HR ปีฉลู
ฝ่าด่าน "HR" ปีฉลู
:
บรรดา HR คงจะพอรับรู้ และประเมินสภาพเศรษฐกิจในปีหน้าได้อยู่แล้วว่า หน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร ถือว่าเป็นอีกปีที่หนักหนาสาหัสเอาการสำหรับชีวิต HR
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : จะว่าไปแล้ววิกฤติที่ว่าก็พอดีครบรอบ 12 ปี ถ้านับจากวิกฤติต้มยำกุ้ง @ไทยในปี 2540 มาจนถึงปี 2552 วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์@อเมริกา
สงสัยคราวหน้าอีก 12 ปีผ่านไป เราอาจจะได้เจอกับวิกฤติ ติ่มซำ@จีน, โรตี@อินเดีย, ข้าวปั้น@ญี่ปุ่น, กิมจิ@เกาหลีใต้ ฯลฯ ตามมาอีกหลายสิบเมนูวิกฤติระดับชาติ
ในสถานการณ์แบบนี้ HR ควรทำอย่างไรดี
คำตอบก็คือ เราต้องมาตั้ง สติ (ก่อนสตาร์ท) กันก่อนดีกว่า เพราะหากทำตัวเซไปเซมากับสภาพเศรษฐกิจภายนอก เผลอๆ อาจจะคิดอะไรไม่ออก เพราะขนาดขับรถ เขายังห้าม เมาไม่ขับ นี่เรากำลังทำงาน HR กับภารกิจอุ้มช้างอาบน้ำ ยิ่งต้องห้ามเมาแน่นอน
HR ปีหน้าควรจะทุ่ม สรรพกำลัง ความสนใจไปที่ 2 ด้าน คือ การช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น (Cost Side) และช่วยหาทางเพิ่ม/รักษาระดับรายได้ให้กับองค์กร (Revenue Side) ให้มากที่สุด หรืออย่างเก่งก็ให้ยอดขายลดลงให้น้อยที่สุด (เมื่อเทียบกับคู่แข่ง) ก็ยังดี
นั่นแปลว่า สรรพสิ่ง ในงานด้าน HR ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ โครงสร้างองค์กร (Structure) ระบบและกระบวนการทำงาน (System&Process) บุคลากร (People) และ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศองค์กร(Environment) ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยน หรือทบทวนให้ดี เพื่อตอบโจทย์ หยิน & หยาง ในเรื่องของ ลดค่าใช้จ่าย และ เพิ่ม/รักษาระดับรายได้ ให้ได้
HR ก็คงต้องมาคิดหาหนทางว่า จะใช้ศาสตร์และวิธีการด้าน HR อะไรบ้าง เพื่อตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ เช่น
โครงสร้างองค์กร (Structure) ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ คำถามที่น่าสนใจคือ จะออกแบบโครงสร้างองค์กรใหม่ (Organization Redesign) ได้หรือไม่ รวมถึงการออกแบบงานใหม่ (Job Redesign) ถ้าทำแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร อย่างเช่น ทราบว่าบริษัทบางแห่ง CEO ให้โจทย์ฝ่าย HR มาว่า หากปีหน้ายอดขายเหลือ 50% โครงสร้างบริษัทควรจะเป็นอย่างไร และควรจะบริหารบุคลากรโดย ไม่ปลดคนเลย ได้หรือไม่ (สาธุ ขอให้ CEO ท่านนี้จงจำเริญๆ ยิ่งขึ้นไปเทอญ)
ระบบและกระบวน การทำงานต่างๆ (System & Process) ควรจะมีการปรับระบบ หรือกระบวนการทำงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลดียิ่งขึ้นไปอีกได้หรือไม่ เพราะในช่วงเศรษฐกิจดีๆ HR ไม่ค่อยมีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้กันสักเท่าไหร่ ประมาณว่า Walk & Clean ถือโอกาสจัดบ้านเป็นการแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาส
บุคลากร (People) จะมีวิธีการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงาน (Attitude& Competency) ของพนักงานให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้หรือไม่ เพื่อเตรียมความพร้อม การฝ่าด่านเศรษฐกิจปีฉลู (ปี 2552) ร่วมกัน
สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการทำงาน (Environment) จะมีวิธีการในการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) หรือปรับเปลี่ยน วัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) เพื่อส่งเสริมบรรยากาศในการทำงาน (Organization Climate) ที่ดีร่วมกัน อันจะนำไปสู่ ความเจริญเติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable Growth) ได้อย่างไร
เหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์ชวนคิดในการฝ่าด่าน HR ปีฉลูร่วมกัน
ตัวอย่างที่น่าสนใจของการวางกลยุทธ์แผนงานและโปรแกรมงานด้าน HR (HR Action Plan& Program) ในปีหน้า เช่น การเทงบประมาณด้านบุคลากรที่ได้มา เพื่อไปตอบโจทย์การช่วยกันลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น (Cost Saving) ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยกันหาวิธีเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation & Creative) เพื่อคิดค้นสินค้าและบริการ รวมถึงวิธีการทำงานใหม่ๆ ให้กับองค์กร
ขอฟันธงว่า งาน HR ปีฉลูตามหลักการสร้างคนในเรื่องของ การรับคน (Attract) รักษาไว้ (Retain) จูงใจ (Motivate) และพัฒนา (Develop) จะต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของ หยิน & หยาง ให้มากขึ้น
ในที่นี้ก็คือ Cost Saving vs. Revenue นั่นเอง
เรื่อง : ธีระ วีรธรรมสาธิต
กรรมการผู้จัดการ บริษัท APM Consulting จำกัด (Human resource Consulting)
ที่มา : bangkokbiznews.com