ในเวลาที่หิวมากๆ ไม่ว่าจะเห็นอาหารอะไรก็อยากจะทานไปหมดโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพ ฉะนั้นก่อนจะทานอะไรเราควรเพิ่มความระมัดระวังและเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น
อย่าละเลย! 12 อาหารที่ห้ามกินตอนท้องว่าง ไม่ว่าหิวขนาดไหน ก็อย่าทาน
ในเวลาที่หิวมากๆ ไม่ว่าจะเห็นอาหารอะไรก็อยากจะทานไปหมดโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพ ฉะนั้นก่อนจะทานอะไรเราควรเพิ่มความระมัดระวังและเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น
เพราะอาหารบางประเภทไม่เหมาะที่จะรับประทานในช่วงท้องว่าง
1 . ลูกพลับ
ลูกพลับเป็นผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงหากร่างกายยังไม่มีอาหารรองท้องมาก่อน เพราะการรับประทานผลไม้ชนิดนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามากทำให้ผู้บริโภครู้สึกเจ็บหน้าอกคลื่นไส้และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ง่าย ดังนั้นใครที่อยากจะรับประทานผลไม้ชนิดนี้จริงๆก็ควรรับประทานในช่วงเวลาหลังจากการรับประทานอาหารและไม่ควรรับประทานเกินสองลูกต่อวัน
2 . มะเขือเทศ
ไม่ควรรับประทานมะเขือเทศขณะท้องว่าง เนื่องจากในมะเขือเทศมีสาร Astringent ที่จะทำปฏิกิริยากับกรดเกลือในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้กรดเกลือจับตัวเป็นก้อนซึ่งอาจทำให้กระเพาะอาหารอุดตัน เกิดอาการไม่สบายต่างๆ เช่น ท้องอืดท้องเฟ้อปวดท้องได้ แต่ถ้าเรารับประทานมะเขือเทศในช่วงเวลาหลังจากการรับประทานอาหาร กรดเกลือในกระเพาะอาหารจะเข้ากันกับอาหารอย่างดี จะทำให้กรดเกลือในกระเพาะอาหารเจือจางได้
3 . กล้วย
คนส่วนใหญ่มักจะเชื่อกันว่าการทานกล้วยเยอะๆจะทำให้ระบบขับถ่ายดี แต่มักจะลืมกันไปว่า หากทานกล้วยในช่วงเวลาที่ท้องว่างแล้วนอกจากจะทำให้ท้องอืด ยังจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้นทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจอันเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
4 . ส้ม
ส้มอุดมไปด้วยน้ำตาลและกรด ซึ่งส้มจัดว่าเป็นผลไม้ต้องห้ามตอนท้องท้องว่าง เพราะรสเปรี้ยวของส้มจะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ ทำให้กรดเกลือในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นและเกิดออาการท้องอืดท้องเฟ้อ
5 . น้ำตาลหรืออาหารรสหวาน
การที่คนเราเสียพลังงานไปเยอะๆนั้นจริงอยู่ว่าร่างกายต้องได้รับการเสริมสร้างจากเกลือแร่และน้ำตาลเมื่อเรารู้สึกอ่อนเพลีย แต่ทว่าหากท้องว่างแล้วการเลือกดื่มน้ำหวานหรือของหวานเช่นน้ำอัดลมลูกอมช็อกโกแลต จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลซึ่งส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไตได้
6 . มันเทศ
มันเทศจะอุดมไปด้วยน้ำตาล การรับประทานในเวลาท้องว่างนั้น จะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก และมันเทศก็ยังมีเอนไซม์ออกซิไดซ์ (Oxidase) มากมาย จะเป็นตัวทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากมายในระบบทางเดินอาหาร ถ้ารับประทานมันเทศมากเกินไปจะมีอาหารท้องอืดและสะอึกเกิดขึ้นได้
7 . เครื่องดื่มเย็น
การรับประทานเครื่องดื่มเย็นในเวลาท้องว่างจะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้และทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ จนส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารได้
8. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ควรรับประทานในขณะท้องว่าง เพราะมันจะมีส่วนเพิ่มแรงกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(gastritis) และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้(stomach ulcer) และร่างกายก็จะเกิดอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ส่งผลทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะเหงื่อออกและใจสั่น บางทีอาการอาจรุนแรงจนถึงเป็นลมหรือเสียชีวิตก็ได้
9 . กระเทียม
สารที่อยู่ในกระเทียมจะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ บางทีอาจจะเกิดอาการรุนแรงจนทำให้เกิดการปวดท้อง(gastrospasm) หรือโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(gastritis) ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
10. น้ำชา
ตื่นเช้าแล้วจิบน้ำชาสักแก้วดูแล้วเข้าท่าและน่าจะดี แต่หารู้ไม่ว่า การจิบชาร้อนโดยเฉพาะชาแก่ช่วงท้องว่างนั้นจะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางเกิดอาการใจสั่นเวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรงและหิวมากๆ
11 . วิตามิน
การรับประทานวิตามินในขณะท้องว่าง ร่างกายจะดูดซับวิตามินไม่ทันและจะถูกถ่ายออกไปพร้อมกับอุจจาระควรรับประทานหลังอาหาร ร่างกายจะได้ดูดซึมวิตามินอย่างเต็มที่
12 . สับปะรด
เนื่องจากสับปะรดเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก หากเรายังไม่ได้รับประทานอาหาร เอนไซม์เหล่านี้จะเข้าไปกัดกระเพาะอาหาร ดีที่สุดคือรับประทานสับปะรดหลังรับอาหาร จะได้ผลดีต่อร่างกาย
เพื่อนๆทุกคน เมื่อดูแล้วช่วยแชร์ความรู้เหล่านี้ออกไปให้เพื่อนคนอื่นๆของคุณดูด้วย ทุกคนจะได้ ไม่ต้องทำร้ายร่างกายของตัวเองอีกต่อไป
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลเพิ่มเติม จาก : https://www.manyum.com/post/detail/132854.html