เราจะใช้โซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวันให้มีความสุขได้อย่างไร
บทนำ
เทคโนโลยีทำให้มนุษย์มีความสุขลดน้อยจริงหรือ ดิฉันเองก็เคยมีความพยายามที่จะหลุดพ้นจากโลกเทคโนโลยีและสื่อดิจิตอลในเวลาที่เหนื่อยล้า บางครั้งดิฉันแทบไม่แตะอุปกรณ์เทคโนโลยีเลย เรียกว่าพยายามใช้เวลาทุกนาทีที่มีอยู่สำหรับการพักผ่อน แต่หากเราจำเป็นที่จะต้องอยู่กับเทคโนโลยีจะต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ชีวิตเราได้ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีความสุข
ที่มาข่าว : https://keng.com/2011/01/06/7-tips-to-using-social-media-for-a-happier-life/
ประเด็นข่าว
7 เทคนิคการใช้โซเซียลมีเดียในชีวิตให้มีความสุข
เนื้อหาสำหรับ
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช่วงชั้นที่ 3-4
เนื้อเรื่อง
1. ใช้โซเชียลมีเดียให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน เว็บโซเชียลมีเดียที่มีกันอยู่หลากหลายนั้น มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น เฟซบุ๊ค (facebook.com) ก็สามารถเขียนได้ทั้งแบบตัวอักษรและรูปภาพต่าง ๆ หรือบริการบล็อกสั้น ๆอย่างทวิตเตอร์ (twitter)นั้นใส่ได้เฉพาะตัวอักษร แต่หากมองกันดี ๆแล้ว ทวิตเตอร์จะไม่สูบพลังงานของเรามากเท่า เฟซบุ๊ค เป็นต้น
2. ใช้ช่วยเหลือผู้อื่น ลองใช้ความสามารถ ความรู้ หรือประสบการณ์ของคุณที่มีอยู่ นำไปตอบคำถามของเพื่อน ๆหรือบางครั้งตอบให้กับคนที่ไม่รู้จักบ้างก็ได้ ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะทำให้เราได้รู้สึกว่า ความรู้ของเราสามารถช่วยเหลือคนอื่ที่บางทีอาจไม่ถนัดในเรื่องเหล่านี้ได้ บางทีการช่วยเหลือผู้อื่น อาจไม่ใช่แค่การตอบคำถาม แต่อาจเป็นการช่วยบอกต่ข้อความที่มีผู้ขอความช่วยเหลือได้เช่นกัน เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสให้คนเห็นข้อความที่ต้องการความช่วยเหลือนั้นมากขึ้น
3. ใช้สอบถามความคิดเห็น บางทีหากอยากทำอะไรบางอย่าง แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกทางไหนดี ให้ลองเขียนลงบนเฟซบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ เพื่อถามไปยังเพื่อน ๆ ที่อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คเหล่านั้นบางครั้งก็จะได้คำตอบที่ดีเกินคาดเลยทีเดียว
4. ใช้ระบบส่งข้อความแบบส่วนตัวเพื่อสื่อสารเรื่องธุรกิจ ลองหันมาใช้ direct message ในทวิตเตอร์ หรือส่งข้อความส่วนตัวไปในเฟซบุ๊ค บางทีเพื่อน ๆ หรือคนที่ติดตามอ่านเฟซบุ๊คของเราก็อาจจะอยากรู้ว่าคุณทำธุรกิจอะไรทำงานที่ไหนเป็นต้น บางทีผู้อ่านท่านนั้นอาจจะกำลังมองหาคู่ค้าทางธุรกิจที่ท่านถนัดอยู่พอดี ซึ่งหากได้ติดต่อสื่อสารกันไปได้สักระยะ ก็จะทำให้สนิทกันมากขึ้นและที่สำคัญก็คือ เมื่อสนิทกันแล้วยังสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจจริง ๆ ได้อีกด้วย
5. ใช้เพื่อให้มีเพื่อนคอยปรึกษา หลายครั้งที่เราเกิดความเครียดจากการทำงาน หรือการเรียน ก็อยากพูดออกมาให้ใครได้ฟัง หากไม่มีเพื่อนนั่งอยู่ข้างกายในตอนนั้น อาจใช้ทวิตเตอร์เพื่อหาเพื่อนคุยไปด้วย ต้องระวังว่าอย่าเผลอไปใช้ข้อความที่หยาบคายหรือฟังดูแรงนะคะ เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจจะย้อนมาทำร้ายตัวเราได้ในอนาคต เช่น ตอนสมัครงาน เดี๋ยวนี้บางบริษัทมีการแอบไปอ่านเฟซบุ๊คของคนที่จะมาสัมภาษณ์งานก่อนล่วงหน้าเสียอีก ทั้งนี้เพื่อเรียนรู้ตัวตนของผู้สมัครที่บางครั้งอาจไม่สามารถสอบถามได้หมดในระยะเวลาสัมภาษณ์นัดไว้ เป็นต้น
6. ใช้เพื่อหาเพื่อนใหม่ ดิฉันต้องสารภาพก่อนเลยว่าได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ หลายคนผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเพื่อนเหล่านีก็สนใจในเรื่องราวที่ดิฉันสนใจเช่นกัน การพบเจอเพื่อนใหม่ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องออกไปพบเจอกันตามสถานที่ต่าง ๆ เสมอไป แต่บางทีการรู้จักกันผ่านรูปภาพและตัวอักษร ก็ทำให้เราได้เพื่อนใหม่ง่ายขึ้น มากขึ้น โดยไม่รู้ตัวเชียวคะ
7. ใช้เพื่อหาข้อมูลความรู้ใหม่ ดิฉันมักจะใช้ฟังค์ชั่นบุ๊คมาร์คหรือ Add Favorite ของทวิตเตอร์อยู่บ่อย ๆ เพราะเมื่อเราพบเห็นข้อความที่ดี ๆ หรือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ดิฉันก็จะรีบบุ๊คมาร์คเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยมาอ่านในภายหลังหากในขณะนั้นเรายังไม่ว่าง ซึ่งดิฉันได้ข้อมูลในการทำงานหลายครั้งจากความพยายามที่จะ Add Favorite ข้อความที่น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา
ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน
ครูตั้งคำถามนักเรียนเกี่ยวกับ "นักเรียนจะใช้โซเซียลมีเดียในชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร"
กิจกรรมเสนอแนะ
1. แบ่งนักเรียนคละความสามารถ กลุ่มละ 4 คน
2. ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหัวข้อ "นักเรียนจะใช้โซเซียลมีเดียในชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร"หลังจากนั้นส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน
3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปการใช้โซเซียลมีเดียในชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร
การบูรณาการกับสาระวิชาอื่นๆ
ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล
เก่งดอทคอม. 7 เทคนิคการใช้โซเซียลมีเดียในชีวิตให้มีความสุข. 6 มกราคม 2554. บล็อค.
<https://keng.com/2011/01/06/7-tips-to-using-social-media-for-a-happier-life/>. 9 พฤษภาคม 2554.
แบไต๋ไฮเทค. รายงานพิเศษ:twitter บล็อคสั้นๆแต่ถึงใจ. 21 ธันวาคม 2551. คลิปวีดิโอ. <https://www.youtube.com/watch?v=xBLMMAKCAcI&feature=related>. 9 พฤษภาคม 2554.
อ้างอิงแหล่งที่มาของภาพทวิตเตอร์
https://scoop.mthai.com/wp-content/uploads/2009/09/i3.jpg
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3771