อย่าให้ลูกเรียนอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จักช่วยงานที่บ้านด้วย


2,706 ผู้ชม

อย่าให้ลูกเรียนอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จักช่วยงานที่บ้านด้วย บทความดีๆที่คุณต้องแชร์....


อย่าให้ลูกเรียนอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จักช่วยงานที่บ้านด้วย

หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้วยผลการเรียนดีเยี่ยม

ไปสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง

หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรกไปแล้ว

ผู้อำนวยการได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ

ผู้อำนวยการเห็นข้อมูลในประวัติของหนุ่มคนนี้ว่า

มีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกวิชาตลอดมา

ตั้งแต่อุดมศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย ดีจนน่าแปลกใจ

ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า ” เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ? “

ชายหนุ่มตอบว่า ” ไม่เคยครับ “

ผู้อำนวยการถามต่อว่า ” คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม…? “

ชายหนุ่มตอบว่า ” คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม”

ผู้อำนวยการถามต่อว่า ” คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน…? “

ชายหนุ่มตอบว่า ” คุณแม่รับจ้างซักผ้ารีดผ้า “

ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา ชายหนุ่มยื่นมือที่อ่อนนุ่มเรียบลื่นไม่มีที่ติให้ดู

ผู้อำนวยการถามต่อว่า ” เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า…? “

เขาตอบว่า ” ไม่เคยครับ ผมมีหน้าที่เรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะๆ เพียงอย่างเดียว ส่วนการรับจ้างซักผ้าหาเงินส่งผมเรียนเป็นหน้าที่ของคุณแม่ “

ผู้อำนวยการบอกว่า ” ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ วันนี้เธอกลับไปที่บ้าน ช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า “

ด้วยความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมาก

เมื่อเขากลับไปถึงบ้าน เขาจึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา

ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจ จึงค่อยๆส่งมือให้ลูก

หนุ่มน้อยค่อยๆ ล้างมือให้แม่ อยู่ๆน้ำตาไหลก็ออกมา

เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้น เหี่ยวย่น และ เต็มไปด้วยริ้วรอย

ซึ่งเกิดจากการรับจ้างซักผ้าอย่างหนัก และ ผงซักฟอกกัด

นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตระหนักรู้ว่า… มือคู่นี้เอง

ที่ซักผ้าทุกวันเพื่อหารายได้มาส่งให้เขาได้เล่าเรียน

รอยบนฝ่ามือเหล่านี้คือ ราคาทีแม่ต้องจ่ายไป

เพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา

เพื่อผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเขา

คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกันอยู่นาน

เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศ

ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเขา

จึงพูดขึ้นว่า… ” ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร ? “

ชายหนุ่มตอบว่า ” ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจนเสร็จ “

ผู้อำนวยการบอกว่า ” ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง “

ชายหนุ่มตอบ

ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณ ถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย

ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงาน ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง

ข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความรักและความผูกพันในครอบครัว

 อย่าให้ลูกเรียนอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จักช่วยงานที่บ้านด้วย

ผู้อำนวยการจึงบอกว่า ” นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการฉันอยากได้ คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ อยากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบาก ของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่าง และ อยากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงิน เป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว เป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน “

ในเวลาต่อมาชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ทำงานอย่างหนักและได้รับความนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา ทุกคนทำงานเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง กิจการของบริษัทก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี

 อย่าให้ลูกเรียนอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จักช่วยงานที่บ้านด้วย

เด็กที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัยได้รับทุกอย่างที่ต้องการ

จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก

เขาจะไม่สนใจ ความเหนื่อยยากของพ่อแม่

เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาดหวังว่า ใคร ๆ จะต้องเชื่อฟังเขา

เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาลูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร

และ มักจะโทษคนอื่น กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจ

ลักษณะนี้อาจจะเก่ง อาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหนึ่ง

แต่ในที่สุด แล้ว เขาจะไม่สำนึกถึงคุณค่าของความสำเร็จ

ถ้าเรากำลังเป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้ จงถามตัวเราว่า…

เรากำลังให้ความรัก กับลูกหรือ กำลังทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้คุณภาพกันแน่

เราให้ลูก ๆ มีบ้านใหญ่ ๆ อยู่ กินอาหารดี ๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่

แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย หลังอาหารให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเอง

ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้ แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้ คือ รู้คุณค่าของความพยายาม

ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น

เรื่องราวดีๆจาก : เพจ อ่านนะ

อัพเดทล่าสุด