
          ร่างกายสามารถสร้างโปรเจสเตอโรนได้ตามธรรมชาติเมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยและสงบ ในช่วงที่มีความเครียด ร่างกายชะลอการผลิตโปรเจสเตอโรน เพราะฮอร์โมนนี้มีส่วนในการเจริญพันธุ์ และการมีบุตรก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ร่างกายต้องการเมื่อร่างกายมีความเครียด ดังนั้นจึงสำคัญมากที่จะต้องมีกรดไขมันจำเป็นอยู่ในอาหารที่คุณรับประทาน เพราะจะช่วยต่อสู้กับความเครียด ทั้งสะโพกและขาอ่อนเป็นตำแหน่งที่มีแนวโน้มที่จะมีไขมันมาพอก หากคุณใช้เวลาส่วนมากในชีวิตนั่งอยู่ในรถยนต์, โต๊ะทำงาน และ/หรือ บนโซฟา ระบบน้ำเหลืองที่ทำหน้าที่ขับสารพิษที่เป็นไขมันออกไปจะทำงานช้าลงหากคุณอยู่เฉย ๆ ไม่ออกกำลังกาย
          เพื่อให้ระบบน้ำเหลืองทำงานมากขึ้น ให้ร่างกายได้มีกิจกรรมอะไรบ้างทุกวัน เช่น เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันก็ใช้วิธีเดินไปที่ร้าน, ลงรถเมล์ก่อนถึงจุดหมายสักสองป้ายแล้วเดินต่อ และใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ คุณยังอาจเร่งการทำงานของระบบน้ำเหลืองได้ทุกวันโดยการแปรงที่ร่างกายเป็นเวลาห้านาทีก่อนอาบน้ำ ให้เริ่มแปรงจากข้อเท้า แปรงขึ้นมาตามขาทั้งสองข้างด้วยการแปรงตามแนวสั้น ๆ กดให้มั่งคง แล้วแปรงจากแขน, หลัง, ไหล่ และหน้าท้อง แปรงไล่เข้าหาตำแหน่งหัวใจ
          วิธีที่มีประสิทธิภาพี่สุดในการลดไขมันในร่างกายก็คือ ปรับปรุงสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้นโดยการรับประทานอาหารที่สมดุลและดีต่อสุขภาพที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ, ไขมันอิ่มตัวน้อย, น้ำตาลและอาหารที่ผ่านกระบวนการในปริมาณต่ำ แล้วเพิ่มการออกกำลังกาย และลดความเครียดลง
          ให้เพิ่มการบริหารแรงต้าน (เช่นการยกน้ำหนัก) เข้าไป เพื่อให้เกิดกล้ามเนื้อมาทดแทนไขมัน (เช่น การยกน้ำหนัก แต่ไม่ต้องหนักมาก, โยคะ, สควอช และท่าย่อขึ้นลง), และบริหารหัวใจ (cardio-เช่น การวิ่งเหยาะ, แจวเรือ, ว่ายน้ำ และเดิน) ให้บริหารหัวใจอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละสามครั้ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มให้หนักขึ้นในแต่ละครั้ง
          ตัวอย่างเช่น หากคุณเริ่มต้นด้วยการเดิน ให้เพิ่มการวิ่งเหยาะ ๆ สลับกันสักหนึ่งหรือสองนาที (จะยาวเท่าไรขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำได้สักแค่ไหน) แล้วต่อ ๆ ไปก็จะกลายเป็นการวิ่งเหยาะ ๆ แทนตลอดทั้ง 30 นาที พอเป็นการวิ่งเหยาะ 30 นาทีแล้ว ก็ค่อย ๆ เริ่มเติมการวิ่งเร็วเข้าไปแทรกสักหนึ่งนาทีในทุก ๆ การวิ่งเหยาะ 5 นาที การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยใช้ไขมันในร่างกายได้อย่างรวดเร็วในช่วงบริหารหัวใจ ทำให้เมตาบอลึซึมในร่างกายอยู่ในระดับสูง
          นอกจากนี้ ควรลดปริมาณอาหารลง แต่รับประทานให้บ่อยครั้งขึ้น โดยแทนที่จะรับประทานอาหารวันละสามมื้อ แต่ละมื้อเป็นมื้อใหญ่ ๆ ก็แบ่งออกมาเป็นมื้อย่อย ๆ วันละ 5 มื้อ (หรือมื้อขนาดกลาง 3 มื้อ และอาหารว่างเบา ๆ อีกสองมื้อ) ปริมาณที่ว่านี้แตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าจะมีการใช้พลังงานแค่ไหน แต่ขนาดของกระเพาะอาหารนั้นจะมีขนาดพอ ๆ กับกำปั้นของเรา ดังนั้นปริมาณอาหารที่ร่างกายต้องการไม่มากไปกว่าขนาดของสองกำมือรวมกัน (อะไรที่มากว่านั้น ก็คือสิ่งที่ทานเข้าไปเพื่อสนองความอยากของเรา !)
          ให้รับประทานโปรตีนอย่างเช่น ไข่, ปลา, ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช, เนื้อไม่ติดมัน, โยเกิร์ต และเต้าหู้ในอาหารทุกมื้อรวมทั้งอาหารว่าง เพราะจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น การกระจายอาหารออกไปเป็นห้ามื้อแทนที่จะเป็นมื้อใหญ่ ๆ แค่สามมื้อทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานอย่างต่อเนื่อง เป็นการเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น
          ชาเขียวก็ช่วยเร่งเมตาบอลึซึมและอุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้เหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ดีต่อตับมากกว่ากาแฟ เพิ่มเครื่องเทศอย่างเช่น อบเชย, ขิง, มัสตาร์ด, พริก หรือขมิ้น ลงในอาหารด้วย ในการศึกษาครั้งหนึ่งพบว่า เครื่องเทศเหล่านี้ช่วยเพิ่มอัตราของเมตาบอลึซึมขึ้นได้ 20 เปอร์เซ็นต์ และคงระดับที่เพิ่มนี้ไว้ได้นาน 30 นาที
          หากคุณต้องการลดไขมันในร่างกายลง จำไว้ว่าต้องทำสิ่งละอันพันละน้อยหลาย ๆ อย่างเหล่านี้ด้วยกันแล้วมันจะให้ผลรวมกันได้เป็นอย่างดี ถ้าทำอะไรหนัก ๆ เพียงอย่างเดียว เราอาจหมดแรงและทำไม่สำเร็จ ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงทีละอย่างสองอย่างในหนึ่งสัปดาห์ ค่อย ๆ เพิ่มการออกกำลัง และค่อย ๆ เปลี่ยนอาหารที่รับประทาน และเมื่อจบเดือนคุณก็จะทำได้หลายอย่าง และพอหมดหนึ่งปี คุณก็จะทำได้มากมายเลยทีเดียว

อัพเดทล่าสุด