ชาวบ้านผวาอาถรรพ์นกแสกผีเสียงร้องในวัดเก่าแก่อยุธยา เราควรใช้สติพิจารณาไตร่ตรองก่อนเชื่อเรื่องราวความเชื่อที่สร้างความหวาดผวาน่าสะพรึงกลัว
นสพ.ไทยรัฐโดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 กันยายน 2552, 02:57 น.
ชาวบ้านผวาอาถรรพ์นกแสกผีเสียงร้องคร่า100ศพชาวบ้านผวาอาถรรพ์นกแสกผีในวัดเก่าแก่อยุธยา ร้อง 100 ครั้ง เอาชีวิตคน 100 ศพ แค่ไม่ถึงเดือนมีศพเข้ามาบำเพ็ญกุศลแล้ว 6 ศพติดต่อกัน 1 ในญาติผู้ตายเผยลางมรณะ มีนกแสกมาเกาะหลังคาบ้านร้องเสียงดังน่ากลัวติดต่อกันถึง 3 คืน จู่ๆผู้เป็นยายก็นอนหลับแล้วไม่ฟื้นอย่างน่าฉงน ขณะที่ผู้เฒ่าข้างวัดยอมรับเป็นเรื่องแปลกแต่จริง ติงเรื่องนกแสกร้องแล้วมีคนตาย ควรใช้สติพิจารณาไตร่ตรองก่อนเชื่อเรื่องราวความเชื่อที่สร้างความหวาดผวาน่าสะพรึง
"เช้าวันที่ 14ก.ย.52 วันนี้มีการทดสอบปลายภาคจัดดอกไม้ของพี่ๆ ม.6 ซึ่งจับสลากว่าจะได้จัดดอกไม้ใช้ในงานใด และก็ได้พวงหรีดและดอกไม้งานศพ ทุกคนเตรียมวัสดุอุปกรณ์พร้อม เมื่อเดินเข้าห้องมา ก็เห็นหนังสือพิมพ์ที่ครูเนาว์วางไว้ให้"
นักเรียน "คุณครูขาหนูไม่รู้จักนกแสกค่ะเป็นอย่างไร มันน่ากลัวจังเมื่อเช้าดูทีวี กะว่าจะมาถามคุณครู"
ครูเนาว์ " ความเชื่อของคนไทยเรื่องนกแสกมีมานานมาก สมัยครูเป็นเด็ก อยู่บางปะอิน ละแวกเดียวกับวัดบ้านสร้างที่มีข่าวในหนังสือพิมพ์นั่นแหละ ครูได้ยินเรื่องราวแบบนี้มามาก แต่เขาจะเรียกว่านกแขวก (อาจพูดไม่ชัดหรืออย่างไรครูก็ไม่รู้นะ)ในบ้านครูพี่น้องทุกคนกลัวมาก แต่ครูเพียงคนเดียวที่ไม่ค่อยกล้ว(แอบนิดๆ ฮ่ะๆ) เป็นความเชื่อมาแต่โบราณว่าถ้า "นกแสก"ไปส่งเสียงร้องที่หลังคาบ้านภายใน 3 วัน 7 วัน ต้องมีคนที่รักตายจาก..?? คนโบราณเขามีความเชื่อว่า ถ้าบ้านไหนมีคนเจ็บ คนสูงอายุ หากมีนกแสกบินผ่านหลังคาบ้านแล้วร้องขึ้น แซ๊กๆๆ คนในบ้านที่เจ็บก็จะตาย ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟัง เพราะเหตุนี้เขาจึงเรียกนกผี แต่ที่จริงนกแสกช่วยกินหนู ปัจจุบันนกแสกตัวเป็นๆคงหาดูยาก ความเชื่อนี้อาจจะหายไป พอมีข่าวก็ฮือฮากันใหม่ เป็นเรื่องความเชื่อน่ะ"
นักเรียน "พวหหนูอยากเห็นนกแสกจังเลยค่ะ"
ครูเนาว์"ดูภาพและข้อมูลนกแสกไปก่อนนะ มีโอกาสจะพาไปดู" ดูข่าวในหนังสือพิมพ์ที่นี่ค่ะ
...................
นกแสก (Barn Owl) มีถิ่นที่อยู่อาศัยอยู่ในแถบอินเดีย อันดามัน ชวา พม่า เขมร เวียดนาม โคชินไชนา ลาว และ ประเทศไทย พบมากในแถบทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ รูปร่างลักษณะตัวผู้และตัวเมียจะคล้ายกันคือวงหน้ามีขนสีขาวขึ้นเต็มเป็นรูปหัวใจ ตา กลมดำโต ปาก แหลมงุ้ม ขนตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาลเทา มีจุดขาว และน้ำตาลประปราย ขนใต้ท้อง ขาว ส่วนปีก และ หาง มีลายขวางสีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน เล็บเท้ายาวงุ้มแหลม เล็บนิ้วกลาง ลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ขา ยาว
"นกแสก" ซึ่งเคยสร้างความเชื่อกับคนเฒ่าคนแก่ ให้เกลียดกลัวหนักหนาว่า หากมันไปส่งเสียงร้องที่หลังคาบ้านไหนภายใน 3 วัน 7 วัน ต้องมีคนที่รักตายจากไป ในต่างประเทศ นกแสกก็ยังคงเป็นสัญญลักษณ์แห่งความตายเช่นกัน ในอิตาลี บนเกาะซิซิลี (Sicily) ชาวบ้านเชื่อว่า ถ้าหากนกแสกส่งเสียงร้องใกล้ๆ บ้านหลังใดซึ่งมีคนนอนป่วยอยู่ คนนอนป่วยในบ้านหลังนั้นจะตายภายใน 3 วัน แต่ถ้าในบ้านหลังนั้นไม่มีคนนอนป่วยอยู่ คนในบ้านหลังนั้นจะมีอาการเจ็บป่วยเพราะต่อมทอนซิล (tonsil) อักเสบ อย่างไรก็ดี ชาวโรมันและชาวกรีกโบราณถือกันว่า นกแสกเป็นนกที่บอกลางร้ายเท่านั้น และความเชื่อเช่นนี้ยังสืบทอดติดต่อกันมาจนถึงชาวอังกฤษและชาวยุโรปชาติ อื่นๆ อีกด้วย
ส่วนความเชื่อในด้านดี เช่นในประเทศฝรั่งเศส ตอนใต้ นกแสกกลับกลายเป็นนกที่บอกลางดี เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่า ถ้าหากมีนกแสกมาส่งเสียงร้องอยู่ในปล่องไฟของบ้านหลังใดที่มีหญิงกำลังตั้ง ครรภ์ หญิงคนนั้นจะให้กำเนิดทารกเป็นเด็กผู้หญิง แต่ถ้าหากโยนเกลือเข้าไปในกองไฟในเตาผิงแม้เพียงเล็กน้อย หญิงคนนั้นจะให้กำเนิดทารกเป็นเด็กผู้ชาย
นอกจากนั้นชาวอินเดียเชื่อว่า นกแสกเป็นนกของ พระลักษมี เทวีแห่งโภคทรัพย์และการเกษตร เพราะนกแสกช่วยกินหนูในท้องนาให้ เกษตรกร ชาวฮินดูในแคว้นเบงกอลเองก็เชื่อว่า หากนกนี้ทำรังในบ้านใคร บ้าน นั้นจะมีทรัพย์สินเงินทองที่นกนี้นำโชคดีมาให้ แล้วคุณล่ะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
เชื่อหรือไม่ว่า ขณะนี้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการทดลองให้ชาวสวนปาล์ม เลี้ยง นกแสกหรือ “ไอ้ตาใส” หรือที่หลายคนเรียกมันว่า “นกผี” ไว้คอยจับ “หนู” มาแล้วอย่างได้ผล และต่อมาหลายแห่งนำวิธีดังกล่าวมาใช้ เพื่อเป็นอีกแนวทางในการลดต้นทุนในเรื่องของการซื้อหาสารเคมีส่งผลให้เกิดการสูญเสียมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ กรมวิชาการเกษตร จึงนำต้นแบบอย่างที่ ประเทศมาเลเซีย โดยการ “สร้างรัง” ไว้ในสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อชักนำให้มันเข้ามาอาศัย ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรในฝูง และเพื่อให้มันคอย ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าผลิตผล ในสวนปาล์ม ซึ่ง นกแสก 1 ตัว จะช่วยกำจัดหนูได้มากถึง 700 ตัว/ปี
นักเรียน "ก็ไม่น่ากลัวเลยนะคะ หนูไม่กลัวแล้ว เราสอบกันดีกว่าค่ะ"
ครูเนาว์ " เวลาที่เหลือ ประมาณชั่วโมงครึ่ง กลุ่มไหนทำพวงหรีด ให้ใช้โต็ะด้านขวานี่ ส่วนกลุ่มที่ทำพวงมาลา ทำด้านนี้ 5นาทีจากนี้ ครูจะเดินให้คะแนนการเตรียมวัสดุอุปกรณ์นะคะ ลงมือปฏิบัติได้"
สาระสำคัญ
พวงหรีด คือดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นตามโครงรูปต่าง ๆ เช่น วงกลม วงรี ฯลฯ สำหรับใช้เคารพศพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิต การจัดพวงหรีดเป็นการจัดดอกไม้ที่นำไปใช้ในงานอวมงคล สำหรับพวงมาลาคือ ดอกไม้ที่ผูกเป็นวง ตามประเพณีนิยมจะใช้พวงมาลาสักการะพระบรมศพ หรือใช้สักการะในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์
มาตรฐานการเรียนรู้
ง 1.1 ข้อ 1-5
ง 1.2 ข้อ1-5
ง 2.1 ข้อ 2
ง 4.1 ข้อ 11
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สามารถจัดพวงหรีดและพวงมาลาได้
จุดประสงค์การเรียนรู้ ผู้เรียนควรมีความรู้ และทักษะต่อไปนี้
1.ความหมายของพวงหรีดและพวงมาลา
2.การใช้พวงหรีดและพวงมาลาในโอกาสต่างๆ
3.วัสดุ – อุปกรณ์ในการจัดพวงหรีดและพวงมาลา
4.ขั้นตอนการจัดพวงหรีดและพวงมาลา
สาระการเรียนรู้
1. ความหมายของพวงหรีดและพวงมาลา
2. วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดพวงหรีดและพวงมาลา
3. ขั้นตอนการจัดพวงหรีดและพวงมาลา
4. การใช้พวงมาลา
นำความรู้นี้ไปต่อยอดความคิดอะไรได้บ้างในกิจกรรมเสนอแนะ
พวงหรีดใช้ในงานอวมงคลและงานศพ นำไปแสดงความคารวะ และแสดงความอาลัยร่วมกับเจ้าภาพ ดอกไม้ที่ใช้ควรใช้ดอกไม้ที่มีอายุการใช้งานนานๆ เช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกหน้าวัว ดอกเบญจมาศ ฯลฯ
พวงมาลานำไปใช้ในงานระลึกถึงวันสำคัญของผู้ตาย โดยเฉพาะบุคคลสำคัญของประเทศ ดอกไม้ที่จัดควรใช้สีหรือดอกไม้ที่บุคคลนั้นชอบ เช่นสีประจำวันเกิด เช่น รัชกาลที่ 5 นิยมใช้ดอกกุหลาบสีชมพู แสดงความเคารพ และการทำพวงมาลาควรมีภาพ หรือสัญญาลักษณ์ของวันสำคัญนั้นๆประกอบด้วย
บูรณาการความรู้
1. กลุ่มสาระฯสังคมศึษาฯในส่วนของประเพณีงานศพ
2. กลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์และงานเกษตรในส่วนของการเลือกดอกไม้และลดภาวะโลกร้อนอย่างไร
การวัดผลประเมินผล
1.วัดตามจุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนสามารถจัดพวงหรีดและพวงมาลาได้และวัดตามจุดประสงค์นำทางข้อ 1 - 4
2. วิธีวัด
1.1ตรวจผลงาน
1.2สังเกตพฤติกรรม
3. เครื่องมือวัด
3.1แบบตรวจผลงาน
3.2แบบสังเกตพฤติกรรม
4. เกณฑ์การวัดและประเมินผล
4.1 ผ่านเกณฑ์การตรวจผลงาน โดยต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 80 %
บทสรุป ดูเอกสารประกอบที่นี่ค่ะ
ข้อมูลจาก
https://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=7277.0
https://webboard.mthai.com/10/2008-03-05/372472.html
www.kittiyaland.com
https://www.thairath.co.th/today/view/32867 นสพ.ไทยรัฐโดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 กันยายน 2552, 02:57 น.
www.siamreptile.com/webboard/webboard_show.ph...
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1601