การกัดเล็บ โรคมะเร็งนิ้ว อาจถามหาจนต้องถูกตัดทิ้ง เรื่องจริงที่ผู้หญิงชอบทำ!!


3,148 ผู้ชม

หลังจากที่อ่านข่าวนี้รับรองว่า คุณจะไม่อยากเอานิ้วเข้าไปในปากอีกเลย หญิงสาวเพิ่งเข้ารับการตัดอวัยวะหลังจากที่เป็นโรคมะเร็งชนิดหายาก สาเหตุน่ะเหรอ? การกัดเล็บยังไง....


หลังจากที่อ่านข่าวนี้รับรองว่า คุณจะไม่อยากเอานิ้วเข้าไปในปากอีกเลย (ซึ่งก็เป็นข้อดีเพราะมันคือแหล่งเชื้อโรค) คอร์ทนีย์ วิธฮอร์น สาวน้อยอายุ 20 ปี เพิ่งเข้ารับการตัดอวัยวะหลังจากที่เป็นโรคมะเร็งชนิดหายาก สาเหตุน่ะเหรอ? การกัดเล็บยังไง

การกัดเล็บ โรคมะเร็งนิ้ว อาจถามหาจนต้องถูกตัดทิ้ง เรื่องจริงที่ผู้หญิงชอบทำ!!

จากข้อมูลของ The Sun พบว่า วิธฮอร์นมีนิสัยชอบกัดเล็บขั้นรุนแรงซึ่งในปี 2014 เธอเคยกัดเล็บนิ้วหัวแม่มือจนกุดและไม่เคยงอกกลับมาเหมือนเดิมอีกเลย ในที่สุดเนื้อรองหน้าเล็บของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบเข้ารับการรักษาทันทีและรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นโรคมะเร็งชนิดหายากซึ่งเกิดขึ้นบริเวณมือกับเท้าโดยบรรดาแพทย์เชื่อว่าสาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมการกัดเล็บของเธอนั่นเอง

วิธฮอร์นกล่าวว่า “ตอนที่รู้ว่าการกัดเล็บคือสาเหตุของโรคมะเร็งชนิดนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก” เธอเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งเพื่อกำจัดเนื้อรองหน้าเล็บดังกล่าวและโชคดีที่เซลล์มะเร็งในนิ้วหัวแม่มือกับต่อมน้ำเหลืองของเธอไม่ได้แพร่กระจายออกไป ทว่าทีมศัลยแพทย์ก็ยังจำเป็นต้องตัดนิ้วหัวแม่มือของเธออยู่ดี

การกัดเล็บ โรคมะเร็งนิ้ว อาจถามหาจนต้องถูกตัดทิ้ง เรื่องจริงที่ผู้หญิงชอบทำ!!

วิธฮอร์นเล่าว่า “ไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันถึงอัตราการรอดชีวิตหรือโอกาสที่จะกลับมาใหม่แต่ฉันก็ยังรอผลการผ่าตัดเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่ และถ้าไม่มีอะไรผิดปกติแล้วทีมศัลยแพทย์ก็จะขอติดตามอาการอีกครั้งในอีกห้าปีข้างหน้า ที่สำคัญฉันต้องตรวจร่างกายและตรวจเลือดเป็นประจำด้วย”

เราทุกคนควรรู้สึกกลัวไหม?

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมการกัดเล็บยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งชนิดนี้ 100% และไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงด้วย แต่เป็นที่รู้กันดีว่าโรคมะเร็งชนิดดังกล่าวสามารถพบได้บ่อยกับผู้ที่มีผิวสีและเป็นไปได้ว่าเกิดจากพันธุกรรมและ/หรือแสงยูวี

ทั้งนี้การกัดเล็บก็อาจมีส่วนด้วยเช่นกัน แม้กระนั้นก็มีโอกาสน้อยมากที่พฤติกรรมการกัดเล็บจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เรียกว่า การกัดเล็บแทบไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเลย มันเป็นแค่พฤติกรรมที่น่าขยะแขยงต่างหากโดยเฉพาะเมื่อมีเชื้อไข้หวัดใหญ่กระจายอยู่ทั่วทุกที่ แต่ถ้าคุณสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นในเล็บหรือบริเวณผิวหนังก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีอย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง

ที่มา:  issue247.com

อัพเดทล่าสุด