คำแนะนำ ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต+การปั่นจักรยาน ควรหลีกเลี่ยง MUSLIMTHAIPOST

 

คำแนะนำ ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต+การปั่นจักรยาน ควรหลีกเลี่ยง


2,507 ผู้ชม


ต่อมลูกหมากโต

                อาการปวดหลัง หรือรู้สึกปัสสาวะขัดๆ หรือ รู้สึกปวดขณะปัสสาวะในชายวัยกลางคน หรือในชายสูงอายุนั้นเกิดต่อมลูกหมากโต  ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่พบเฉพาะในเพศชาย  มีลักษณะเป็นก้อนอยู่ใกล้ๆกับกระเพาะปัสสาวะและไต   จากสถิติพบว่าเมื่ออายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย  ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีปริมาณฮอร์โมนประจำเพศชาย คือ เทสเตอสเตอโรนลดลง ดังนั้นฮอร์โมนประจำเพศหญิงหรือเอสโตรเจนจึงโดดเด่นมากขึ้น  การที่เทสเตอสเตอโรนมีจำนวนลดลงเนื่องจากการทำงานที่มากขึ้นของเอนไซม์ตัว หนึ่งที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรนไปเป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ เรียกว่า DHT  (เอนไซม์นี้จะทำงานมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น)

                                                      ฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรน                                         DHT

 เราสามารถสรุปได้ว่าการโตของต่อมลูกหมากเป็นผลมาจากสมดุลระหว่างฮอร์โมนเทสเตอสเตอโรน  ฮอร์โมนเอสโตรเจน และDHT

           อาการของภาวะต่อมลูกหมากโต

·       ปัสสาวะบ่อย  รวมถึงปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยขึ้น

·       รู้สึกว่าปัสสาวะลำบาก อาจมีอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ

·       รู้สึกเหมือนว่าปัสสาวะไม่หมด

·       อาจพบการติดเชื้อที่เดินปัสสาวะร่วมด้วย

          การรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีทางธรรมชาติ

                                  อาหารที่ควรรับประทาน

·       อาหารที่มีกากใยเยอะเช่นพวกธัญพืช ผัก ผลไม้สด เนื่องจากจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน

·       อาหารประเภทโปรตีน ควรรับประทานเป็นพวกถั่ว และผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้

·       มะเขือเทศ เนื่องจากมีสารไลโคปีน  (ในมะเขือเทศสุก สารไลโคปีนจะอยู่ในสภาพที่ทำงานได้ดีกว่ามะเขือเทศดิบ)

·       เม็ดฟักทอง เนื่องจากมีธาตุสังกะสี ที่จะเป็นในการในการซ่อมแซมของร่างกาย

·       ปลาน้ำเย็น เม็ดปอ น้ำมันเม็ดปอ(วันละ 1-2 ช้อนชา) เนื่องจากในอาหารเหล่านี้มีกรดไขมันจำเป็น ที่จะช่วยลดอาการอักเสบ  และในเม็ดปอ ยังมีสารลิกแนน ที่ช่วยควบคุมสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน

·       ดื่มชาเขียว ประเภทที่สกัดสารคาเฟอีนออก  ไม่ควรดื่มกาแฟ

·       ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อย 1 แก้วทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ของเหลวเคลื่อนผ่านไปยังทางเดินปัสสาวะ

·       ควรกินอาหารพวกโปรไบโอติก ( คืออาหารที่มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และแบคทีเรียเหล่านั้นเป็นแบคทีเรียที่ยังมีชีวิตอยู่)ทุกวัน ได้แก่ โยเกิร์ต คีเฟอร์  โดยเฉพาะคนที่กินยาปฏิชีวนะ  เนื่องจากแบคทีเรียในอาหารเหล่านี้จะป้องกันการโตของแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นสาเหตุของต่อมลูกหมากอักเสบ

·       สับปะรด เนื่องจากมีโบรมีเลน ซึ่งจะช่วยลดขบวนการอักเสบ (การทำงานของโบรมีเลนต้องอาศัยวิตามินซี ดังนั้นเราควรที่จะรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงๆ ร่วมด้วย เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ส้ม มะขาม ฝรั่ง)

·       แครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่สามารถป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดผนังกระเพาะปัสสาวะ  ดังนั้นจึงสามารถป้องกันการติดเชื้อที่ที่ทางเดินปัสสาวะได้ดี

                                                                               

                                       อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

·       ไขมันอิ่มตัว และไขมันที่ผ่านเติมไฮโดรเจน ( เช่น มาการีน)  เพราะจะกระตุ้นการอักเสบ

·       น้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลขัดขาว

·       อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง เพราะในอาหารเหล่านี้จะเติมสารเคมีบางอย่างเพื่อช่วยให้เก็บได้นานขึ้น

·       สุราและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากจะระคายเคืองต่อมลูกหมาก

                                                                                  

                                      วิธีอื่นๆ

·       การอดอาหารด้วยน้ำผัก –ผลไม้  เนื่องจากต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะที่ค่อนข้าวไวต่อสารพิษทั้งหลาย ดังนั้นการขจัดสารพิษด้วยการอดอาหาร แล้วหันมาดื่มเฉพาะน้ำผัก-ผลไม้ และน้ำเปล่า เป็นระยะเวลา 1-3 วันจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของต่อมลูกหมาก

·       วารีบำบัด เริ่มจากนั่งแช่ในอ่างน้ำอุ่น ประมาณ 2 นาที แล้วจึงนั่งแช่ในอ่างน้ำเย็นอีกประมาณ 30 วินาที ทำต่อเนื่องกัน 3 รอบ  วิธีจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเของเหลวในร่างกายและช่วยลดการอักเสบ

·       ใช้น้ำมันมะกรูดและคาโมมายเทลงในน้ำที่ใช้อาบ หรือใช้นวดตัว จะช่วยลดการอักเสบ

·       หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน เนื่องจากทำให้เกิดแรงดันที่ต่อมลูกหมาก

ที่มา   www.goodhealth.co.th

อัพเดทล่าสุด