แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 6


778 ผู้ชม



เมื่อยายหนูถึงอยุธยา ตรงกับวันตรุษจีน และวันวาเลนไทม์ จะมีอะไรเกิดขึ้น   

ครูเนาว์ "สวัสดีจ่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้  แฮบปี้วาเลนไทม์ ทุกคน"
นักเรียน "โหคุณครูหมดทุกอย่างเลยนะ พวกเราพร้อมกัน "สวัสดีค่ะคุณครู" ทุกคนดีใจที่ครูเนาว์เข้ามาในห้อง
ครูเนาว์ "มีโอกาสอีกครั้งตามสัญญา ที่พวกเราเรียนจบแล้ว ก่อนสอบ แต่มีเวลาบ้างครูจึงมาเล่าต่อ  ยายหนูถึงบ้านคุณยาย คุณตาแล้วมีอะไรเกิดขึ้น"
นักเรียน "เเล่าเลย เล่าเลยค่ะ อยากฟังมาตั้งนานแล้ว"
ครูเนาว์ "เรื่องมีอยู่ว่า.........................

     คุณยาย คุณตายืนยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อเห็นรถจอดที่ลานบ้าน ลานบ้านเป็นพื้นดินเกลี่ยงที่ถูกกวาดอย่างเรียบร้อย ยายหนูสงสัยว่าทำไมมันเรียบอย่างนี้
คุณแม่ " อ๋อ คุณยายให้ป้าปลิว(เป็นคนดูแลช่วยเหลืองานในบ้านคุณยาย) เอาขี้ควายละลายน้ำแล้วเทราดพื้นดินที่กวาดฝุ่นเกลี้ยงแล้ว ใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดให้เรียบ เมื่อแห้งแล้ว พื้นดินจะเรียบ เด็ก ๆ นั่งเล่นได้"

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 6

ยายหนู "คุณยายกับคุณตานี่อัจริยะนะคะคุณแม่ หนูอยากทำไม้กวาดทางมะพร้าวจัง"
คุณพ่อ" เดี๋ยวมีเวลาพอ อุปกรณ์บ้านคุณยายมี พ่อจะสอนทำนะลูก"
ไม่รอคำตอบ เด็กน้อยวิ่งตื๋อถึงประตูบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง มีบันไดไม้ขึ้นบ้าน 9ขั้น ยายหนูส่งเสียงดัง "สวัสดีค่ะคุณยาย คุณตา" คุณยายนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อคอกระเช้า ส่วนคุณตานุ่งกางเกงขาก๊วย พาดผ้าขาวม้า
คุณแม่ "เบา ๆยายหนูและระวังตกบันไดล่ะ"
      ทุกคนทักทายกันด้วยความดีใจ แต่ยายหนูกลับมองเห็นถาดขนมวางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆถวมขึ้นว่า "กินได้ไหม อะไรเนี่ยไ
คุณตาหัวเราะ "ได้ซิเขาเรียกขนมเข่ง อาม่าข้างบ้านเอามาให้ วันนี้เป็นวันตรุษจีน เข้าไหว้เจ้าเสร็จแล้ว เอามาแจกให้คนไทย"
ยายหนู"ขนมเข่ง ทำไมเรียกขนมเข่ง ทำไมเขาต้องมาให้เรา ทำไมวันตรุษจีนต้องไหว้ ไหว้เจ้า เจ้าอะไร ทำไมเราไม่ไหว้บ้าง จะได้มีขนมเข่งเยอะ ๆ"
คุณแม่ดุเบา ๆ "ยายหนูถามอะไรมากมายอย่างนี้ รอคำตอบก่อนถามใหม่ คุณยายอ้าปากค้างแล้ว"  ทุกคนหัวเรากันสนุกสนาน...
คุณพ่อ "ไม่เป็นไร อยากรู้ก็ต้องตอบ แต่อาจไม่ละเอียดนักนะ กลับบ้านเราพ่อนจะให้ค้นหาข้อมูลทางเว็บไซต์ ตกลงไหม"
ยายหนู "ตกลงค่ะ ว่าเลย..."
คุณพ่อ "เรื่องมีอยู่ว่า....................

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
      ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย" หรือ "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน" มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน

      ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย

    ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

     เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน 

           ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"

การไหว้เจ้าที่ในวันตรุษจีน
      การไหว้เจ้าเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีนปฏิบัติสืบทอดกันมา ตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่ และไหว้บรรพบุรุษ เพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุข ความเจริญแก่ครอบครัว
 

          ในปีหนึ่งมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง เรียกว่า โป๊ยโจ่ย แปลว่า 8 เทศกาล (ดูรายละเอียดที่https://hilight.kapook.com/view/19793)

จำนวนชุดที่ไหว้
       1. ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่
  จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมที่ไหว้ก็ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีนคือขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง
       2. ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ
 คล้ายของไหว้เจ้าที่พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกงหรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชาจัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ขาดไม่ได้ก็คือขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้และกระดาษเงินกระดาษทอง
       3. ชุดสำหรับไหว้วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ
 วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ แปลว่า ไหว้พี่น้องที่ดี เป็นการสะท้อนความสุภาพและให้เกียรติของคนจีน เรียกผีไม่มีญาติว่าพี่น้องที่ดีของเรา โดยการไหว้จะไหว้นอกบ้านของไหว้จะมีทั้งของคาวหวานและผลไม้ตามต้องการและที่พิเศษคือมีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 6      แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 6

ขนมที่ใช้ไหว้
      ในสมัยโบราณชาวจีนใช้ขนมไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย หรือเรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี
              ปัง คือขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำมาจากน้ำตาล 
             เปี้ย คือขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่ 
             หมี่ คือขนมหมี่เท้า ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าข้างในไส้เต้าซา 
             มั่ว คือขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดงตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง กี คือขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาวเวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ 
     แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนใช้ขนมเทียน ขนมเข่งในการไหว้ โดยหลักของที่ไหว้ก็จะมีของคาว 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา เป็นต้น ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ขนมเทียน ขนมมัดไต้ ขนมถ้วยฟู หรือขนมสาลี่ปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ

ยายหนู "คุณพ่อทำขนมเข่งเป็นไหมคะ สอนหนูบ้าง"
คุณยาย " พ่อเขาทำไม่เป็นดอก แต่แม่ยายหนูเขาเก่งทำเป็น"
คุณแม่ " แล้วแม่จะสอนให้นะ".........

     1. แป้งอเนกประสงค์ (แป้งข้าวเหนียว) 500 กรัม (ถ้าจะทำขนมเข่งสีดำ ใช้แป้งข้าวเหนียวดำ 1 ? ถ้วย ผสมแป้งข้าวเหนียวขาว 3 ? ถ้วย)

    2. น้ำ 2  ถ้วย

   3. น้ำตาลทราย 3  ถ้วย

   4. มะพร้าวทึนทึกขูด

   5. แป้งข้าวเหนียวดำ สีตอนเป็นผงไม่ดำแต่ถ้าเอาไปใช้เต็มส่วนไม่ปนกับแป้งขาว จะได้ขนมดำมะเมื่อมทีเดียว

วิธีทำ

   1. เทแป้งและน้ำตาลใส่ชาม แล้วค่อยๆเทน้ำใส่ นวดให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน

   2. เอากระทงใบตองแห้งทาน้ำมันให้ทั่ว ใส่มะพร้าวที่ขูดด้วยมือไว้ก้นกระทง

   3. ค่อยๆตักแป้งที่ละลายแล้วใส่จนเกือบเต็ม

   4. ตั้งน้ำให้เดือดในลังถึง นึ่งขนมประมาณ 30 นาที

แผนการจัดสอนแทนของครูเนาว์ ครั้งที่ 6

 

คุณพ่อ " และอีกเรื่องหนึ่งนะยายหนู การไหว้เจ้าในวันของคนไทยเชื้อสายจีน เช่นตรุษจีน ก็เหมือนของคนไทย เช่น วันตรุษไทย สงกรานต์ เป็นภูมิปัญญาพาลูกหลานเข้าบ้านมารวมกัน สนิทสนมกัน รักใคร่กันและแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ ปู้ย่า ตายาย และบรรพบุรุษ พ่อมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง แต่รอก่อน นั่นคุณตาทำตาดุแล้ว เป็นว่าติดค้าง (แอบดูก็ได้นะดูตรงนี้เลย)

คุณตา" นี่แม่คุณ พ่อคุณ จะชวนลูกคุยอีกนานไหมเท่าไรรึ ยายหนูไปกับตา กินขนมเข่งกันก่อน เดี๋ยวคุยต่อ"
ยายหนู "ได้เล้ย คุณตา" 2ตาหลานลิ้มรสขนมเข่ง ตามด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ ระยะ
      เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่มีใครสนใจ จนมีเสียงคนมาตะโกนเรียกหน้าบ้าน คุณยายเดินไปดูพร้อมกับบอกยายหนูว่า หนูแหววเพื่อนยายหนูมาหา ถือดอกกุหลาบกำโตมาด้วย"
ยายหนู "ดีใจจัง แหววบอกว่าจะเก็บกุหลาบมาให้หนูวันวาเลนไทม์"
คุณยาย"ฮึ อะไรนะวันตาย ใครตาย"
คุณพ่อ" ไม่ใช่ครับคุณยาย วันวาเลนไทม์ เป็นวันแห่งความรักของฝรั่งเขาน่ะครับ"
คุณตา" อ้าว ของฝรั่งเขา เราเอามาใช้ทำไมล่ะ"
ยายหนูคุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ หนูรู้ว่ามันไม่ใช่ของคนไทย แต่ก็เป็นกระแสร์ ยังไงหนูก็ชอบวันไทย ๆ
คุณพ่อ "เอ้าลืมหนูแหววเลย เข้ามาซิลูก"
หนูแหวว"สวัสดีค่ะคุณยาย คุณตา คุณลุง คุณป้า ยายหนูด้วย วันนี้แหววตัดดอกกุหลาบมาฝากตามสัญญา มันออกดอกเยอะมาก จะได้ปักแจกันค่ะ"
ยายหนู"อ้าว ไม่ใช่ให้วันวาเลนไทม์รึหนูแหวว เราเตรียมปลื้ม ฮิ ฮิ ฮิ.."
หนูแหวว"ตอนแรกน่ะใช่ แต่ได้ยินทุกคนคุยกันจึงเปลี่ยนใจแแล้ว เพราะคนไทยมีวันแห่งความรักทุกวัน ใช่ไหมคะคุณยาย"
คุณยาย "ใช่แล้ว ใช่แล้ว แต่ขอยายซักดอกก็ดีนะ ยายจะให้คุณตา  ตาจ๋า ดอกกุหลาบความรักจ้ะ วัน วัน วาเลนไทม์ ไม่ใช่วันตาย"
...ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุข....ยายหนูลืมข้าวกระยาคูไปแล้ว ว่าจะให้คุณยายทำให้กิน เพลินขนมเข่งซะแล้ว คุณแม่กระซิบบอกคุณพ่อ..
ยายหนู "ไม่ลืมแน่นอน ตั้งใจเต็มร้อยมากินข้าวกระยาคูที่อร่อยที่สุดในโลกของคุณยาย"


.....................ติดตามตอนต่อไปนะ................

อ้างอิง :

วิกิพีเดียสารุกรม

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99

 https://hilight.kapook.com/view/19791


ข้อมูลไม้กวาดทางมะพร้าวhttps://www.thaitambon.com/tambon/tprdsdesc.asp?ID=341511&PROD=0162592912&SME=0162591215

ข้อมูลการแต่งกายไทย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.culture.go.th/knowledge/story/Dress/dress.html

 

 
ขนมเข่ง

 
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2001

อัพเดทล่าสุด