เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเดือนที่เปิดโอกาสให้ มุสลิมทุกคนได้ทำความดี ซึ่งมีผลตอบแทนที่ทวีคูณ การถือศีลอด เป็นหนึ่งในเสาหลักที่ถือเป็นวาญิบ และการละเว้นการปฏิบัติ ย่อมต้องมีการ ชดใช้ หรือการทดแทน
ฟิดยะฮฺ กัฟฟาเราะฮฺ ใครต้องจ่าย?
เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเดือนที่เปิดโอกาสให้ มุสลิมทุกคนได้ทำความดี ซึ่งมีผลตอบแทนที่ทวีคูณ การถือศีลอด เป็นหนึ่งในเสาหลักที่ถือเป็นวาญิบ และการละเว้นการปฏิบัติ ย่อมต้องมีการ ชดใช้ หรือการทดแทน
คำว่า “ฟิดยะฮ์” หมายถึง อาหารที่จ่ายให้แก่คนยากจน เพื่อทดแทนการถือศีลอดที่เป็นวาญิบ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถถือศีลอดได้ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ :-
1.ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องถือศีลอดแต่นักวิชาการมีความเห็นต่างกันในประเด็นที่ว่า จำเป็นต้องจ่ายฟิดยะฮ์อย่างเดียว หรือต้องถือศีลอดชดใช้ด้วย
2.ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องถือศีลอด แต่จำเป็นต้องจ่ายฟิดยะฮ์ (อาหารสำหรับคนยากจน) เพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องถือศีลอดชดใช้
กลุ่มแรก
คือ สตรีที่ตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตร กรณีที่นางไม่ถือศีลอด เนื่องจากเกรงว่า จะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์หรือทารก โดยที่ไม่ได้ส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายต่อตัวนางเอง ซึ่ง อนุญาตให้นางทั้งสองละศีลอดได้ แตได้มีความเห็นต่างกันในเรื่องการถือศิลอดชดใช้ และการจ่ายฟิดยะฮฺ ของนักวิชาการในประเด็นดังกล่าว ดังนี้ :-
- ทัศนะแรก มีความเห็นว่า หากนางไม่ถือศีลอด เนื่องจากเกรงว่า จะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์หรือทารกในครรค์ นางทั้งสองจำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้ พร้อมทั้งต้องจ่ายฟิดยะห์ (อาหารสำหรับคนยากจน) 1 มื้อ ทุกวันที่ขาดการถือศีลอดไป ทัศนะนี้ เป็นทัศนะของท่านอิมามอะหมัด อิบนิฮันบัล โดยอาศัยหลักฐานจาก อายะฮ์อัลกุรอานที่ว่า
"(وَعَلَى الَّذِينَ يُطِيقُونَهُ فِدْيَةٌ طَعَامُ مِسْكِينٍ)"
ความว่า : และบรรดาผู้ที่ถือศีลอดด้วยความลำบากยิ่ง (โดยที่เขาได้งดเว้นการถือ) นั้น คือ การชดเชยอันได้แก่การให้อาหาร (มื้อหนึ่ง) แก่คนยากจนคนหนึ่ง (ต่อการงดเว้นจาการถือหนึ่งวัน) " ( อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ 2:184)
- ทัศนะที่สอง มีความเห็นว่า จำเป็นต้องจ่ายฟิดยะฮ์ (อาหารสำหรับคนยากจน) 1 มื้อ ทุกวันที่ขาดการถือศีลอดไปเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องถือศิลอดชดใช้ ทัศนะนี้ เป็นทัศนะของอิบนุอับบาส และอิบนุอุมัร
- ทัศนะที่สาม มีความเห็นว่า จำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้เท่านั้น ไม่ต้องจ่ายฟิดยะฮฺ ทัศนะนี้ เป็นทัศนะของ มัซฮับฮะนะฟี และปราชญ์ในยุคตาบิอีน เช่นท่าน อะฏออฺ ท่านซุฮรี่ ท่านฮะซัน ท่านสะอีดอิบนิญุเบร ท่านนัคอีย์ เป็นต้น
กลุ่มที่สอง ได้แก่ :-
1. คนป่วยเรื้อรัง หรือคนป่วยไม่มีหวังที่จะหาย เช่นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไต ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้อง รับประทานอาหาร และยาอยู่เป็นประจำ
2. คนชราภาพ ทั้งชายและหญิงที่สูงอายุ และมีความอ่อนแอ ซึ่งการถือศีลอด เป็นสิ่งที่ยากลำบากแก่เขา หรืออาจส่งผลเสียให้แก่ตัวของเขาได้
ด้วยหลักฐาน ดังนี้ :-
ท่านสะอีด อิบบิญุบัยร เล่าว่า ท่านอิบนุอับบาส อ่านอัลกุรอานในอายะฮ์ที่ว่า
"(وَعَلَى الَّذِينَ يُطِيقُونَهُ فِدْيَةٌ طَعَامُ مِسْكِينٍ)"
ความว่า : "และบรรดาผู้ถือ (ศิลอด) โดยลำบากยิ่ง การชดใช้ คือ การให้อาหารแก่คนขัดสน (หนึ่งคน)" ท่านอิบนิอับบาส กล่าวว่า "เป็นข้อผ่อนผันสำหรับ ผู้ที่ชราภาพทั้งชายและหญิง โดยทั้งสองไม่สามารถถือศิลอดได้ ให้ทั้งสองละศิลอดแล้วจ่ายฟิดยะฮ์ (อาหาร) เป็นการทดแทนแก่คนยากจน ทุกๆ วัน (บันทึกโดย อิมามบุคอรี ฮะดีษเลขที่ 4505)
จากอัลกุรอานอายะฮ์ข้างต้น ระบุถึงผู้ที่ไม่สามารถถือศิลอดได้ เช่นนี้ วาญิบสำหรับเขาผู้นั้น จำต้องให้อาหารแก่คนยากยากจนแทน ทุกๆ วัน
ฟิดยะฮฺ ตามทัศนะของอับดุลลอฮ์ อิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ คือสำหรับชายชราและหญิงชราที่ไม่สามารถจะถือศีลอดได้ รวมถึงสตรีมีครรภ์หรือแม่ลูกอ่อนที่ต้องให้นมบุตรโดยเกรงว่าการถือศีลอดจะกระทบต่อสุขภาพของนางหรือลูกของนาง ซึ่งเป็นทัศนะของอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เช่นกัน และรวมถึงผู้ป่วยเรื้อรังซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีทางหาย
โดย สามารถจ่าย ฟิดยะฮฺได้ 2 วิธี คือ :-
1. เลี้ยงอาหารพออิ่ม 1 คนต่อ 1 วันที่ไม่ได้ถือศีลอด โดยจะเลี้ยง วันละ 1 คน หรือจะเลี้ยงทีเดียว 30 คน ในวันเดียวก็ได้เช่นกัน ดังที่ ท่านอนัส อิบนุ มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เมื่อท่านอายุมาก และถือศีลอดไม่ไหว ท่านจะเชิญคนยากจนมาเลี้ยงอาหารที่บ้าน 30 คน ในครั้งเดียว
2. ให้เป็นอาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร 1 มุด หรือประมาณ 5-6 ขีด ต่อ 1 วันที่ไม่ได้ถือศีลอด หรือถ้ามีความสามารถ ก็ให้ 2 มุด (เป็นเรื่องดีกว่า แต่ไม่วาญิบ)
คำว่า “กัฟฟาเราะฮฺ” (اَلْكَفَّارَةُ) ตามหลักภาษา เอามาจากคำว่า (اَلْكَفْرُ) ที่มีความหมายว่า การปกปิด เพราะว่ามันจะคลุมความผิด และบาปเอาไว้ กัฟฟาเราะห์ดังกล่าวนั้น จะเป็นการบริจาคทาน หรือการถือศีลอด หรือที่คล้าย ๆ กับทั้งสอง โดยถือเป็นบัญญัติ โดยมติของปวงปราชญ์ เพื่อเป็นการชดเชยความผิดบางอย่าง และความผิดพลาดตามศาสนบัญญัติ
กัฟฟาเราะฮฺ สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ ขณะถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน การถือศีลอดของเขาในวันนั้น ถือว่าเป็นโมฆะ จำเป็นที่เขาจะต้องถือศีลอดชดใช้ พร้อมการจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ ตามลำดับ ดังนี้ :-
1. ปล่อยทาสเป็นอิสระ 1 คน แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้
2. ถือศีลอดติดต่อกัน 2 เดือน แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้
3. ให้อาหารคนยากจน 60 คน (หะดีษบันทึกโดย อัลบุคอรีและมุสลิม)
สำหรับ การให้อาหารคนยากจน นั้น จะเลี้ยงอาหารปรุงสุก 60 คน ในมื้อเดียว หรือจะจ่ายเป็นอาหารแห้งให้คนยากจน คนละ 1.5 กิโลกรัม (2 มุด) ก็ได้
อีกจำพวกหนึ่ง ที่จำเป็นต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮ์ คือ ผู้ที่ผิดคำสาบาน โดยต้องเลี้ยงอาหารคนยากจน 10 คน หรือ ให้อาหารแห้งแก่คนยากจน คนละ 1.5 กิโลกรัม ก็ได้