ภาษาไทยน่ารู้ : หลักเเละวิธีการเเต่งบทร้อยกรอง ลักษณะข้อบังคับมีอะไรบ้าง พร้อมตัวอย่างการเขียนร้อยกลอง


2,993 ผู้ชม

ร้อยกรองเป็นมรดกทางภาษาที่คนไทยควรภาคภูมิใจ และอนุรักษ์ไว้ร้อยกรองมีลักษณะบังคับที่เรียกว่า "ฉันทลักษณ์"


หลักเเละวิธีการเเต่งบทร้อยกรอง

หลักและวิธีการเเต่งบทร้อยกรอง
ร้อยกรองเป็นมรดกทางภาษาที่คนไทยควรภาคภูมิใจ และอนุรักษ์ไว้ร้อยกรองมีลักษณะบังคับที่เรียกว่า "ฉันทลักษณ์" มีความเเตกต่างกันตามลักษณะของร้อยกรองทั้ง ๕ ประเภท ได้แก่ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย

ลักษณะบังคับของบทร้อยกรอง มี ๙ ประการ ดังนี้
๑.  พยางค์ คือ เสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ จะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ การนับพยางค์ขึ้นกับลักษณะบังคับของบทร้อยกรอง
๒.  คณะ คือ ข้อกำหนดของบทร้อยกรองแต่ละประเภทว่าจะต้องมีจำนวนคำ จำนวนวรรค จำนวนบาท และจำนวนบทเท่าหมด เช่นกลอนแปด
     ๑ บท มี ๒ บาท
     ๑ บาท มี ๒ วรรค
     ๑ วรรค มี ๘ คำ (อาจมี ๗-๙ คำก็ได้)
กาพย์ยานี
     ๑ บท มี ๒ บาท
     ๑ บาท มี ๒ วรรค
     วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ
ตัวอย่าง กลอนเเปด
                            ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์           มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
                    เเม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร               จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
                                                                                                                   สุนทรภู่
๓.  สัมผัส คือ ลักษณะบังคับให้ใช้คำคล้องจองกันมี ๔ ชนิด ได้แก่
๑.  สัมผัสสระ คือ คำที่ใช้สระคล้องจองเป็ฯเสียงเดียวกัน และถ้ามีตัวสะกดมาตราเดียวกัน เช่น
     สระอา มา-จา-ฝา-หา-ป่า
     สระโอะ สะกดแม่กน จน-คน-ฝน-หน-ป่น
     สระอา สะกดเเม่เกย กราย-ชาย-ลาย-หาย-อาย
๒.  สัมผัสพยัญชนะหรือสัมผัสอักษร คือ คำที่ใช้พยัญชนะต้นตัวเดียวหรือเสียงเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงตัวสะกด
     เช่น จ - จิต ใจ จด จอด แจ๋ว
             ด - เด็ก ดื่น ดึก ดื่ม ดาว
             น - นก นอน แนบ น้ำ นิ่ง
๓.  สัมผัสนอก คือ สัมผัสบังคับของร้อยกรองทุกประเภท เป็นคำที่มีเสียงคล้องจองจากวรรคหนึ่ง ใช้เเต่สัมผัสสระไม่ใช้สัมผัสอักษร 
       เช่น               มาถึงบางธรณีทวีโศก               ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น
                    โอ้สุธาหนาเเน่นเป็นแผ่นพื้น              ถึงสี่หมื่นสองเเสนทั้งเเดนไตร
                    เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้           ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
                    ล้วนหนามเหน็บเจ็บเเสบคับเเคบใจ  เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา ฯ
                                                                                                                สุนทรภู่
๔.  สัมผัสใน คือ คำที่มีเสียงสระหรือเสียงพยัญชนะคล้องจองในวรรคเดียวกัน ทำให้บทร้อยกรองไพเราะ เช่น
                          จักจั่นเเจ้วเเว่วหวีดจังหรีดหริ่ง     ปี่แก้วตริ่งตรบเสียงสำเนียงหนาว
                      ยิ่งเย็นฉ่ำน้ำค้างลงพร่าวพราว           พระพายผ่าวพัดไหวทุกใบโพธิ์
                                                                                                                      สุนทรภู่
สัมผัสสระ เเจ้ว-แว่ว, หวีด-หรีด, เสียง-เนียง, ฉ่ำ-น้ำ, ไหว-ใบ
สัมผัสอักษร จัก-จั่น-เเจ้ว, หวีด-หริ่ง, ยิ่ง-เย็น, พร่าว-พราว

คำครุ-ลหุ คือ คำที่ที่เสียงหนักและเสียงเบา บังคับใช้ในบทร้อยกรองประเภทฉันท์
คำครุ มี ๓ ลักษณะ ดังนี้
     ๑.  คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในเเม่ ก กา เช่น เเม่จ๋า ฟ้าใส
     ๒.  คำที่มีตัวสะกด เช่น เด็กน้อย เขียนอ่าน
     ๓.  คำที่ประสมด้วย อำ ไอ ใอ เอา เช่น ขำ ได้ ให้ เขา
คำลหุ คือ คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในเเม่ ก กา
เช่น  กระทะ กะทิ ปะทุ สติ อริ กระบะ ขยะ

ตัวอย่าง คำประพันธ์ที่บังคับครุ ลหุ
                           เเสงสูรย์สาดส่องเเสง                  จรัสเเจ้งจรูญตา
                     เทียนทองส่องทาบฟ้า                       ประโลมหล้าภิรมย์ชม
                           ชวนคิดให้ไตร่ตรอง                      นราผอง ณ ยามตรม
                     ตกอับทุกข์ทับถม                               บ ฝังจมเสมอไป
                                                                                    ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา

๕.  คำเอก คำโท คือ คำหรือพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอกและโท ในตำแหน่งที่กำหนดไว้ในบทร้อยกรองประเภทโคลง และร่าย
      -  คำเอก คือ คำหรือพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอก
      -  คำโท คือ คำหรือพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์โท
๖.  คำเป็น คำตาย เป็นลักษณะบังคับที่ใช้ในการเเต่งโคลง และร่าย โดยเฉพาะโคลงสี่สุภาพ
คำเป็น มี ๓ ลักษณะ คือ
     ๑.  คำหรือพยางค์ที่ประสมสระเสียงยาวในเเม่ ก กา
     ๒.  คำที่มีตัวสะกดในมาตราเเม่ กง กน กม เกย เกอว
     ๓.  คำที่ประสมด้วยสระ อำ ไอ ใอ เอา
คำตาย มี ๒ ลักษณะ คือ
     ๑.  คำที่ประสมสระเสียงสั้นในเเม่ ก กา
     ๒.  คำที่มีตัวสะกดในมาตราแม่ กก กด กบ
๗.  เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา ในการเขียนกลอนต้องรู้ว่าคำท้ายวรรคใดนิยมใช้หรือไม่นิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ ใด สำหรับโคลงสี่สุภาพมีการบังคับเอกโทด้วย เช่น
                             เดินไพรชมหมู่ไม้                มากมี
                         พักผ่อนอารมณ์ดี                    ใช่น้อย
                         บุฟผากลิ่มรมณีย์                    เเสนชื่น
                        ยามบ่ายตะวันคล้อย                ร่มแท้ราวไพร
                                                                    จตุภูมิ วงษ์แก้ว
๘.  คำนำ คือ คำขึ้นต้นสำหรับร้อยกรองบางประเภท
กลอนบทละคร คำว่า เมื่อนั้น บัดนั้น
ตัวอย่าง               บัดนั้นพระยาเภกพิยักษี
                      เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี
กลอนดอกสร้อย คำว่าเอ๋ย (เป็นคำที่ ๒ ของวรรคเเรก)
ตัวอย่าง              เด็กเอ๋ยเด็กน้อย
                      ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
กลอนเสภา คำว่า ครานั้น
ตัวอย่าง              ครานั้นท่านยายทองประศรี
                      กับยายปลียายเปลอยู่เคหา
นิทานคำกลอน ไม่บังคับ
ที่มาและได้รับอนุญาตจาก :
เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ. ภาษาไทย ป.๖. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.

อัพเดทล่าสุด