ไฟ LED ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะประหยัดไฟ ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ...
สมาคมการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ AMA ประกาศเตือนการใช้ไฟ LED บนท้องถนน โดยขอให้ลดความร้อน และหรี่แสงลง โดยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา AMA ได้จัดงานประชุมประจำปีขึ้นที่ชิคาโก และที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าควรต้องมีการปรับการใช้ไฟ LED บนถนนทั่วประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ และส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
ทั้งนี้ ท้องถนนในสหรัฐอเมริกา ได้เปลี่ยนมาใช้ไฟ LED เนื่องจากหลอดไฟดังกล่าวมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ช่วยประหยัดงบประมาณในการซ่อมและการเปลี่ยนหลอดไฟ ตามท้องถนนไปได้มาก แต่ทาง AMA เห็นว่า การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ควรออกแบบใหม่เหมาะสมเสียก่อน เพราะแสงไฟนั้น มีผลกับสุขภาพของมนุษย์
LED กับแสงสีฟ้า
AMA แนะนำว่า แสงไฟที่เปิดให้ความสว่างภายนอก ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะบนถนน ควรจะมีอุณหภูมิสีไม่เกิน 3000 เคลวิน ซึ่งอุณหภูมิสี หรือ CT นั้น ใช้วัดความหนาแน่นของแสง จากแหล่งกำเนิดแสง ว่ามีสีฟ้า เขียว เหลือง และแดง มากน้อยแค่ไหน อุณหภูมิสีที่สูง จะมีแสงสีฟ้ามาก ทำให้แสงเป็นสีขาว สว่างจ้ามาก และร้อนมาก ถนนหนทางตามเมืองใหญ่ ๆ หลายเมือง รวมทั้งซีแอตเติล และนิวยอร์ค เลือกใช้หลอดไฟ LED สีขาว ซึ่งมีค่า CT อยู่ที่ 4000 เคลวิน หรือ 5000 เคลวิน ซึ่งถือว่าสูงมากทีเดียว
ค่า CT สูง แล้วเป็นอย่างไร มีคำอธิบายดังนี้ หลอดไฟธรรมดา มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 2400 เคลวิน หมายถึง แสงสีฟ้าน้อยกว่าสีเหลืองและแดง หากย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังไม่มีไฟฟ้าใช้ การเผาไม้ และการจุดเทียน เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน มีค่า CT อยู่ที่ 1800 เคลวิน หมายถึงมีแสงสีเหลืองและแดง แทบจะไม่มีสีฟ้าเลย เมื่อนำมาเทียบกับ LED แล้ว จึงเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
ปัญหาของ LED
AMA บอกว่า ไฟถนน LED ก่อให้เกิดปัญหา 2 อย่าง อย่างแรกคือแสงจ้ามาก ทำให้ไม่สบายตา ทำให้ม่านตาหดเล็กลง และแสงที่สว่างมากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับจอตา เมื่อตาต้องมีการปรับ ก็ส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และการเดินบนท้องถนนในเวลากลางคืน
อีกสิ่งหนึ่ง ที่ AMA กล่าวถึงก็คือ การที่มนุษย์ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สว่าง เป็นระยะเวลามากกว่าที่ควรจะเป็น ก็จะมีผลกระทบต่อนาฬิกาชีวิตของร่างกาย ดังนั้นแสงไฟในเวลากลางคืนมีผลต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการนอนหลับพักผ่อน
เคยมีการประมาณการณ์กันว่า แสง LED นั้น ส่งผลกระทบต่อการหลั่งเมลาโทนิน ของร่างกายในเวลากลางคืน มากกว่าหลอดไฟธรรมดาถึง 5 เท่า และเมื่อร่างกายหลั่งเมลาโทนินน้อยลง การนอนก็มีคุณภาพลดน้อยลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นความมืดในตอนกลางคืน จึงส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่า
นอกจากแสงสว่างจ้าในตอนกลางคืนจะไม่เป็นผลดีต่อมนุษย์แล้ว สัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เช่น พวกนก และสัตว์น้ำในบ่อ ในบึง หรือตามชายฝั่งใกล้ถนน ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
AMA ได้เสนอข้อแนะนำ เพื่อลดผลกระทบจากการใช้ไฟถนน LED ดังนี้คือ อย่างแรก ทางสมาคมยอมรับว่าการใช้ LED นั้นช่วยประหยัดงบประมาณ และลดปริมาณขยะจากหลอดไฟเก่า ที่ต้องเปลี่ยนกันบ่อยๆ แต่อยากให้มีการควบคุมและลดปริมาณอุณหภูมิแสงสีฟ้า และลดความสว่างจ้าของไฟลง นอกจากนี้ตามถนน ก็ควรใช้ไฟที่มีอุณหภูมิสีไม่เกิน 3000 เคลวิน เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ และสภาพแวดล้อมที่อาจจะมีขึ้นมาในอนาคต
ขอบคุณเนื้อหาจาก CNN
ที่มา สนุกออนไลน์