ช่องคลอดแห้ง ทำอย่างไร


6,116 ผู้ชม


ช่องคลอดแห้ง ทำอย่างไร

ช่องคลอดแห้ง ทำอย่างไร


          แม้ยังไม่ย่างเข้าสู่วัยทอง แต่ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการช่องคลอดแห้งผาก จนเกิดการอักเสบและติดเชื้อ เรื่องนี้ควรทำยังไงดีล่ะ
          นักร้องแสบซ่า เอมี่ ไวน์เฮาส์ เคยออกมาร่วมรณรงค์ให้ผู้หญิงเราดูแลและใส่ใจน้องหนูกันให้มากขึ้น ถึงขนาดที่เธอเอง ออกมาร้องป่าวประกาศว่าตัวเองเรียกน้องหนูว่า "Va-Jay-Jays" แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ เรียกน้องหนูของตัวเองว่าอย่างไร
          ส่วนนักร้องเปรี้ยวเข็ดฟันอย่าง เลดี้ กาก้า ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลน้องหนูของเธอไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอเปรยว่าไม่ได้มีเซ็กซ์มานานหลายเดือนแล้ว ฉะนั้น เธอจึงมีความเสี่ยงกับการติดเชื้อจากช่องคลอดน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
          อย่างไรก็ดี เรื่องของน้องหนูนั้น ผู้หญิงเราอาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก ยิ่งถ้าน้องหนูเกิดอาการแห้งผาก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงวัยหมดประจำเดือน เราก็ควรเริ่มหันมาใส่ใจกับสุขภาพตรงนี้กันให้มากขึ้นแล้วนะคะ
 อะไรคือช่องคลอดแห้ง
          ปกติช่องคลอดจะมีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะเป็นมูกใส ๆ เหนียว ๆ หนืด ๆ ยิ่งในช่วงตกไข่ด้วยแล้ว มูกในช่องคลอดที่ว่านี้จะใสและหนืดมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะเพิ่มความหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งสารหล่อลื่นที่ว่านี้ ช่วยให้เชื้ออสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น และลดการเสียดสีไม่ให้อวัยวะเพศของทั้งสองฝ่ายถลอกหรือฉีกขาด อย่างไรก็ดี สาววัยเจริญพันธุ์บางคนอาจต้องพบเจอกับภาวะช่องคลอดแห้ง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงวัยอันควร ซึ่งมีสาเหตุ มาจากสุขภาพของช่องคลอดนั้นเริ่มไม่ค่อยดีแล้วนั่นเอง
 อาการช่องคลอดแห้งเป็นยังไง
          อย่างที่บอกว่า ช่องคลอดของผู้หญิงจะมีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่คนที่มีปัญหาช่องคลอดแห้งมักจะมีอาการคัน แสบ และระคายเคือง โดยไม่มีอาการตกขาว อย่างไรก็ดี บางคนนั้นช่องคลอดแห้งจัดจนเลือดออก ไม่ก็ติดเชื้อในช่องคลอด เพราะเวลามีเพศสัมพันธ์ไม่มีสารหล่อลื่นไหลออกมา ทำให้เวลาสอดใส่อวัยวะเพศเกิดการเสียดสี ทำให้ช่องคลอดถลอก เป็นแผล และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าใครโชคร้ายก็อาจจะติดเชื้อเอชไอวีเข้าให้โดยไม่รู้ตัว
 อะไรคือสาเหตุล่ะเนี่ย
           1. ติดเชื้อในช่องคลอด ซึ่งอาจจะเป็นเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียก็ได้ แม้จะมีตกขาวออกมามาก แต่เซลล์เยื่อบุช่องคลอดมักจะแห้ง บางคนอาจจะรู้สึกอักเสบ แห้ง และคัน
           2. ยาบางประเภท อย่างเช่น ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยารักษาโรคทางจิตเวช ยารักษาโรคภูมิแพ้และยารักษาโรคมะเร็ง
           3. โรค Sjogren’s Syndrome โรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อต้านตัวเอง คนที่ป่วยด้วยโรคนี้จะมีอาการตาแห้ง ปากแห้ง และช่องคลอดแห้ง
           4. การสวนล้างช่องคลอด ซึ่งสาว ๆ บางคนนิยมล้างช่องคลอดอยู่บ่อย ๆ ซึ่งการทำอย่างนี้จะทำให้ช่องคลอดแห้งและเสียความเป็นกรดไป
           5. ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้เซลล์ผนังช่องคลอดบางลง ขาดการยืดหยุ่น และเปราะบาง ซึ่งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ไม่ก็ได้รับเคมีบำบัด หรือฉายรังสีบริเวณเชิงกรานทำให้รังไข่ทำงานลดลง รวมถึงภาวะหลังคลอดและการให้นมลูก ที่ทำให้ร่างกายไม่ตกไข่ตามธรรมชาติ
 ดูแลตัวเองยังไงดี
           1. กินอาหารบำรุงเอสโตรเจน เช่น น้ำเต้าหู้ ถั่วเหลือง ฯลฯ
           2. ใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ช่องคลอด ซึ่งสารนี้ จะให้ความชุ่มชื้นได้มากกว่าหนึ่งวัน
           3. ใช้สารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยไม่ให้อวัยวะเพศเสียดสีจนถลอกเป็นแผลได้
           4. งดการสวนล้างช่องคลอด เพราะการทำเช่นนี้ จะยิ่งทำให้ช่องคลอดสูญเสียความเป็นกรด ซึ่งทำให้แห้งและระคายเคืองได้ง่าย และเมื่อช่องคลอดแห้ง ก็จะติดเชื้อได้ง่าย
 อาหารบำรุงช่องคลอด & อาหารควรหลีกเลี่ยง
           1. กระเทียมและกะหล่ำปลี ซึ่งมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรค ช่วยรักษาอาการช่องคลอดอักเสบได้เป็นอย่างดี
           2. หัวหอมใหญ่และผักกาด โดยเฉพาะผักกาดเกาหลี จะช่วยลดการอักเสบของช่องคลอดและช่วยซ่อมแซมเยื่อบุผิวได้
           3. ข้าวสาลี ไอศกรีม มิลค์เชค ผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อสัตว์ อาหารพวกนี้จะทำให้ช่องคลอดที่เป็นแผลมีอาการอักเสบมากขึ้น ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยง
 ดูแลน้องหนูยังไงดี
           1. ล้างให้สะอาด ๆ โดยเฉพาะเวลาอาบน้ำและถูสบู่ ควรล้างน้ำให้สะอาด ๆ เพื่อชะล้างคราบสบู่ และสิ่งสกปรกออกจากน้องหนู
           2. ไม่ใช้สบู่ที่มีกลิ่นหอม เพราะสำหรับน้องหนู เราไม่จำเป็นต้องคงกลิ่นของสบู่ไว้บริเวณนั้น ทางที่ดีเลือกสบู่ธรรมดา ๆ ดีกว่า
           3. ปรึกษาหมอถ้ามีอะไรผิดปกติ อย่าทิ้งปัญหาไว้เรื้อรัง เช่น ผดผื่น ตุ่มใส ๆ บริเวณน้องหนูควรปรึกษาหมอว่า ติดโรคหรือเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นกันแน่
           4. เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ พยายามเลือกไซส์ไม่ใหญ่มาก และหมั่นเปลี่ยนทุก ๆ 6 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดอาการเป็นพิษ หรือ Toxic Shock Syndrome (TSS) ขึ้น
           5. ใส่กางเกงในทำจากผ้าฝ้าย เพราะจะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น และช่วยให้ผิวหนังบริเวณน้องหนูไม่เป็นผดผื่นด้วย
           6. ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเพื่อป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์
           7. หมั่นอาบน้ำ และทำความสะอาดน้องหนูอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ
           8. หมั่นกินโยเกิร์ต เพราะในนั้นมีแบคทีเรียชนิดดีที่ร่างกายต้องการ ในทางกลับกันให้เพลา ๆ การกินน้ำตาลลง เพราะน้ำตาลจะเป็นตัวเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่โยเกิร์ตจะเพิ่มแบคทีเรียที่ไปฆ่าแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์นั้น ๆ เสีย
 แก้ปัญหาช่องคลอดแห้งยังไงดี
           1. มีกิจกรรมทางเพศมากขึ้น อย่าลืมแสดงความรักด้วยภาษากายอยู่เป็นประจำ เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้มีน้ำหล่อลื่นออกมาอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งการกอดรัดสัมผัสกันเป็นประจำ ก็สามารถกระตุ้นการสร้างน้ำหล่อลื่นได้แล้ว
           2. ตรวจสุขภาพและตรวจภายใน ถ้าเรามีปัญหาช่องคลอดแห้งและไม่มีน้ำหล่อลื่น เราควรไปตรวจภายในดูว่าผนังช่องคลอดบางผิดปกติ หรือมีการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดและปากมดลูกหรือเปล่า ลองตรวจเลือดดูว่าระดับฮอร์โมนเพศหญิงอยู่ในระดับปกติมั้ย ซึ่งถ้าเราอายุเกิน 40 ปีเมื่อตรวจแล้วพบว่าระดับฮอร์โมนเพศหญิงต่ำกว่ามาตรฐาน ควรถามแพทย์ดูว่าควรรับฮอร์โมนเสริมหรือไม่ แต่บางคนแค่ทาฮอร์โมน ก็สามารถกลับมาชุ่มชื้นได้ดังเดิมแล้ว
           3. คุยกับคนรักหรือสามีของคุณ ถ้ามีอะไรคับข้องใจก็ต้องคุยและเคลียร์กันให้รู้เรื่อง เพราะไม่เช่นนั้นเวลามีสัมพันธ์ทางเพศ อีกฝ่ายจะไม่รู้สึกอยากร่วมกิจกรรมนี้ด้วย และพานทำให้ช่องคลอดไม่หลั่งสารหล่อลื่นออกมา ฉะนั้น ถ้าต้องการให้เขาเล้าโลมแบบไหน เอาใจแบบใดหรือคั่งค้างเรื่องอะไรในใจก็เคลียร์กันให้หมด

อัพเดทล่าสุด