ชุดขาวน้ำตาร่วง บอดโทษพ่ายเสือใต้ 3-1 ตกรอบ ยูซีแอล

ชุดขาวน้ำตาร่วง บอดโทษพ่ายเสือใต้ 3-1 ตกรอบ ยูซีแอล

ผลฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันพุธที่ 25 เมษายน 2555
เรอัล มาดริด 2-1 บาเยิร์น มิวนิค
ผู้ทำประตู : 1-0 โรนัลโด้(จุดโทษ) น.6, 2-0 โรนัลโด้ น.14, 2-1 รอบเบน(จุดโทษ) น.27
(รวมผลสองนัดเสมอกัน 3-3 / ผลการดวลจุดโทษ บาเยิร์น ชนะ มาดริด 3-1)
สนาม : ซานติอาร์โก้ เบอร์นาบิว

ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คัสไซ
ช่อง 3 ถ่ายทอดสด เวลา 01.30 น.


 


 

8) ออกสตาร์ทมาเพียง 4 นาที โรนัลโด เปิดข้ามมาให้ ดิ มาเรีย ยิงวอลเล บอลพุ่งไปโดนมือของ ดาวิด อลาบา ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษทันทีและเป็น โรนัลโด ยิงเข้ามุมไปไม่มีเหลือเจ้าบ้านขึ้นนำก่อน 1-0 หลังเสียประตู บาเยิร์น เกือบได้ประตูตีเสมอทันควัน อลาบา กระชากขึ้นมาทางซ้ายเปิดเข้ามาให้ ร็อบเบน เข้าจ่อๆ บอลลอยออกหลังอย่างเหลือเชื่อ

8) มาดริด มาได้ประตูนำห่าง 2-0 อย่างรวดเร็วในนาที 14 แดนกลาง “เสือใต้” จ่ายบอลกันพลาดไปเข้าทาง โอซิล จ่ายต่อให้ โรนัลโด แปเล่นทางสวนตัวเข้าไปง่ายๆ ผ่าน 20 นาทีเกมเปิดแลกกันสนุก โกเมซ ได้โอกาสส่องไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งถากเสาออกไปนิดเดียว แต่แล้ว นาที 26 เปเป้ เข้าเบียด โกเมซ ล้มลงเสียจุดโทษ และเป็น ร็อบเบน สังหารเข้าไปไล่มาเป็น 1-2

กลับมาเล่นครึ่งหลัง ทีมเยือนทักทายก่อนทันที ลาห์ม โยนเข้ากลางมาให้ โกเมซ โฉมมาโขกสะบัดบอลหลุดเสาสองออกไปไม่ไกล จากนั้นทั้งสองทีมประคองเกมไม่อยากเป็นฝ่ายเสียประตูทั้งคู่กระทั่งนาที 56 เบนเซมา ได้โอกาสสับไกด้วยขวาเต็มๆ บอลพุ่งเข้ากรอบแต่คราวนี้ นอยเออร์ ไม่พลาดพุ่งไปปัดทิ้งออกไปได้ทัน ผ่าน 60 นาทีเริ่มเป็น “เสือใต้” ที่ครองเกมรุกเข้าใส่ได้มากกว่าชัดเจน

นาที 68 กลับเป็น มาดริด ที่มีโอกาสบุกอีกครั้ง โรนัลโด ซัดฟรีคิกจากนอกกรอบบอลพุ่งข้ามกำแพงแต่ไปเข้าซองของ นอยเออร์ รับไม่ยาก จากนั้น มูรินโญ ต้องเปลี่ยนเอา กาก้า ลงมาทำเกมแทน อังเคล ดิ มาเรีย ที่เริ่มหายไปจากเกม เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมเริ่มเกรงจนทำเกมกันไม่ถนัด ทำให้ยังหาโอกาสเข้าไปจบสกอร์เน้นๆ ไม่ได้เหมือนช่วงต้นเกม

ท้ายเกม บาเยิร์น บุกขึ้นมาทางซ้าย ร็อบเบน เปิดเข้ามาให้ โกเมซ แต่งบอลหนึ่งจังหวะกำลังจะง้างยิงแต่ช้าเกินไป แนวรับปรี่เข้าบล็อกกันทันเวลาทำให้บอลไม่มีน้ำหนักไปเข้าซอง คาซึยาสง่ายๆ เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาที มาดริด ชนะไป 2-1 ประตูรวมสองนัดยังเสมอกันอยู่ที่ 3-3 ต้องแข่งกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษเพื่อหาผู้เข้าชิงชนะเลิศอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษ : เป็นเจ้าถิ่นที่กลับมาครองเกมไว้ได้มากกว่า แต่ทั้งสองทีมกลับมาเล่นแบบประคองตัวเป็นส่วนใหญ่ ทาง “เสือใต้” อาศัยเกมริมเส้นโยนเข้าไปให้ โกเมซ ใช้ความใหญ่เบียดโหม่ง แต่ก็ทำอะไรแนวรับ “ราชันชุดขาว” ได้ไม่ถนัด จบการต่อเวลาครึ่งแรกยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้

เริ่มครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา กอนซาโล อิกวาอิน ลงมาแทน เบนเซมา หวังใช้ความสดเผด็จศึกให้ได้ ช่วงนาที 115 นอยเออร์ คล้ายว่าจะดึง เอสเตบัน กราเนโร ตัวสำรองของ มาดริด ล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับแจกใบเหลืองให้แข้งชาวสเปน ข้อหาที่พุ่งล้ม หมด 120 นาทียังทำอะไรกันไม่ได้ต้องไปดวลลูกโทษหาผู้ชนะ

ผลการดวลลูกจุดโทษ ปรากฏว่า โรนัลโด และ ริคาโด กาก้า เพชรฆาตสองคนแรกของ มาดริด พลาดจุดโทษทั้งคู่ ตามหลังอยู่ 0-2 แต่หลังจากนั้นกลับเป็น โครส และ ลาห์ม มาพลาดบ้าง อย่างไรก็ตาม คนที่ 4 ของ รามอส ยิงเหินข้ามคานออกไปไกล และ ชไวน์สไตเกอร์ ยิงเข้าส่งให้ บาเยิร์น ชนะไป 3-1 ในการดวลจุดโทษได้เข้าชิงชนะเลิศกับ เชลซี ในรังของตัวเอง

บาเยิร์น มิวนิค
1. ดาวิด อลาบา = เข้า
2. มาริโอ โกเมซ = เข้า
3. โทนี่ โครส = ไม่เข้า
4. ฟิลิปป์ ลาห์ม = ไม่เข้า
5. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ = เข้า

เรอัล มาดริด
1. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ = ไม่เข้า
2. ริคาร์โด้ กาก้า = ไม่เข้า
3. ชาบี้ อลอนโซ่ = เข้า
4. เซร์คิโอ รามอส = ไม่เข้า
5.-

รายชื่อ 11 ตัวจริง ของทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่, ชาบี้ อลอนโซ่, ซามี่ เคดิร่า, อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า

บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เจอร์โรม บัวเต็ง, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, ดาวิด อลาบา, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ลูอิซ กุสตาโว่, อาร์เยน ร็อบเบน, โทนี่ โครส, ฟร้องค์ ริเบรี่, มาริโอ โกเมซ