picture: doctor.or.th and pharmdiary.com
ข้อน่ารู้
1. อาการถ่ายดำ ในที่นี้หมายถึง การถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายถ่ายหรือเฉาก๊วย ซึ่งผิดไปจากปกติที่ออกเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล (อุจจาระที่ดีควรมีลักษณะนุ่ม ก้อนโต สีเหลืองนวล และไม่มีกลิ่น ซึ่งแสดงว่า กินผักและผลไม้เพียงพอ)
2. ถ้าจู่ๆ สังเกตเห็นอุจจาระออกเป็นสีดำ ก็จงอย่าได้นิ่งนอนใจ จะต้องนึกว่าอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือสำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งจัดเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เคยพบคนไข้จำนวนไม่น้อยที่สังเกตเห็นอุจจาระดำ ก็ยังมิได้เฉลียวใจว่ามีเลือดออก เพราะมัวแต่คิดว่าเลือดออกก็ควรจะถ่ายเป็นเลือดสีแดงสด ปล่อยให้เสียเลือดจนร่างกายอ่อนเพลียมากแล้ว จึงค่อยไปแพทย์ ในความเป็นจริง อาการเลือดออกในทางเดินกระเพาะอาหาร สามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะ
ลักษณะแรก การมีเลือดออกในบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายหรือทวารหนัก จะทำให้มีอาการถ่ายออกเป็นสีแดงสด (เช่น โรคริดสีดวงทวารหนัก โรคมะเร็งทวารหนัก เป็นต้น)
ลักษณะที่ 2 การมีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น เลือดจะคลุกกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เกิดปฏิกิริยา ทำให้เลือดกลายเป็นสีดำ จึงเกิดการถ่ายอุจจาระดำ
3. สาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้นที่พบบ่อย ก็คือ เกิดจากการระคายเคืองของยาแก้ปวดแอสไพรินและยาแก้ข้ออักเสบ (ยาแก้ปวดข้อ) ทำให้เยื่อบุผิวกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบรุนแรงและทำให้เลือดออก ถ้าออกคราวละมากๆ ก็อาจทำให้มีอาการอาเจียนเป็นเลือดสด ถ้าออกซึมทีละน้อย ก็ทำให้มีอาการถ่ายดำ ดังนั้น ใครก็ตามที่กินยาแอสไพริน (เช่น กินยาแก้ปวดซอง กินแอสไพรินเพื่อป้องกันโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือโรคหัวใจ) หรือกินยารักษาอาการปวดข้อปวดหลัง ก็พึงต้องสังเกตลักษณะสีสันของอุจจาระเป็นประจำ ถ้าพบว่ามีอาการถ่ายดำก็ต้องรีบไปพบแพทย์
4. นอกจากยาแล้ว เหล้าก็อาจทำให้เยื่อบุผิวกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงจนมีเลือดออกได้เช่นกัน คนที่เป็นโรคแผลที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น (มีอาการปวดแสบตรงลิ้นปี่เวลาหิวหรืออิ่มจัด) ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง แผลอาจกินลึกจนทำให้มีเลือดออกได้ โรคมะเร็งที่กระเพาะอาหารเมื่อลุกลามไปกินถูกบริเวณที่มีเส้นเลือด ก็อาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะได้
5. อาการถ่ายดำบางครั้งก็อาจไม่เกี่ยวกับการมีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้นก็ได้ ที่พบได้บ่อย ก็คือ คนที่กินยาบำรุงที่มีธาตุเหล็ก (ช่วยบำรุงเลือด มักใช้รักษาคนที่มีอาการซีดอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย คนที่เบื่ออาหาร สตรีมีครรภ์) ก็อาจทำให้มีอาการถ่ายดำเนื่องจากสีของธาตุเหล็ก บางคนอาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อย ครั้นออกเป็นสีดำๆ คนที่กินเลือดหมู หรือตับหมู ตับวัวมากๆ ก็อาจมีอาการถ่ายดำ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะมีปริมาณของธาตุเหล็กสูง
หลังหยุดกินยาบำรุงที่เข้าธาตุเหล็ก หรือเลือดหมู ตับหมู ตับวัว อุจจาระก็จะกลับเป็นสีเหลืองดังเดิมภายใน 2-3 วัน คนที่มีเลือดกำเดาไหลหรือเลือดออกหลังถอนฟัน (โดยเฉพาะเด็กเล็ก) หากกลืนเลือดลงไปในกระเพาะ ก็อาจมีอาการถ่ายดำใน 1-2 วันต่อมา ซึ่งมักจะเป็นอยู่เพียง 2-3 วัน ก็จะกลับถ่ายเป็นสีเหลืองได้ดังเดิม
6. การป้องกันภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ได้แก่
(ก) หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินและยาแก้ข้ออักเสบ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาพวกนี้ควรกินยาลดกรดควบด้วย และใช้เพียงช่วงไม่กี่วัน ถ้าจำเป็นต้องกินติดต่อกันกันนานๆ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน
(ข) อย่าดื่มเหล้ามากหรือดื่มเป็นประจำ
(ค) ถ้ามีอาการปวดแสบท้อง หรือเป็นโรคกระเพาะ ควรรักษาอย่างจริงจัง งดเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ, กินข้าวให้ตรงเวลา, งดอาหารรสเผ็ดจัดเปรี๊ยวจัด และออกกำลังกายเป็นประจำ
รู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้เป็นอย่างอื่น
เมื่อพบว่า มีอาการถ่ายอุจจาระดำ ควรแยกว่าเกิดจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือไม่ ถ้าพบร่วมกับการกินยาบำรุงเลือด หรือกินเลือดหมู ตับหมู ตับวัว หลังหยุดกินยาหรืออาหารพวกนี้ 1 วัน อุจจาระจะกลับเป็นสีเหลืองได้ดังเดิม ถ้าเกิดการกลืนเลือดที่ออกจากจมูกหรือแผลถอนฟัน อุจจาระมักจะหายดำภายใน 2-3 วัน ถ้าเกิดมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร มักจะถ่ายดำทุกวันติดต่อกันหลายวัน ต่อมามีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้าตาซีดเชียว (เลิกดูเปลือกตาล่างจะซีดขาวกว่าปกติ) ถ้าปล่อยไว้จะมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
ในรายที่เกิดจากเยื่อบุผิวกระเพาะอาหารอักเสบเนื่องจากการใช้ยาแอสไพริน ยาแก้ปวดข้อปวดหลัง หรือดื่มเหล้าจัด คนไข้อาจไม่มีอาการปวดท้อง หรือมีเพียงอาการจุกแน่นท้องเล็กน้อย บางรายอาจมีอาการอาเจียนออกเป็นเลือดร่วมด้วย
ในรายที่เกิดจากโรคแผลในกระเพาะอาการหรือลำไส้ส่วนต้น จะมีอาการปวดแสบตรงลิ้นปี่ เป็นๆ หายๆ เรื้อรังมาก่อน
เมื่อไรควรไปพบแพทย์
คนที่มีอาการถ่ายดำ ควรไปพบแพทย์ภายใน 6 ชั่วโมง
ยกเว้น
ก. กำลังกินยาบำรุงเลือดที่เข้าธาตุเหล็ก
ข. หลังกินเลือดหมู ตับหมู ตับวัว หรือหลังเป็นเลือดกำเดาหรือเลือดออกหลังถอนฟัน และอาการถ่ายดำเป็นอยู่เพียง 2-3 วัน ก็หายไปได้เอง (ถ้ายังถ่ายดำเกิน 3 วัน ก็ควรปรึกษาแพทย์)
แพทย์จะทำอะไรให้
ในรายที่สงสัยว่าเกิดจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ส่วนต้น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษด้วยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร (ลักษณะเป็นท่อยาวๆ ให้คนไข้กลืนลงไปในกระเพาะอาหาร) หรือทำการเอกซเรย์กระเพาะอาหาร เพื่อตรวจดูว่ามีการอักเสบ มีแผล หรือก้อนมะเร็งในกระเพาะอาหารหรือไม่
ในรายที่มีการเสียเลือดมาก (คนไข้จะมีอาการซีดเชียว หน้ามืด เป็นลม) แพทย์จะให้เลือด เมื่ออาการทุเลาแล้วก็จะให้ยาบำรุงเลือดกินต่อ ถ้ามีสาเหตุจากกระเพาะอาหารอักเสบ หรือเป็นแผล แพทย์จะให้ยาลดกรด และยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร กินนาน 1-2 เดือน แล้วนัดไปตรวจดูอาการเป็นระยะๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าหายดี ถ้าเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหารในระยะต้น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยทั่วไปมะเร็งชนิดนี้มักจะแพร่กระจายเร็ว และส่วนใหญ่มักจะพบในระยะท้าย ซึ่งยากแก่การเยียวยารักษา
โดยสรุป อาการถ่ายอุจจาระดำ มักจะมีสาเหตุจากภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร เนื่องจากกระเพาะอาหารอักเสบจากการใช้ยาแอสไพรินหรือยาแก้ปวดข้อ ปวดหลัง หรือเกิดจากแผลที่กระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเกิดมะเร็งที่กระเพาะอาหาร จัดเป็นภาวะร้ายแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากสงสัยควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ที่มา: หมอชาวบ้าน