https://lentera.uin-alauddin.ac.id/question/gratis-terlengkap/https://old-elearning.uad.ac.id/gampang-menang/https://fk.ilearn.unand.ac.id/demo/https://elearning.uika-bogor.ac.id/tanpa-potongan/https://e-learning.iainponorogo.ac.id/thai/https://organisasi.palembang.go.id/userfiles/images/https://lms.binawan.ac.id/terbaik/https://disperkim.purwakartakab.go.id/storage/https://pakbejo.jatengprov.go.id/assets/https://zonalapor.fis.unp.ac.id/-/slot-terbaik/https://sepasi.tubankab.go.id/2024tte/storage/http://ti.lab.gunadarma.ac.id/jobe/runguard/https://satudata.kemenpora.go.id/uploads/terbaru/
แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3 MUSLIMTHAIPOST

 

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3


601 ผู้ชม


เล่าความหลังครั้งคุณย่าพาใส่บาตรตอนเช้า   

ครูเนาว์  "สวัสดีนักเรียนพบกันอีกแล้วนะคะ วันนี้ครูจะสอนให้ทำโบว์สำหรับผูกมาลัยถวายพระ"

นักเรียน " คุณครูขา สอนแทน....หรือคะ  ครูมีอะไรมาเล่าให้พวกหนูฟังก่อนสอนได้ไหมคะ โบว์ผูกมาลัยพวกหนูทำมาจากบ้านแล้วค่ะ คุณครูเขาสั่งไว้ และคงไม่สวย เดี๋ยวคุณครูเล่าจบ พวกหนูค่อยทำใหม่ก็ได้"

ครูเนาว์ " ได้  ได้  เป็นเรื่องสมัยครูเป็นเด็กนะ ครูเขียนและเล่าไว้เป็นตอน ๆ นำขึ้นเว็บไซต์ของsahavicha.com  ในส่วนที่เป็น  เล่าสู่กันฟัง(blog)  ถ้ามีโอกาสก็ลองแวะเข้าไปอ่านได้นะ   สำหรับตอนที่ 1 ครูเล่าถึง การใส่บาตร ความคิดของเด็กตัวเล็ก ๆกับการใส่บาตรนั้นเป็นอย่างไร  และที่ถูกต้องควรทำอย่างไร  วิถีชาวบ้านชนบทต่างกับในเมืองอย่างไร วันนี้ครูจะเล่าตอนที่ 1 ให้ฟังนะ"  

นักเรียน ทุกคนเงียบ นั่งฟังอย่างตั้งใจ ถึงเรื่องราวต่อไปนี้  "ฟังซิฟัง เชิญมาฟัง นิทานครูเนาว์ พวกเราอยากฟัง"               

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3

ภาพจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3

   

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3

 อรุโณทัยวันนี้ช่างสวยเกินคำบบรยาย  แสงสีทองทาบพาดผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ สีตัดกัน และยิ่งสวยมากขึ้นเมื่อมองเห็นพระภิกษุเกิดบิณฑบาตรมาเป็นแถวประมาญ6-7รูป เด็กหญิงผมจุกคนหนึ่งกับคุณย่าถือข้นข้าวและอาหารยืนรอใส่บาตร เมื่อพระเดินมาถึง

     คุณย่าพูดขึ้นว่า "ถอดรองเท้าซะ แล้วนั่งลง ยกมือไหว้พระ หนูน้อยทำตาม แล้วย่าหลานก็ยืนขึ้น ตักอาหารใส่บาตรพระ เสียงดังก๊อก...ทับพี เคาะบาตรพระ หลวงพ่อยิ้ม บอกว่าไม่ต้องเคาะก็ได้อีหนู"
    "คุณย่าขา ทำไมเคาะบาตรพระไม่ได้ค่ะ"
     คุณย่า" เข้าไปข้างในบ้าน เราจะกรวดน้ำกัน"   2 คนย่าหลานเดินตามกันไป  กรวดน้ำเสร็จคุณย่าให้หนูน้อยนำน้ำนันไปเทลงบนต้นสะแกใหญ่ข้างบ้าน "
          เมื่ออาหารเช้าของสมาชิกในบ้านเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อถามลูกสาวว่า เมื่อเช้าใส่บาตร แล้วกรวดน้ำให้ใครบ้าง"
     หนูน้อย  "นี่ละค่ะหนูมีเรื่องต้องถามมากมายเชียวแหละ ใครจะตอบหนูได้บ้างค่ะ"
     คุณย่า" ย่ายกให้พ่อเจ้าตอบ เพราะย่าสอนพ่อเจ้าไว้หมดแล้ว ถามได้เลย"
    หนูน้อย "คุณพ่อค่ะ
            1. ทำไมต้องตักบาตรพระ
            2. ทำไมพระต้องมาขอข้าวเรา
            3. เราจะเป็นหนี้บุณคุณพระไหมค่ะ
            4. เราจะเอาอะไรใส่บาตรได้บ้าง
            5. ทำไมต้องใส่บาตรตอนเช้า หนูง่วงนอน

     คุณพ่อ " ถามเยอะจริง เอ้า ตอบรวมเลยนะ
           "ทำไมต้องตักบาตรพระ   การตักบาตร คือประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาแต่สมัยพุทธกาล พระภิกษุจะถือบาตรออกบิณฑบาตเพื่อรับอาหารหรือทานอื่นๆ ตามหมู่บ้านในเวลาเช้า ผู้คนที่ออกมาตักบาตรจะนำของทำทานต่างๆ เช่น ข้าว อาหารแห้ง มาถวายพระ
          ประเพณีนี้ชาวพุทธถือกันว่าเป็นการสร้างกุศล และถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย โดยเชื่อกันว่าอาหารที่ถวายไปนั้นจะส่งถึงญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกัน"
 
            "ทำไมพระต้องมาขอข้าวเรา นั้น เป็นกฎของพระภิกษุเกี่ยวกับการตักบาตร
พระภิกษุนั้นจะออกบิณฑบาตทุกวัน อันเนื่องมาจากกฎของพระภิกษุมีอยู่ว่า พระภิกษุไม่สามารถที่จะเก็บอาหารข้ามคืนได้
เวลาที่พระภิกษุออกบิณฑบาต พระภิกษุจะใช้ 2 มือประคองบาตรเอาไว้แล้วเดินในกิริยาสำรวม พระภิกษุจะไม่เอ่ยปากขออาหารจากผู้คน หรือแสดงกิริยาในการขอ โดยส่วนมากแล้วเวลาที่พระภิกษุออกบิณฑบาตคือ ตั่งแต่ช่วงเช้ามืด (ประมาณ 5 นาฬิกา อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้บ้างเล็กน้อยในแต่ละท้องที่) จนถึงก่อน 7 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่พระภิกษุฉันอาหารมื้อเช้า
          เมื่อเวลามีคนให้ทาน พระภิกษุต้องรับทานที่คนให้ทั้งหมด ไม่สามารถที่จะเลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับ หรือบอกกับผู้คนว่าตนต้องการสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่อย่างไรก็ดี มีทานบางชนิดที่พระภิกษุไม่สามารถรับได้ นั่นคือ
            ทานที่ได้มาโดยวิธีการทุจริตทานแก่ตน เช่น ได้มาจากการขโมย และพระภิกษุรู้ว่าบุคคลคนนั้นได้ขโมยของนั้นเพื่อที่จะให้ 
เนื้อสัตว์ที่ต้องห้ามตามหลักศาสนาพุทธ (เช่น เนื้อคน, เนื้อช้าง เป็นต้น) 
         เนื้อสัตว์ที่ได้มาจากการที่บุคคลคนนั้นตั้งใจที่จะฆ่าสัตว์โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อที่จะเอาเนื้อมาถวายพระภิกษุโดยเฉพาะ และพระภิกษุรู้ว่าเนื้อนั้นมาจากการฆ่าเพื่อที่จะนำมาถวายตนโดยเฉพาะผลไม้ที่มีเมล็ด บุคคลที่ตักบาตรไม่สามารถถวายผลไม้ที่มีเมล็ดได้ เพราะถือว่าเมล็ดนั้นยังสามารถที่จะให้กำเนิดชีวิตได้อยู่ ถ้าจะถวายต้องเอาเมล็ดออกก่อน  เช่นนี้พระก็ไม่เป็นหนี้บุณคุณที่ต้องมาใช้เรา คิดอะไร เราเนี่ย...น่าขำจริง"
    "คุณพ่อ "อ้อ คุณย่าบอกว่าเจ้าเคาะบาตรพระรึ"
     หนูน้อย "บอกตอนไหนค่ะ ไม่เห็นได้ยินเลย"
     คุณพ่อ "การตักบาตรโดยทั่วไปผู้คนที่นำของที่เอามาตักบาตรจะยืนรออยู่ตรงทางที่พระภิกษุเดินผ่าน ส่วนมากของที่ผู้คนใช้นิยมตักบาตรเป็นหลักคือข้าว โดยก่อนที่พระภิกษุเดินทางมาถึงจะมีการนำถ้วยข้าวจบที่ศีรษะแล้วอธิษฐาน เมื่อพระภิกษุเดินทางมาถึงพระภิกษุจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่จะตักบาตรแล้วเปิดฝาบาตร ก่อนที่จะตักบาตรคนที่ตักบาตรจะต้องถอดรองเท้าก่อน จากนั้นคนที่ตักบาตรจะนำทานที่ตนมีถวายพระ เมื่อให้เสร็จแล้วพระจะให้พร คนที่ตักบาตรประนมมือรับพร (โดยปกติแล้วจะนิยมคุกเข่าหรือนั่งยองๆ ประนมมือ) ขณะที่ให้พรคนที่ตักบาตรอาจจะมีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ (การกรวดน้ำนั้นอาจจะทำขณะที่พระให้พรหรือหลังจากการตักบาตรเสร็จสิ้นก็ได้) หลังจากที่พระภิกษุให้พรแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี

     คุณพ่อ "การที่เราจะตักบาตรหรือใส่บาตร คำว่าตักบาตรนั้น สามารถที่จะเรียกว่าใส่บาตรก็ได้ ในบางที่มีคนสงสัยว่าตกลงแล้วเรียกว่าตักบาตรหรือใส่บาตรกันแน่ - ก็ว่ากันว่าคำว่าตักบาตรนั้นมาจากกิริยาอาการที่ใช้ทัพพีตักข้าวใส่บาตรพระ แต่ในปัจจุบันนี้เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบมากขึ้น ผู้คนจึงนำข้าวสารหรือของอื่นๆ ใส่ถุงหรือกล่อง เมื่อถึงเวลาตักบาตรจะได้สะดวกที่จะหยิบของใส่ได้ทันที คำว่าใส่บาตรจึงถือว่าเป็นวิวัฒนาการทางภาษาเพื่อสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน - สรุปว่าใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง
           ตามปกติผู้คนจะถือว่า ของที่นำมาถวายพระจะต้องเป็นของที่ดีที่สุดเสมอ ดังนั้นผู้คนจะจัดเตรียมทานที่ดีที่สุดตามกำลังที่หาได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อพิเศษเล็กน้อยเกี่ยวกับทานที่ให้ (ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) เช่น ข้าวที่ถวายพระนั้นควรจะเป็นข้าวที่หุงสุกใหม่ๆ ร้อนๆ ยิ่งข้าวร้อนเท่าไหร่บุญกุศลจะยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น, ถวายน้ำตาลแก่พระเพื่อที่จะส่งผลให้ชีวิตคู่มีความหวานสดชื่นดั่งน้ำตาล เป็นต้น
     หนูน้อย"อ๋อรูแล้วค่ะ ตักบาตรใช้กับงานบุญทั้งที่บ้านและที่วัด เช่นวันพระหฯุไปวัดกับคุณย่าหนูต้องตักบาตรใช่ไหม่คะ  แต่ตอนเช้า หนูใส่บาตรพระที่มาบ้านเราใช่ไหมค่ะ(ฮะๆๆๆมาบิณฑบาตรน่ะคะ)"
   คุณพ่อ "ก็เป็นความคิดที่ดี ที่ถูกเหมือนกันนะเรา" แล้วกรวดน้ำล่ะ ทำอย่างไร ทำทำไม"
  หนูน้อย " โธ่คุณพ่อ...หนูรู้มาตั้งนานแล้วละ...แต่คุณพ่อน่ะรู้หรือเปล่าลองตอบให้คุณย่าฟังซิคะว่าเหมือนของหนูหรือเปล่า"
  คุณย่า " ฉลาดจริง ๆ แกมโกงด้วย เอ้าเจ้าพ่อตอบมานะ ไม่ถูกเป็นโดนตีแน่"
  คุณพ่อ "อ้าว ไหงลงที่พ่อล่ะ ไม่เป็นไร พ่อตอบได้....ผู้คนที่นำของที่เอามาตักบาตรจะยืนรออยู่ตรงทางที่พระภิกษุเดินผ่าน ส่วนมากของที่ผู้คนใช้นิยมตักบาตรเป็นหลักคือข้าว โดยก่อนที่พระภิกษุเดินทางมาถึงจะมีการนำถ้วยข้าวจบที่ศีรษะแล้วอธิษฐาน เมื่อพระภิกษุเดินทางมาถึงพระภิกษุจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่จะตักบาตรแล้วเปิดฝาบาตร ก่อนที่จะตักบาตรคนที่ตักบาตรจะต้องถอดรองเท้าก่อน จากนั้นคนที่ตักบาตรจะนำทานที่ตนมีถวายพระ เมื่อให้เสร็จแล้วพระจะให้พร คนที่ตักบาตรประนมมือรับพร (โดยปกติแล้วจะนิยมคุกเข่าหรือนั่งยองๆ ประนมมือ) ขณะที่ให้พรคนที่ตักบาตรอาจจะมีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ (การกรวดน้ำนั้นอาจจะทำขณะที่พระให้พรหรือหลังจากการตักบาตรเสร็จสิ้นก็ได้) หลังจากที่พระภิกษุให้พรแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี"
   หนูน้อย "มีอีก  มีอีก คุณพ่อตอบไม่หมด คำกล่าวกรวดน้ำน่ะว่าอย่างไร คุณย่าสอยหนู มีทั้งบทสั้นและบทยาว  ยาว...ย้าว..ยาว"  
   คุณพ่อ " ถ้าเราท่องบาลีไม่ได้เราก็กล่าวว่า บุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทำขออุทิศผลบุญนี้เเด่บิดา มารดา ผู้มีพระคุณทุกท่าน ครูอาจารย์ พระมหากษัตริย์ ญาติโกโหติกา เพื่อนรักมิตรสหาย บริวาร เทพยดาทุกพระองค์ เจ้าจัตุโลกบาลทั้งสี่ เจ้ากรรมนายเวร สัตว์ทั้งหลาย ที่ต้องทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป"
   คุณย่า " ถ้าเป็นภาษาบาลี ที่ว่ายาวน่ะ พ่อเขาตอบหรือท่องให้ฟังตอนนี้ แม่เจ้าคงไปบ้านคุณยายไม่ทันเที่ยง เอาชื่อเว็บไซต์นี่ไปเปิดดู บอกต่อเพื่อน ๆด้วย"
 https://www.mai95.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=109412&Ntype=1  กรวดน้ำทั้งตอนเย็นและเวลาอื่น ๆ"
หนูน้อย "อะ..คุณย่า ยุคเรานี้มีเว็บไซต์ด้วยรึ หนูเห็นแต่แมงแวบๆที่พ่อบอกว่าหิ่งห้อยน่ะ ..เว็บก็เว็บ  คุณพ่อขาฝากกราบคุณยายด้วย บอกว่าวันพระหน้าหนูจะไปให้คุณยายท่องบทกรวดน้ำให้ฟัง และให้คุณยายทำข้าวกระยาคูไว้ด้วยนะ อร่อยเป็นที่สุด หนูจะไปถามวิธีทำไปบอกเพื่อน  นะ  นะ...นะ"
          ไม่ทันที่ใครจะตอบอะไร เสียง .....ง้าว....หวาว หงาว  ...ง่วงนอน ไปนอนเดี๋ยวนึงนะ แต่เอ๊ะ หนูหิวอีกแแล้วไม่นอนดีกว่า หนูเห็นข้าวหลามในตู้ ขอซักกระบอกนะ เอาไปเผื่อไอ้ข้าวโพดมันด้วย...(ลืมบอกว่าข้าวโพดคือแมวของหนู) ไปล่ะ"
        ...ทุกคนหัวเราอย่างมีความสุข ....แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3

ครูเนาว์ " เอาละ พอสมควรแล้ว ส่าง ๆ ไปอ่านซ้ำที่เว็บไซต์ที่บอกนะ เรามาดูการร้อยมาลัยกันดีกว่า ไหนครูดูโบว์ที่ทำมาซิ อืม...ใช้ได้  เก่งมาก แคถ้าจะหาความรู้เพิ่มเติม ครูมี Link น่ารู้มาฝากนะ เข้าไปดู สวยมาก ๆ ลองโหลดดู ครูมีตัวอย่างให้ดูค่ะ

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 3

https://www.watchari.com/board/index.php?topic=1428.msg6266#msg6266  ขอบคุณ watchari.com

อ้างอิง : จากวิกิพีเดีย
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1952

อัพเดทล่าสุด