ความ(ไม่)ปลอดภัยในการทำงานเรื่อง การป้องกันไฟ


691 ผู้ชม


ความ(ไม่)ปลอดภัยในการทำงานเรื่อง การป้องกันไฟ




สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในขณะลูกจ้างทำงานส่วนใหญ่จะส่งผลทำให้ลูกจ้างต้องรับอันตราย บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากการทำงานที่ตนไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน และวิธีป้องกันให้ถูกต้องตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่างๆ  ซึ่งความไม่ปลอดภัยที่สร้างความเสียหายได้รุนแรงและส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง สถานประกอบการ เศรษฐกิจ และสังคม  คือ อัคคีภัย หรือ ภัยจากไฟ   โดยกฎหมายได้กำหนดให้นายจ้างต้องดำเนินการเตรียมการป้องกัน พร้อมทั้งต้องจัดให้มีอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานของลูกจ้าง  ซึ่งกฎหมายได้วางมาตรการไว้เป็นสองส่วน คือ มาตรการป้องกัน และมาตรการระงับอัคคีภัย   ซึ่งสามารถแยกประเภทของเพลิงต่าง ๆ  ออกมา   4 ประเภท ดังนี้

 “เพลิงประเภท เอ” หมายความว่าเพลิงที่เกิดจากเชื้อเพลิงธรรมดา เช่น ไม้  ผ้า  กระดาษ  ยาง พลาสติก

 “เพลิงประเภท บี” หมายความว่า เพลิงที่เกิดจากของเหลวติดไฟก๊าซและน้ำมันประเภทต่าง  ๆ

 “เพลิงประเภทซี”หมายความว่า เพลิงที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือวัตถุที่มีกระแสไฟฟ้า

 “เพลิงประเภท ดี” หมายความว่า เพลิงที่เกิดจากโลหะต่างที่ติดไฟแมกนีเซียม เซอร์โดเนียม  ไทเทเนียม

          กรณีการป้องกันไฟมีหลักสำคัญ คือ  การแยกองค์ประกอบของไฟออกจากกัน เช่น   การเก็บวัตถุติดไฟไว้เท่าที่จำเป็น  และสถานที่ห่างจากแหล่งกำเนิดของการติดไฟ การวางระเบียบในการเชื่อมการตัด การจัดให้มีการรักษาความสะอาดในสถานที่ทำงานล่อแหลมต่อการติดไฟ    การป้องกันระบบไฟฟ้าลัดวงจร  เป็นต้น ซึ่งตามกฎหมายแรงงานได้กำหนดให้นายจ้างต้องปฏิบัติในเรื่องการป้องกันแหล่งก่อเกิดการกระจายตัวของความร้อนดังนี้

1.      ป้องกันมิให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า

2.      ป้องกันมิให้เกิดอัคคีภัยจากเครื่องยนต์   หรือปล่องไฟเพื่อมิให้เกิดลูกไฟ   หรือเขม่าไฟกระเด็นถูกวัตถุที่ติดไฟได้   เช่น   นำวัตถุไฟออกจากบริเวณนั้น   หรือกำจัดทำที่คอบป้องกันลูกไฟ   หรือเขม่าไฟ

3.      ป้องกันอัคคีภัยที่เกิดจากการแผ่รังสีการนำ   หรือการพาความร้อนจากแหล่งกำเนิดความร้อนสูงไปสู่วัสดุติดไฟได้ง่าย เช่น จัดทำฉนวนหุ้มหรือปิดกั้น

4.      ป้องกันอัคคีภัยจากการทำงานที่เกิดจากการเสียดทานของเครื่องจักร   เครื่องมือที่เกิดประกายไฟ    หรือความร้อนสูงอาจทำให้เกิดการลุกไหม้ได้   เช่น   การซ่อมบำรุง   หรือหยุดพักการใช้งาน

5.      เพื่อป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิตย์ให้ต่อสายดินกับถัง  หรือท่อน้ำมันเชื้อเพลิง  สารเคมี   หรือของเหลวไวไฟ    โดยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า

          นอกจากนี้ในกฎหมายยังมีข้อกำหนดให้นายจ้างจัดให้มีแผนป้องกันภัยในสถานประกอบการโดยให้นิยามของ  “แผนป้องกัน และระงับอัคคีภัย   หมายถึง  แนวทางปฏิบัติที่จะใช้ในการป้องกันและระงับอัคคีภัย” ซึ่งนายจ้างมีหน้าที่ต้องเก็บแผนป้องกัน และระงับอัคคีภัยไว้   ณ สถานที่ทำงานพร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ อันได้แก่  การตรวจตรา การอบรม   การรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย  การดับเพลิง   การอพยพหนีไฟ   การบรรเทาทุกข์ และการปฏิรูปฟื้นฟูเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้นแล้ว

          การดำเนินการป้องกันเพื่อมิให้เกิดเพลิงไหม้จึงเป็นการเตรียมการป้องกันเพื่อมิให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น  รวมถึง  การเตรียมการเพื่อรองรับเหตุการณ์อาจเกิดเพลิงไหม้ หรือเมื่อเกิด      เพลิงไหม้  โดยจะสามารถสังเกตุเห็นได้ว่า หน่วยงานต่าง ๆ ในปัจจุบันที่มีบุคลากรอยู่รวมกันจำนวนมากบนอาคารสูง หรือศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งชุมนุมของคนจำนวนมาก ๆ จะมีการซ้อมดับเพลิงและซ้อมอพยพหนีไฟอยู่เป็นประจำทุกปี  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกจ้างหรือกลุ่มบุคคลที่เข้าไปใช้บริการ  ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันได้อย่างเป็นระบบ และสามารถระงับอัคคีภัยได้รวดเร็ว   ลดการสูญเสียทรัพย์สิน  และที่สำคัญคือ  มิให้เป็นอันตรายต่อชีวิต  และร่างกายของคนนั้นเอง 

ที่มา : วันสต๊อปเอ็ชอาร์

อัพเดทล่าสุด