เหตุที่หาผู้สมัครไม่ค่อยได้
สถานที่ประกอบการเป็นจำนวนไม่น้อยมีปัญหาเรื่องการหาคนที่มีคุณภาพมาทำงานด้วยไม่ค่อยได้ หรือได้แต่ช้ามากจนกลายเป็นจุดอ่อนของฝ่ายบุคคล
สาเหตุที่ทำให้หาคนได้ยากมีอยู่หลายประการ เช่น ภาวการณ์ขาดแคลนกำลังคนหรืออัตราการว่างงาน สถานประกอบการนั้นมีคนออกจากงานมาก (ยิ่งมีคนออกมากก็ยิ่งหาคนยาก) ไม่รู้จักวิธีเข้าถึงแหล่งกำลังคนในแต่ละสาขาวิชาชีพ ค่าตอบแทนไม่เป็นที่จูงใจ มีชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ผลประกอบการ การบริหารงานบุคคลที่ล้าสมัย สภาพการทำงานที่ไม่ดี เป็นต้น
การมีคนเข้า ๆ ออก ๆ เป็นเรื่องธรรมดาและเป็นสิ่งที่ควรเป็น สถานประกอบการใดไม่มีคนออกจากงานเสียเลย หรือมีแต่น้อยเกินไปก็จะทำให้ไม่มีการปรับปรุงหรือการพัฒนาเพราะไม่มี "เลือดใหม่" มีแต่คนประเภท "คิดแบบเก่าทำแบบเก่า" ดังนั้น ถ้าไม่มีคนออกหรือมีคนออกน้อยเกินไปท่านว่าให้เอาออกเสียบ้าง โดยการทำ Outplacement หรือการระบายคนออกซึ่งจะต้องทำด้วยความถูกต้องและเป็นธรรม วิธีที่ดีที่สุดก็คือใช้ "โครงการร่วมใจจาก" ซึ่งหลาย ๆ กรณีเป็น "โครงการจำใจจาก" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ
ไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่าอัตราการออกจากงานเท่าใดจึงจะดีหรือว่าใช้ได้ สำหรับผู้เขียนอัตราร้อยละ 8-10 น่าถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม เมื่อสมัยนั้นเศรษฐกิจเฟื่องฟู อัตราการออกจากงานในเมืองไทยเคยสูงถึงร้อยละ 19 ซึ่งตอนนั้นมีการโก่งค่าตัวกันอย่างลิบลิ่ว
เหตุจูงใจที่ทำให้ลูกจ้างออกจากงาน มีอยู่หลายประการ แต่ที่สำคัญ ๆ น่าจะเป็นเรื่อง 3Cs คือ
- Compensation (ค่าตอบแทน)
- Career (โอกาสก้าวหน้า)
- Culture (วัฒนธรรมองค์กรซึ่งรวมถึงรูปแบบการบังคับบัญชาด้วย)
คนเราเมื่อเกิดความไม่พอใจก็มักจะแสวงหาความพอใจที่อื่น บางคนแม้กระทั่งตกงานก็ยอมขอให้ลองพิจารณาถึง "เหตุที่เข้า" และ "เหตุที่ออก" ที่ผู้เขียนจะนำเสนอต่อไปนี้เพื่อที่จะได้มุม-มองในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการออกจากงาน (Employee Turnover)
เหตุที่เข้า | เหตุที่ออก |
ภาพลักษณ์ขององค์กร | อัตราค่าตอบแทน |
อัตราค่าตอบแทน | โอกาสก้าวหน้า |
ความท้าทายของงาน | วัฒนธรรมขององค์กรรวมถึงการบังคับบัญชา |
โอกาสที่จะได้รับการฝึกและพัฒนา | ความไม่พอใจในเรื่องต่าง ๆ ฯลฯ |
โอกาสที่จะได้ศึกษาและดูงานในต่างประเทศ ฯลฯ |
จากการแยกแยะสาเหตุอย่างคร่าว ๆ ข้างต้นก็พอจะเห็นได้ว่าจะต้องมีการจัดการในเรื่องใดกันบ้างในอันที่จะดึงดูดและเตรียมหาคนดีมีฝีมือไว้ได้คนที่ออกจากงานมีอยู่หลายประเภท ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้
|
ดังนั้น ถ้าต้องการที่จะควบคุมอัตราการเข้าออกจากงานให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหา "ยิ่งออกมาก ยิ่งหาคนแทนยาก" ควรจะต้องดูแลลูกจ้างประเภทแรกและประเภทที่สองดังที่ได้กล่าวข้างต้นให้มาก ๆ โดยเน้น 3Cs ข้างต้น (ค่าตอบแทน โอกาสก้าวหน้า และวัฒนธรรมซึ่งรวมถึงการบังคับบัญชาด้วย)
อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่าถ้าทำแล้วจะปิดประตูตายหรือไม่มีคนออกเลย พึงระลึกไว้เสมอว่า คนเก่งมีน้อย หางานดี ๆ ที่ไหนก็ได้และความต้องการคนเก่งมีอยู่ตลอดเวลา
เพื่อช่วยให้สามารถหาคนได้มีคุณภาพ และในระยะเวลาอันรวดเร็ว สถานประกอบการควรตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- อัตราเริ่มต้น (Hiring Rates)
- โครงสร้างเงินเดือน (Salary Range)
- เงินจูงใจต่าง ๆ (Allowances) เช่น ค่าเช่าบ้าน (Housing Allowance) ค่าต่างถิ่น (Dislocation Allowance) เป็นต้น
- ฝึกผู้บังคับบัญชาทุกระดับในเรื่องภาวะผู้นำ การปกครอง บังคับบัญชา และการจูงใจ
- ปรับปรุงระบบบริหารงานบุคคลทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)
- สำรวจความพึงพอใจของลูกจ้าง (Employee Satisfaction Survey) เป็นระยะ ๆ กำหนดตัวชี้วัดต่าง ๆ (Key Performance Indicators (KPIs) ตรวจสอบและประเมินผลเป็นระยะ ๆ
- ศึกษาแหล่งกำลังคนในระดับต่าง ๆ ว่าอยู่แห่งหนใดและจะเข้าหาด้วยวิธีใด อย่าใช้วิธีตั้งรับเพราะ Write-in และ Walk-in ไม่ค่อยได้ผลแล้ว (สมัยก่อนอยู่เฉย ๆ ก็มีคนมาสมัครเอง บางแห่งถึงขนาดต้องปิดประกาศ "งดรับสมัครงาน" เพราะกลัวถูกรบกวนและไม่อนุญาตให้ผู้สมัครประเภท Walk-in เข้าพบและอาจโยนใบสมัครประเภท Write-in ลงตะกร้าถ้าไม่เจ๋งจริง ๆ)
การ "สร้าง" หรือ "ปั้น" คนภายในเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้สามารถบรรจุตำแหน่งที่หายาก ๆ ซึ่งถ้าออกไปแล้วสร้างความเจ็บปวดให้แก่นายจ้าง ดังนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้มีระบบและการวางแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) เพื่อมีคนที่ "พร้อมแล้ว" หรือ "เกือบพร้อม" เพื่อบรรจุเมื่อมีตำแหน่งว่างเป็นทอด ๆ และนำคนนอกเข้ามาในระดับล่าง ๆ
การวางแผนสืบทอดตำแหน่งเป็นเรื่องที่พูดกันมากหรือพูดให้ดูดีแต่ทำกันน้อยมาก
ที่มา:Hr.Management ชำนาญ พิมลรัตน์ |