เพื่อลดความวิตกกังวล สิ่งที่ผู้สมัครควรเตรียมมี ดังนี้
ผู้สมัครเป็นจำนวนไม่น้อยมักจะเกิดความวิตกกังวลหรือมีข้อสงสัยต่าง ๆ นานา เมื่อต้องก้าวเข้าสู่กระบวนการสรรหาและคัดเลือก มากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับประ-สบการณ์ของแต่ละบุคคลและถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ผู้สมัครที่เคยผ่านสนามมาแล้ว จะมีความวิตกกังวลน้อยกว่า
เมื่อต้องเขียนจดหมายสมัครงานหรือประวัติย่อของตนเอง ก็เกิดความกังวลหรือมีข้อสงสัย เช่น จะสรุปให้กระชับหรือกะทัดรัดและดึงดูดความสนใจของผู้รับสมัครได้ด้วยการใช้คำพูดอย่างไร เป็นต้น
ครั้นเมื่อถูกเชิญไปสัมภาษณ์ก็เกิดอาการทำนองเดียวกัน เช่น กลัวว่าจะไม่ได้รับคัดเลือก หรือสู้ผู้สมัครอื่นไม่ได้ จะตอบคำถามในการสัมภาษณ์ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจผู้สัมภาษณ์ได้อย่างไร ผู้สัมภาษณ์จะถามอะไรบ้าง จะแต่งกายอย่างไร ควรจะผูกเนกไทใส่สูทหรือไม่ ควรจะถือโน้ตบุ๊คติดตัวไปด้วยหรือไม่เพื่อใช้ในการนำเสนอประวัติตัวเอง ควรจะไปถึงสถานที่นัดหมายเวลาเท่าใดและจะเดินทางไปด้วยวิธีใด ใครจะเป็นผู้สัมภาษณ์ จะวางตัวระหว่างการสัมภาษณ์อย่างไรจึงจะดี เป็นต้น
เมื่อถึงเวลานัดหมายก็เกิดความวิตกกังวลหรือมีข้อสงสัยอีก เช่น ควรจะขอเงินเดือนสักเท่าไหร่จึงจะดี ถ้าถูกถามถึงเหตุผลที่ลาออกจากงานควรจะตอบอย่างไรจึงจะเหมาะสม จะอุดช่องว่างช่องโว่หรือข้อด้อยต่าง ๆ ของตัวเอง เช่น การศึกษาประสบการณ์ ฯลฯ ด้วยวิธีใด ควรจะพูดความจริงหรือควรปั้นเรื่องให้ประวัติตัวเองดูดี เป็นต้น
ครั้นเมื่อสัมภาษณ์เสร็จก็เกิดความวิตกกังวลอีกเช่นกัน การที่ผู้สัมภาษณ์ถามอย่างนั้นอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร จะมีโอกาสผ่านเข้ารอบต่อไปอีกหรือไม่ การที่ผู้สัมภาษณ์ถามว่าจะมารายงานตัวเข้าทำงานได้เมื่อใด หมายความว่าจะเข้าข่ายหรือมีโอกาสได้รับการคัดเลือกใช่หรือไม่ เป็นต้น
สรุปแล้วไม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์ก็เป็นทุกข์ เมื่อได้รับจดหมายเชิญไปสัมภาษณ์ก็เป็นทุกข์ ระหว่างการสัมภาษณ์ก็เป็นทุกข์และเมื่อเสร็จการสัมภาษณ์ก็เป็นทุกข์หรือมีข้อวิตกกังวลหรือข้อสงสัยไม่มีคำตอบแบบเบ็ดเสร็จหรือสำเร็จรูปและหลาย ๆ กรณีพบว่าผู้สมัครคิดมากไปเองหรือคิดเลยเถิดเกินไป ผู้สมัครจะต้องพยายามคลายความวิตกกังวลโดยเตรียมตัวเตรียมใจและหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รวมทั้งคาดคะเนคำถามและสถานการณ์ซึ่งน่าจะเกิดขึ้น
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายเป็นคำกล่าวที่เป็นอมตะ การบิดเบือนข้อเท็จจริงมีโอกาสถูกจับได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องไปรับการสัมภาษณ์กับนักสัมภาษณ์มืออาชีพ ซึ่งจะมีเทคนิคลดการบิดเบือนข้อมูลของผู้สมัคร ดังนั้น จึงต้องระวังไว้เหมือนกัน เพราะเมื่อถูกซักเข้า ๆ อาจถึงภาวะจนมุมเข้าได้ง่าย ๆ ตามความเห็นของผู้เขียนการให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาน่าจะดีกว่า แต่ควรอธิบายหรือหาเหตุผลสนับสนุน ผู้เขียนเคยเห็นผู้สมัครคนหนึ่งพยายามลบจุดอ่อนของเขาทางด้านการศึกษาได้ค่อนข้างดี
เมื่อต้องแข่งกับนักเรียนนอกหรือผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยการบอกว่าก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาไม่ค่อยได้สนใจเรื่องการเรียนมากนักหรือชอบเที่ยวเตร่ จึงทำให้เขาไม่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าได้ แต่การคบหาสมาคมกับเพื่อน ๆ ในตอนนั้นช่วยสร้างจุดแข็งให้แก่เขาเมื่อทำงาน เพราะเขาได้ทักษะทางด้านสังคม ซึ่งนำไปใช้ในงานขายเป็นอย่างดียิ่ง และผู้สมัครท่านนี้ก็ได้พยายามใช้ความดังของบริษัทที่เขาทำงานอยู่และผลงานอันโดดเด่น รวมทั้งความก้าวหน้าในสายอาชีพและการแสดงความเชื่อมั่นในตัวเองของเขาเป็นตัวช่วย ซึ่งทำให้เขาสามารถลบจุดด้อยได้
เพื่อลดความวิตกกังวล สิ่งที่ผู้สมัครควรเตรียมมีดังนี้
เตรียมตัวเตรียมใจ
อย่าคิดมากหรือวิตกจนเกินเหตุ การที่จะได้งานแต่ละครั้งอาจต้องไปสัมภาษณ์หลาย ๆ ที่ พลาดงานนี้ก็สมัครงานอื่นต่อ ผู้สมัครงานบางคนส่งใบสมัคร 10 ครั้ง อาจถูกเรียกไปสัมภาษณ์แค่เพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น และอาจไม่ถูกรับเลือกก็เลยได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติอย่างใดแต่ต้องพยายามต่อไป
เตรียมข้อมูล
พยายามหาข้อมูลของสถานประกอบการให้มากที่สุด เช่น ใครเป็นเจ้าของ ผลิตอะไร ขาย ที่ไหน ผลิตภัณฑ์ติดตลาดหรือไม่อย่างไร กำไรดีไหม สินค้าหรือบริการมีปัญหาตรงไหน อะไรคือจุดอ่อนหรือจุดแข็งขององค์การและผลิตภัณฑ์
ศึกษาขั้นตอนการสัมภาษณ์
ผู้สัมภาษณ์มืออาชีพจะสัมภาษณ์อย่างมีขั้นมีตอน เริ่มจากการหาข้อมูลส่วนตัวเรื่อยไปจนกระทั่งถึงประสบการณ์ และความสามารถต่าง ๆ และจะเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้ซักถามเกี่ยวกับลักษณะของงานและข้อมูลขององค์การ (ผู้สมัครควรเตรียมคำถามที่จะถามผู้สัมภาษณ์ไว้ล่วงหน้า)
คาดคะเนคำถามและเตรียมคำตอบ
ควรคาดคะเนคำถามในแต่ละจุดดังที่ได้กล่าวในข้างต้นและพยายามศึกษาคำถามที่ผู้สัมภาษณ์มืออาชีพมักจะถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับความสามารถในเชิงพฤติกรรม เช่น การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ภาวะผู้นำ ความคิดริเริ่ม ฯลฯ
นอนแต่หัวค่ำ
พยายามนอนให้เต็มที่เพื่อจะได้ดูสดชื่นในวันรุ่งขึ้น แต่งกายให้เหมาะสมกับงานหรือสถานที่ที่จะไปสัมภาษณ์ ไม่มีสูตรตายตัวในการสัมภาษณ์ ผู้เขียนเคยเห็นผู้สมัครระดับผู้จัดการเงินเดือนแสนต้น ๆ ใส่สูทและเอาโน้ตบุ๊คติดตัวไปด้วยและนำเสนอประวัติตัวเอง โดยปิดท้ายด้วยคำถามที่ว่า "ทำไมบริษัทจึงควรจะเลือกผม" โดยระบุเหตุผลและจุดแข็งของเขาเป็นข้อ ๆ
ที่มา : คอลัมน์ HR.Manament โดย ชำนาญ พิมลรัตน์
นิตยสาร : Recruit ฉบับที่ 417 ประจำวันที่ 1-15 มกราคม 2548
ความทุกข์ทางใจของผู้สมัครยังไม่จบแต่เพียงแค่นี้ ผู้สมัครยังมีความทุกข์ทางใจ เกิดความวิตกกังวลหรือมีข้อสงสัยต่าง ๆ อีกในระหว่างระยะเวลา 120 วันแรกซึ่งเป็นระยะทดลองงาน กล่าวคือ หวั่นเกรงว่าจะไม่ผ่านการทดลองงานหรือสงสัยว่าผู้บังคับบัญชามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงาน การเรียนรู้ การปรับตัว นิสัยหรือพฤติกรรมอื่นๆ ฯลฯ ข้อเสนอแนะง่าย ๆ ก็คือ ระหว่างระยะทดลองงานซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือเครื่องช่วยในการคัดบุคลากรอย่างหนึ่ง ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องพยายามให้ดีที่สุด โดยเน้นปัจจัยต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเพราะทำงานเก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่จะต้องแสดงความสามารถต่าง ๆ ให้เห็นด้วย