ความเครียด นั้นสามารถมีได้ทั้งคุณและโทษ แต่ในลักษณะหลังนั้น อาจจะเรียกว่ามีเกินความจำเป็น
ความเครียด นั้นสามารถมีได้ทั้งคุณและโทษ แต่ในลักษณะหลังนั้น อาจจะเรียกว่ามีเกินความจำเป็นไปหน่อยจนกลายเป็นว่าเป็นอุปสรรคและอันตรายต่อชีวิต
ซึ่งในส่วนของร่างกายนี้เอง จะมีภาวะในการสู้หรือหนี โดยแปรสภาพได้ดังนี้
-มีภาวะหัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น เพื่อฉีดเลือดซึ่งจะนำออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย พร้อมกับขจัดของเสียออกจากกระแสเลือดอย่างเร็ว
-เรื่องการหายใจดีเร็วขึ้น แต่เป็นการหายใจตื้น ๆ
-มีการขับครีนาลีนและฮอร์โมนอื่น ๆ เข้าสู่กระแสเลือด
-ม่านตาขยายเพื่อให้ได้รับแสงมากขึ้น
-กล้ามเนื้อหดเกร็งเพื่อเตรียมการเคลื่อนไหว เตรียมสู้หรือหนี
-เส้นเลือดบริเวณอวัยวะย่อยอาหารหดตัว
-เกิดการเหงื่อออก เพราะมีการเผาผลาญอาหารมากขึ้น ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้น
ซึ่งในเรื่องของสภาวะของความเครียดของคนเรานั้น สามารถแบบระดับได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่
1.ความเครียดเฉียบพลัน
ความเครียดในลักษณะนี้ เป็นปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน ท้าทาย หรือเกิดในสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน เป็นประเภทของความเครียดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สุด
2. ความเครียดเฉียบพลันเป็นช่วงเวลา
ความเครียดชนิดนี้อาจจะมาเป็นช่วงๆ เนื่องจากจะต้องเจอกับสถานการณ์ตึงเครียดอยู่บ่อย ๆ โดยอาการจะทำให้รู้สึกกดดันอยู่บ่อยครั้งหรือสิ่งต่างๆ ไม่เป็นแบบที่คิด ส่งผลให้เกิดความล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
3. ความเครียดเรื้อรัง
ส่วนความเครียดที่เกิดขึ้นแบบกินเวลายาวนานจนส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว อาจจะเกิดมาจากปัญหาส่วนตัวในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ต้องทำงานภายใต้ความกดดัน, การที่ต้องอยู่ในครอบครัวที่ไม่มีความสุข หรือ ปัญหาเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ เป็นต้น
จากสภาวะจำแนกที่ว่ามานี้ ถ้าหาก “ความเครียด“ เข้าครอบงำแล้ว จะเกิดผลเสีย ดังต่อไปนี้
-นอนไม่หลับ
อาจเพราะความเครียดมีส่วนในการกระตุ้นร่างกายให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด หลั่งออกมา จึงทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลาทำให้นอนไม่หลับได้
-เกิดภาวะกรดไหลย้อน
เนื่องจากความเครียดไปกระตุ้นให้กระเพาะสร้างและหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น จนล้นออกมาถึงหลอดอาหาร เป็นเหตุให้เกิดอาการเเสบร้อนที่อกที่เป็นอาการของกรดไหลย้อนได้
-ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า
เมื่อเครียดติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะมีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า นำไปสู่การทำร้ายร่างกายตนเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ เช่น แยกตัวออกจากเพื่อน อ่อนไหวต่อคำติชม คิดว่าตนเองล้มเหลว เป็นต้น
-เกิดประจำเดือนมาไม่ปกติในผู้หญิง
สำหรับภาวะความเครียดในผู้หญิงนั้น ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ฮอร์โมนมีความเเปรปรวน ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรืออาจจะไม่มาเลยได้
-ภูมิคุ้มกันเสื่อมลง
การมีภูมิคุ้มกันในร่างกายนั้น ทำหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วย แต่เมื่อร่างกายมีความเครียดสูงขึ้นจะทำให้ฮอร์โมนความเครียดไปกดภูมิคุ้มกันให้อ่อนเเอลง ตามไปด้วย จนอาจจะร่างกายเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และป่วยในที่สุด
-มีความจำเเย่ลง
ถ้ามีความเครียดที่เกิดมาจากความกลัว จะส่งผลให้สมองในส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นสมองที่อยู่บริเวณขมับ มีคุณสมบัติเก็บความทรงจำ มีขนาดเล็กลง ทำให้จำเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ยากขึ้น
-เสี่ยงต่อโรคหัวใจ
เชื่อหรือไม่ว่า ความเครียด นั้น ก็อาจจะเป็นปัจจัยของการเกิดโรคหัวใจได้ ซึ่งมีการวิจัยศึกษาอย่างละเอียดจากทาง Harvard University โดยการวิจัยนี้ ได้ทำการติดตามผลสุขภาพของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 300 คน เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งมีการพบว่า ผู้ที่มีอาการเครียด จะทำให้สมองที่มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ ทำงานหนักกว่าคนปกติ และส่งผลให้มีโอกาสไปกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้ง่ายขึ้น และมีผู้ที่ล้มป่วยด้วยอาการหัวใจวายและโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน อย่างน้อย 22 คน เลยทีเดียว
สำหรับการรับมือ หรือ ลดความเครียด นั้น อาจจะมีหลากหลายวิธีของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าทำตามวิธีดังกล่าวนี้ อาจจะช่วยผ่อนคลายได้พอสมควรไม่มากก็น้อยลงได้ โดยทำทีละข้อ หรือ ทำได้หลายๆ ข้อ ไม่ว่ากัน ดังนี้
-ถ้าเป็นวิธีแก้ไขที่ปลายเหตุ อาจจะใช้วิธีการใช้ยาเข้าช่วย ได้แก่ ยาหม่อง ยาดม ยาแก้ปวด ยาลดกรดในกระเพาะ ยากล่อมประสาท แต่วิธีการดังกล่าวไม่ได้แก้ไขความเครียดที่ต้นเหตุ อาจทำให้ความเครียดนั้นเกิดขึ้นได้อีกจากการใช้ยาที่ว่านี้
-หากเป็นวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุ ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของแต่ละคน ได้แก่ มีงานอดิเรกที่ชอบ, ฝึกออกกำลังกาย หรือ บริหารร่างกายแบบง่าย ๆ เป็นต้น
-ลองลดการแข่งขัน ผ่อนปรน ลดความเข้มงวด ในเรื่องต่างๆ เพื่อลดความกดดันในการดำเนินชีวิตได้
-ในเรื่องอาหารนั้น ควรหาความรู้ในเรื่องนี้บ้าง เช่น รู้ว่าอาหาร เครื่องดื่มบางประเภท ช่วยส่งเสริมความเครียด
-มองตัวเองและมองผู้อื่นในแง่ดี หรือมองโลกในแง่ดีบ้างก็ได้
-ควรสำรวจและปรับปรุงในเรื่องของสัมพันธภาพต่อทั้งคนในครอบครัวและสังคมภายนอก
-ฝึกผ่อนคลายโดยตรง อาทิ เช่น การฝึกหายใจให้ถูกวิธี การฝึกสมาธิ การออกกำลังกายแบบง่าย ๆ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การนวด การสำรวจ ท่านั่ง นอน ยืน เดิน การใช้จินตนาการ เป็นต้น
--
บทความที่น่าสนใจ
- “นิวรอน” ในสมอง เปิดความลับของสมองมนุษย์
- เบื่องาน เบื่อชีวิต ลองอ่านบทความนี้ดูนะ
- อาหารต้องห้าม สำหรับความเครียดกับโรคไมเกรน
- เหตุผลดีๆ ทำไมคนต้องเลี้ยงแมวสักครั้งในชีวิต
- นอนก่อน 4 ทุ่ม สุขภาพดีขึ้น 10 ประการ รู้แล้วเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน!
- คนใจเย็น รอบครอบ เขาจะเป็นคนฉลาด
- อาการบ้านหมุน วิงเวียน แพทย์เตือน! ไม่ใช่เรื่องเล่น ใครเป็นถือว่าไม่ปกติ
- เผยอาหาร 10 อย่าง ห้ามกินเด็ดขาด เสี่ยงติดโควิด-19 มากที่สุด
- ความลับ ป้องกันโรคต่อมลูกหมาก เริ่มลองคืนนี้!
- เป็นประจำเดือนห้ามกินอะไร สิ่งที่ไม่ควรทำ ผู้หญิงตัองรู้!