เชื่อว่า หลายๆ คนในทุกบ้านเวลาที่คุณทำกับข้าวหรืออาหารสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ผงชูรส เพราะเป็นเครื่องปรุงที่ใส่เเล้วทำให้รสชาติของอาหารน่าทานมากขึ้น
เชื่อว่า หลายๆ คนในทุกบ้านเวลาที่คุณทำกับข้าวหรืออาหารสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ผงชูรส เพราะเป็นเครื่องปรุงที่ใส่เเล้วทำให้รสชาติของอาหารน่าทานมากขึ้น
ผงชูรส ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ทำจาก กระบวนการหมักเช่น เดียวกับเบียร์ น้ำส้มสายชู หรือโยเกิร์ต โดยกระบวนการผลิตจะเริ่มต้นจากการหมักกากน้ำตาลจากอ้อย หรือน้ำตาลจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติโดยผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ได้จะเป็นผลึกขาวบริสุทธิ์ ละลายน้ำได้ง่าย และเข้ากับอาหารได้ทุกชนิด…
คุณรู้ไหมว่า ผงชูรสที่ใส่ในอาหารอยู่เนี่ยมันผสมอะไรบ้าง
งั้นเรามาดูกระบวนการผลิตผงชูรสกันดีกว่า
1. นำแป้งมันสำปะหลังหรือโมลาสผสมกับกรดซัลฟิกริก(กรดอย่างแรงหรือที่ผสมในน้ำยาล้างห้องน้ำ)ในอุณหถูมิ 130C จะได้ น้ำตาลกลูโคสออกมา
2. นำสารละลายของน้ำตาลกลูโคสที่ได้ผสมยูเรีย(หาได้จากน้ำปัสสาวะ)หมัก30ชม. จะได้ แอมโมเนียกลูตาเมต
3. นำแอมโมเนียกลูตาเมตผสมกรดไฮโดรคลอริก(กรดแก่ ที่ใช้ล้างห้องน้ำ) ได้กรดกลูตามิกกับแอมโมเนียคลอไรด์
4. นำกรดกลูตามิกนำไปผสมโซเดียมไฮดรอกไซด์ NaOH(เบสแก่ หรือน้ำยาล้างท่อ)ก็จะได้ผงชูรส(โมโนโซเดียมกลูตาเมต)และน้ำ
ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตคือแอมโมเนียคลอไรด์ ซื่งใช้ทำปุ๋ยเพิ่มธาติ N ในดิน
ประโยชน์และโทษ
ผงชูรส มีประโยชน์คือทำให้อาหารมีกลิ่นแรงขึ้น เน้นรสอาหาร ส่วนประโยชน์อย่างอื่นๆเท่าที่ศึกษาไม่พบ
มีรายงานว่าผงชูรสเป็นสารมีพิษ เมื่อรับประทานผงชูรสบางคนมีอาการปวดหัว ร้อนวูบวาบตามตัว หัวใจเต้นแรง ชาบริเวณใบหน้า เจ็บหน้าอก ร้อฉ่าที่คอ อาจมีอาการคลื่นเยนอาเจียนด้วย
PS. ถ้าหากย้อนคืนวันเวลาได้อีกครั้ง อย่างไรฉันก็จะยอมให้เป็นเหมือนเดิม จะรักเธอเหมือนที่เคยทำรับความเป็นไป จนถึงนาทีสุดท้าย
เป็นไงบ้างละจ๊ะสำหรับส่วนผสมของ “ผงชูรส” ที่เรากินอยู่ทุกวันขอบอกก่อนนะคะถ้าหากเรากินเยอะไปมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพ
baabore.com