ใครที่มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือแม้กระทั่งแขน ขา มือ และใบหน้า แพทย์อาจสันนิษฐานว่าเป็นโรคอันตรายที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ อาการเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคที่หนักขึ้นอย่าง โรคอัมพฤกต์ อัมพาต หรือไม่ เราจะมีวิธีป้องกันอย่างไร มาดูกัน
ใครที่มีอาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือแม้กระทั่งแขน ขา มือ และใบหน้า แพทย์อาจสันนิษฐานว่าเป็นโรคอันตรายที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ อาการเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคที่หนักขึ้นอย่าง โรคอัมพฤกต์ อัมพาต หรือไม่ เราจะมีวิธีป้องกันอย่างไร มาดูกัน
ปลายประสาทอักเสบ คืออะไร ?
เมื่อสมองเปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้า สมองจะควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอวัยวะต่างๆ ผ่านทางสายไฟ หรือในที่นี้คือเส้นประสาท และมีสายไฟฟ้าแรงสูง หรือเส้นประสาทใหญ่อยู่ที่ไขกระดูกสันหลัง ที่พร้อมกระจายไฟฟ้าไปยังเส้นประสาทอื่นๆ ต่ออีกทอดหนึ่ง
หากแต่เมื่อเส้นประสาทเริ่มมีปัญหาในจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ จึงอาจเป็นที่มาของปลายประสาทอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เส้นประสาทไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้
เส้นประสาท มีความสำคัญอย่างไร ?
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า เส้นประสาทเปรียบเสมือนสายไฟฟ้าที่ลำเลียงพลังงานไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากเส้นประสาททำงานผิดปกติ ก็จะส่งให้อวัยวะนั้นๆ ทำงานผิดปกติไปด้วย
เส้นประสาทมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ทั้งเส้นประสาทในสมอง ที่ควบคุมจากสมองโดยตรง ไม่ผ่านไขกระดูกสันหลัง ควบคุมการทำงานของประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรส การทรงตัว การกลืนอาหาร การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกเสียง และควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ คอ และลิ้น
เส้นประสาทอีก 1 ชนิด คือ เส้นประสาททั่วไปที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เป็นเส้นประสาทที่ต่อมาอีกทีจากไขกระดูกสันหลัง โดยสามารถแบ่งย่อยเป็นส่วนๆ ทั้งรากประสาทที่ต่อมาจากเส้นประสาทที่ไขสันหลังโดยตรง กลุ่มของรากประสาท และเส้นประสาทส่วนปลาย ที่ดูแลกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ
ปลายประสาทอักเสบ มีสาเหตุมาจากอะไร ?
- มีอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การนอนกดทับเส้นประสาท หรือการกดทับจากเส้นประสาทโดยเนื้องอก
- ผลข้างเคียงจากอาการติดเชื้อจากโรคต่างๆ เช่น วัณโรค
- เกิดภาวะขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง
- มีโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ไตวาย
- มีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด
ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ
- พันธุกรรมจากครอบครัว ที่อาจเคยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของเส้นประสารท
- มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่ง
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจเสี่ยงโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวาน
- ทำงานโดยใช้ข้อมือมากๆ จนอาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
- เป็นผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องให้การรักษาโดยการฟอกเลือด ฟอกไต
ชาปลายมือปลายเท้า อันตราย เสี่ยงอัมพาต ?
เพราะอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า เกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นประสาทผิดปกติ ดังนั้นหากมีความผิดปกติจนถึงขั้นเป็นโรคเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ ก็อาจเป็นโรคอัมพาตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โรคอัมพาตเบลล์ ซึ่งเป็นโรคเส้นประสาทสมองที่พบบ่อยที่สุดได้เช่นกัน
ชาปลายมือปลายเท้ามากแค่ไหน ถึงควรไปพบแพทย์ ?
หากมีอาการชาที่บริเวณปลายมือปลายเท้าเล็กน้อยมากกว่า 2-3 วัน และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูก่อน อาจจะออกกำลังกาย เปลี่ยนอิริยายถบ่อยๆ ระหว่างวัน หรือเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนหมอน หากยังไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ควบรีบพบแพทย์ก่อนมีอาการมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า จะเริ่มพบมากขึ้นในกลุ่มของวัยทำงาน หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานใช้ข้อมือหนักๆ อย่างแม่บ้าน แม่ครัว เนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวัน และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือไม่ถูกต้อง ดังนั้นหากรู้สึกมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยอย่างทันท่วงทีก่อนสายเกินแก้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: Sanook