ตำแหน่งของต่อมลูกหมากอยู่ล้อมรอบฐานของกระเพาะปัสสาวะ มีขนาดเท่ากับมะนาวลูกเล็ก ๆ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ 3 ประการคือ....
ความลับ ป้องกันโรคต่อมลูกหมาก เริ่มลองคืนนี้!
เรื่องของต่อมลูกหมาก เป็นเรื่องของผู้ชายโดยเฉพาะ และส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายเกือบทุกคนจะมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากทั้งสิ้น
ตำแหน่งของต่อมลูกหมากอยู่ล้อมรอบฐานของกระเพาะปัสสาวะ มีขนาดเท่ากับมะนาวลูกเล็ก ๆ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ 3 ประการคือ ต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากโต และมะเร็งของต่อมลูกหมาก
อาการที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมาก
เนื่องจากต่อมลูกหมากอยู่ลึก และมองไม่เห็น เวลาต่อมลูกหมากมีปัญหาจึงสังเกตได้ยากกว่าปัญหาของอวัยวะอื่น ผู้ชายทุกคนจึงควรรู้ไว้ก่อนว่าอาการที่จะเกิดขึ้นกับต่อมลูกหมากมีอะไรบ้าง จะได้ไปตรวจหาสาเหตุของโรคเสียแต่เนิ่น ๆ
อาการเจ็บหรือระคายเคือง บริเวณท้องน้อยส่วนล่าง อาจจะเกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากโตแล้วเกิดอักเสบ แต่อาการอื่น ๆ ที่จะบ่งบอกว่าต่อมลูกหมาก มีปัญหามีดังต่อไปนี้คือ
ปัสสาวะมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ปัสสาวะไม่เป็นสาย ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะบ่อย รู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะเต็มอีกแล้วทั้ง ๆ ที่เพิ่งปัสสาวะ ปัสสาวะสะดุด เมื่อปัสสาวะสุดแล้วยังมีปัสสาวะหยดออกมาอีก กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ปัสสาวะออกมามีเลือดปน เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้วรู้สึกเจ็บ ปัสสาวะแสบหรือรู้สึกระคายเคือง เจ็บบริเวณหัวเหน่า ปวดหลังและบริเวณสะโพกเรื้อรัง ปวดอัณฑะหรืออัณฑะบวม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกแทบจะไม่มีอาการแสดงอะไรเลย หากมีอาการชัดเจนแล้ว เช่น เลือดออกเป็นต้น แปลว่าเป็นอาการระยะท้ายซึ่งจะรักษายาก ดังนั้นผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปควรตรวจเช็คต่อมลูกหมาก และตรวจเลือดหาค่าของ PSA เป็นประจำ
ควรรู้ไว้ว่า ผู้ชายอายุ 60-70 ปี จำนวนครึ่งหนึ่งที่จะมีต่อมลูกหมากโต และผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปจำนวน 70% ที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
อะไรบ้างเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคของต่อมลูกหมาก
1. กรรมพันธุ์
ใครก็ตามที่มีญาติสายตรงมีต่อมลูกหมากโต หรือเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก โอกาสที่จะเป็นโรคดังกล่าวมีมากกว่า และมักจะเป็นโรคนี้เมื่ออายุยังน้อย
2. อาหาร
มีหลักฐานแน่นอนว่า หากกินอาหารไขมันสูงเกินไป อาหารแคลอรี่สูงเกินไป จะทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากเป็น 2 เท่าของคนที่กินไขมันน้อยกว่า หรือคนที่กินอาหารปริมาณน้อยกว่า ดังนั้นอาหารไทยแท้ ๆ ประเภทแกงส้ม ต้มยำ น้ำพริก จะดีกว่าอาหารมัน ๆ แบบอาหารฝรั่งหรืออาหารจีน
มีหลักฐานว่า ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้เป็นต้น ผักสดและผลไม้สด สามารถลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากลง
3. กิจกรรมทางเพศ ใ
ครก็ตามที่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากประมาณ 2 เท่า มีกระทั่งรายงานในอเมริกาว่า หากมีคู่นอนหลายคนก็จะมีโอกาสป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่า
4. บุหรี่
เป็นที่แน่นอนว่าคนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า
5. ฮอร์โมน
โดยเฉพาะฮอร์โมน DHEA (dehydroepiandrosterone) ซึ่งนิยมใช้เพื่อชะลอความชรา ใช้เผาผลาญไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มภูมิต้านทาน ใช้รักษาอัลไซม์เมอร์และพาร์กินสันในบางราย ฮอร์โมนดังกล่าวจะทำให้ต่อมลูกหมากบวมและโตขึ้น และคาดว่าน่าจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ดังนั้นหากไม่อยากเป็นโรคของต่อมลูกหมาก ควรเลี่ยงปัจจัยดังที่กล่าวมา
ค่าของ PSA
PSA เป็นการตรวจเลือดหาค่าของ prostate specific antigen ซึ่งหากมีค่าที่สูงกว่าปกติ คือประมาณ 4 ng/mL ก็แสดงว่าก็น่าสงสัยว่าต่อมลูกหมากอาจจะผิดปกติ
แต่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคของทางเดินปัสสาวะของเมโย คลินิก ยอมให้คนที่มีอายุมากขึ้นมีค่าปกติ ของ PSA ที่สูงขึ้น
ดังนี้ อายุ 60 PSA= 4 อายุ 65 PSA=4.5 อายุ 70 PSA= 5.3 อายุ 75 PSA=6.2 อายุ 80 หรือมากกว่า PSA=7.2 แสดงว่าเมื่ออายุมากขึ้นค่าของ PSA ที่ปกติก็สูงขึ้นตาม
ยังมีการตรวจเลือดอีกแบบหนึ่งคือการหา % free PSA ซึ่งถ้าค่าของ % free PSA ต่ำกว่า 20 แสดงว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก 20% ค่า%free PSA ยิ่งต่ำ ยิ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น
ถ้าไปตรวจเลือดมาแล้ว หากได้ผลการตรวจออกมาเป็นเช่นไร ลองพิจารณาตามตารางข้างใต้นี้เพื่อจะได้รู้ว่าคุณมีอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากแค่ไหน
ค่า PSA และค่า % free PSA
● ค่าPSA
ถ้าตรวจพบว่าค่า PSA ในเลือดเป็นเท่าไร พอจะบอกอัตราเสี่ยงของมะเร็งได้ดังนี้ (ค่ายิ่งมาก ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งมาก)
0-2 อัตราเสี่ยงของมะเร็ง 1%
2-4 15%
4-10 25%
● ค่า % free PSA สามารถบอกอัตราเสี่ยงได้ดังนี้ (ค่ายิ่งมากยิ่งมีอัตราเสี่ยงน้อย)
0-10 อัตราเสี่ยงของมะเร็ง 56%
10-15 28%
15-20 20%
20-25 16%
มากกว่า 25 8%
วิธีป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก
การป้องกันโรคของต่อมลูกหมากมีความจำเป็นสำหรับผู้ชายที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ และยังจำเป็นสำหรับผู้ชายทุกคนที่อยู่ในวัยใกล้ 60 ปีหรือมากกว่า
มาตรการป้องกันต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากไม่ได้แตกต่างไปจากการดูแลตัวเองด้วยธรรมชาติบำบัดอื่น ๆ แต่อย่างใด นั่นคือหนีไม่พ้นต้องปรับอาหาร เปลี่ยนพฤติกรรม
1. อาหาร
นอกจากเลี่ยงการกินที่ล้นเกิน และเลี่ยงอาหารไขมันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นมวัว เนย และผลิตภัณฑ์จากนมวัวทุกชนิดซึ่งมีรายงานชัดเจนว่านมวัวเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ ครีมเทียม กะทิ ข้าวมันไก่ ขาหมู ฯลฯ ก็จำเป็นต้องเลี่ยงด้วย
สำหรับเครื่องดื่มที่ต้องระวังคือ แอลกอฮอล เนื่องจากแอลกอฮอลทำให้ต่อมลูกหมากบวมเสมอ ใครก็ตามที่มีต่อมลูกหมากโตแล้วจำเป็นต้องงดแอลกอฮอลอย่างเด็ดขาด โดยทั่วไปแลอกออลกินได้ไม่มากนักหรอก อย่างไวน์ก็วันละเพียง 30-50 ซีซี วิสกี้บรั่นดี 15 ซีซี ไลท์เบียร์ 1 กระป๋อง เพียงปริมาณนี้เท่านั้นจึงจะไม่กระเทือนต่อต่อมลูกหมาก
อาหารในชีวิตประจำวันควรเป็นข้าวกล้องทุกมื้อ ผักสดและผลไม้สดปริมาณมากพอ ได้แก่ ผักสด 2 จานเล็ก ผลไม้สดขนาดเท่ากับแอบเปิล 2 ลูก และน้ำผลไม้คั้นสด ๆ 200 ซีซี
อาหารที่แนะนำ เนื่องจากพบว่ามีสารอาหารบางตัวที่สามารถต้านมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ได้แก่
●มะเขือเทศ
เนื่องจากมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศทุกชนิดมี ไลโคปีน ซึ่งเป็นสีแดงในมะเขือเทศ มีบทบาทเป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรง ป้องกันกระบวนการเสื่อมของเซลล์ต่อมลูกหมากได้ดี มี
รายงานว่าไลโคปีนสามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดูเหมือนว่ามะเขือเทศสุกเช่น น้ำมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ จะดีกว่ามะเขือเทศสด เนื่องจากการทำให้สุก ทำให้ไลโคปีนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า
นอกจากนี้ไลโคปีนในมะเขือเทศยังสามารถลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ เต้านม ปอด และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย
เรายังสามารถหาไลโคปีนได้จากผลไม้อื่น ๆ ได้แก่ แตงโม ฝรั่ง และสับปะรด
● ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวนซึ่งสามารถปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกายสู่สมดุล เนื่องจากเรารู้ว่าฮอร์โมนเพศเทสโตสเตอโรนกระตุ้นให้เกิดต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก ไอโซฟลาโวนทำให้การกระตุ้นของเทสโตสเตอโรนน้อยลงจึงสามารถลดอัตราเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมาก
ในเอเซีย ประเทศที่กินถั่วเหลืองเป็นประจำเช่นจีนกับญี่ปุ่น พบว่าสถิติการป่วยด้วยโรคของต่อมลูกหมากน้อยกว่าประเทศในแถบอื่นมาก
● ชาเขียว
ชาเขียวมี EGCG ( epigallocatechingallate) ซึ่งต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีรายงานว่าสารสะกัดจากชาเขียวเข้มข้นสามารถกระทั่งฆ่าเซลล์มะเร็งของต่อมลูกหมากได้ หมายความว่าจะต้องกินสารสะกัด EGCG เป็นเม็ด ไม่ใช้แค่ดื่มชาเขียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะท้ายที่ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนแล้ว จะใช้ EGCG ไม่ได้ผล
● กระหล่ำและพืชตระกูลกระหล่ำ
ได้แก่ กระหล่ำดอก กระหล่ำปลี กระหล่ำปลีสีม่วง กระหล่ำดาว บร็อคโคลี่ ผักกาดฮ่องเต้ รวมไปถึงหัวผักกาดด้วย เหล่านี้มีสารตั้งต้นของกลูตาไทโอน สามารถกระตุ้นการขับสารพิษของตับ และต้านมะเร็งได้หลายตัวรวมทั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก
● กระเทียม
เนื่องจากมีรายงานว่าในท้องที่ซึ่งกินกระเทียมกันมากมีสถิติการป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่า ว่ากันว่ากระเทียมมีกำมะถันสูง และนี่เองที่สามารถทำให้กระเทียมป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
● เมล็ดฟักทอง
มีสังกะสีสูง สังกะสีที่มากพอจะช่วยป้องกันโรคของต่อมลูกหมากได้ดี รวมทั้งป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย สมัยโบราณ หมอยาไทยแนะนำให้คนที่ปัสสาวะลำบากจากต่อมลูกหมากโต กินเมล็ดฟักทอง วันละ 60 เมล็ดเพื่อแก้อาการนี้
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานโดยรวมดีขึ้น รวมทั้งช่วยคลายเครียด การออกกำลังกายที่ถูกต้องจะช่วยทำให้สารเอนดอร์ฟินส์หลั่ง ทำให้เกิดอาการปิติ สบายเนื้อตัว และช่วยป้องกันมะเร็งโดยทั่วไป รวมทั้งมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
การออกกำลังกายที่ดีจะต้องออกแรงมากพอ คือใช้ความสามารถทั้งหมด 60% ออกกำลังกายครั้งละนานกว่า 30 นาทีขึ้นไป และที่สำคัญกว่าคือต้องสม่ำเสมอ เช่นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
วิธีการออกกำลังกายนั้นแล้วแต่ถนัดได้แก่ เดิน เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เดินในน้ำ เต้นแอโรบิก แอโรบิกในน้ำ เต้นรำ เล่นเทนนิส เดินป่า ตีกอล์ฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบตะวันออกจะช่วยได้มาก เช่นไท้เก็ก ชี่กง โยคะ ซึ่งหากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายโดยทั่วไปจะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งขึ้น
3.คลายเครียดและสมาธิ
เนื่องจากโรคของต่อมลูกหมากเกิดกับผู้ชายวัยเกษียณเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะเป็นวัยเปลี่ยนของผู้ชาย จนกระทั่งกล่าวกันว่าเป็น “วัยทอง” ของเพศชาย
การปรับตัวในวัยนี้มีความจำเป็น วิธีคลายเครียดยิ่งมีความจำเป็นเพื่อสุขภาพโดยรวมและสุขภาพต่อมลูกหมาก การหางานอดิเรกที่ไม่เครียดทำ ใช้เสียงเพลง การฝึกสมาธิ การสวดมนตร์ ล้วนมีผลต่อจิตสงบทั้งสิ้น
4. วิตามินและอาหารเสริม
● สังกะสี วันละ 50-100 มก.
● เซเลเนียม วันละ 200 ไมโครกรัม
● เบต้าแคโรทีน วันละ 18-36 มก.
● วิตามินซีชีวภาพ วันละ 4000 มก.
● วิตามินอี วันละ 800 หน่วยสากล
ซึ่งทั้งหมดนี้หาได้จากอาหารที่แนะนำเอาไว้แล้วข้างต้น หากกินอาหารให้ครบส่วนแล้วก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกินวิตามินและอาหารเสริมแต่อย่างใด
ที่มา: พญ.ลลิตา ธีระสิริ
- แค่นอนก็ผอมได้! 9 สิ่งที่ช่วยให้คุณน้ำหนักลดขณะนอนหลับ
- 4 อาหารทำลายกระดูก รู้แล้วควรเลี่ยงซะ!
- สิวปัญหาโลกแตกของวัยรุ่น ใครชอบบีบสิวควรอ่าน
- สูตรแก้ริดสีดวงทวารหายขาด เพียงแค่ใช้สองสิ่งนี้ ใครที่เป็นอยู่ควรอ่าน !!
- เผยอาหาร 10 อย่าง ห้ามกินเด็ดขาด เสี่ยงติดโควิด-19 มากที่สุด
- ตาขายโฟมห่อผลไม้ อย่าทิ้ง มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
- นอนดึก 8 ผลเสียอันตราย รู้แล้วรีบเปลี่ยนด่วน ก่อนจะสายเกินแก้
- อาการบ้านหมุน วิงเวียน แพทย์เตือน! ไม่ใช่เรื่องเล่น ใครเป็นถือว่าไม่ปกติ
- ถ้าเรากินเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 4 เม็ดทุกวัน ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงมาก