เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ซาลาเปาอยาดเอามาฝากทุกคน เพราะเป็นประโยชน์ อย่างมากกับผู้ป่วยเป็นโรคร้ายเช่น มะเร็ง ต่อมไทรอยด์ ทุกวันนี้คนกลัว มะเร็งยิ่งกว่าโรคอื่นซะอีกเพราะมันทรมารมาก และน่ากลัว
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ซาลาเปาอยาดเอามาฝากทุกคน เพราะเป็นประโยชน์ อย่างมากกับผู้ป่วยเป็นโรคร้ายเช่น มะเร็ง ต่อมไทรอยด์ ทุกวันนี้คนกลัว มะเร็งยิ่งกว่าโรคอื่นซะอีกเพราะมันทรมารมาก และน่ากลัว แต่บังเอิญที่ซาลาเปาแห่งอัพยิ้มไปอ่านเจอเรื่องราวนี้ก็เลยเอามาฝากทุกคนใครอยากรู้ว่าเพราะอะไรทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงหายจากโรคมะเร็งตามซาลาเปามาทางนี้เลยครับ
แคนดีสถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ระยะที่ 4 ชนิดพาพิลลารีและอาจอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี เธอได้รับคำแนะนำให้ผ่าก้อนเนื้อออกเพื่อต่ออายุให้นานขึ้น ทว่าการผ่าตัดไม่ประสบความสำเร็จแถมมะเร็งก็ยังลุกลามไปที่ลำคอและตับของเธอด้วย แคนดีสต่อต้านการทำเคมีบำบัดอย่างหนักแน่นเนื่องจากเธอมองว่าการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นสาเหตุทำให้เพื่อนและญาติของเธอเสียชีวิต (อายุ 31 ปีและ 13 ปีตามลำดับ) ดังนั้น แคนดีสจึงตัดสินใจเลือกการรักษาแบบเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้
เริ่มจากขั้นตอนแรกแคนดีสได้เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเหล้า และเลิกใช้เครื่องสำอางรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีอื่นๆ นอกจากนี้เธอยังลาออกจากงานและเลิกรากับสามีที่ไม่ให้กำลังใจเธอด้วย ขณะเดียวกันแคนดีสก็เริ่มฝึกโยคะ เปลี่ยนวิธีคิดเป็นเชิงบวก และฝึกสมาธิ รวมถึงหันมารับประทานอาหารเจ เธอเชื่อว่าการงดเนื้อสัตว์จะทำให้ร่างกายมีกำลังในการต่อสู้กับโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
ประเด็นคือ เนื้อสัตว์มีโปรตีนซึ่ง เป็นอาหารของมะเร็งและใช้เวลาในการย่อยนานมาก ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยที่ยังรับประทานเนื้อสัตว์จึงไม่หายจากโรคมะเร็งเนื่องจากร่างกายจะใช้พลังงานในการย่อยโปรตีนสัตว์ที่ซับซ้อนแทนที่จะไปต่อสู้กับมะเร็ง
อาวุธลับในการต่อสู้กับโรคมะเร็งของแคนดีสคือสับปะรด ผลไม้เขตร้อนชนิดนี้อุดมไปด้วยโบรมีเลนซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบยิ่งไปกว่านั้นมันจะช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์ที่ทำหน้าที่สังหารเซลล์มะเร็งอีกด้วย แคนดีสจะดื่มน้ำสับปะรดวันละ 3 แก้ว
นอกจากนี้ยังผสมกีวี กล้วย มะนาว เกรปฟรุต มะละกอ และแอปเปิ้ลด้วย และเพียงหกเดือนหลังจากที่เธอรับประทานอาหารสูตรใหม่นี้ โรคมะเร็งระยะที่ 4 ของเธอก็อันตรธานหายไป
ระดับไทโรโกลบูลินของแคนดีส (โปรตีนที่เกิดจากเซลล์มะเร็ง) ลดลงจาก 13 เหลือ 0.7 นาโนแกรมต่อมิลลิลิตร ต่อมาอีกห้าปีก็ลดลงอีกจนเหลือ 0.02 ซึ่งสูงกว่าระดับของคนที่มีสุขภาพปกติเพียง 0.01 เท่านั้น
เป็นไงกันบ้างล่ะครับ กับเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อแต่มันเป็นไปแล้ว พึ่งรู้เหมือนกันว่าสับปะรดต้านโรคมะเร็ง ฝากกันเลยก็แล้วกันนะครับ ใครที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อยู่ คนที่ไม่เป็นก็กินได้นะครับ ต้านไว้จะได้ไม่ต้องเป็น
ที่มา az.upyim.co