นายจ้างลงโทษลูกจ้างให้พักงาน 3 วัน และคำสั่งนั้นมีคำเตือนอีกด้วย ?


751 ผู้ชม


นายจ้างลงโทษลูกจ้างให้พักงาน 3 วัน และคำสั่งนั้นมีคำเตือนอีกด้วย ?




    

คดีแดงที่  3631/2529

บริษัทโรงงานอุตสาหกรรมผ้าธนบุรี จำกัด โจทก์
นายอร่าม สุทธะพินทุ กับพวก จำเลย

 

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 (3)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 (3)

การที่นายจ้างลงโทษลูกจ้างให้พักงาน 3 วัน และขณะเดียวกันในคำสั่งลงโทษนั้นยังมีคำเตือนอีกด้วย หาทำให้คำเตือนนั้นสิ้นผลไปด้วยโทษที่ได้รับไปแล้วไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1916/2527)

ส.ลูกจ้างของโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับด้วยการนอนหลับและได้รับคำเตือนเป็นหนังสือมาแล้ว ส. กลับมากระทำผิดฐานเดียวกันซ้ำอีกในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับโจทก์จึงเลิกจ้าง ส. ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานได้ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123(3) หาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมไม่

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ซึ่งวินิจฉัยชี้ขาดตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ศาลชอบที่จะปรับด้วยพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 123 อันเป็นบทมาตราโดยเฉพาะสำหรับกรณีที่นี้หาใช่ปรับด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(3) ไม่

 

…………………..……………………………………………………………..

 

โจทก์ฟ้องว่า นายสุนทรซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยทั้งสิบสามซึ่งเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าโจทก์เลิกจ้างนายสุนทรในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลบังคับ ขอให้จำเลยสั่งให้โจทก์รับนายสุนทรกลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหาย จำเลยได้วินิจฉัยชี้ขาดและออกคำสั่งว่าการที่โจทก์เลิกจ้างนายสุนทรเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ให้โจทก์รับนายสุนทรกลับเข้าทำงานกับให้จ่ายค่าเสียหาย คำสั่งของจำเลยไม่ชอบเพราะนายสุนทรได้กระทำผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานโดยนอนหลับ โจทก์ได้ลงโทษโดยสั่งพักงานและประกาศเตือนไม่ให้ทำผิดอีกต่อมานายสุนทรนอนหลับเป็นการกระทำผิดซ้ำคำเตือนอีก โจทก์จึงเลิกจ้างได้ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย

จำเลยให้การว่า วันเกิดเหตุนายสุนทรไม่ได้นอนหลับ และไม่ใช่เป็นเวลาอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ การลงโทษนายสุนทรไม่มีการสอบสวน เป็นการเลิกจ้างในขณะที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างยังมีผลใช้บังคับอยู่ คำสั่งเลิกจ้างของโจทก์จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า นายสุนทรกระทำผิดซ้ำคำเตือนโจทก์เลิกจ้างได้ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย

จำเลยทั้งสิบสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่นายจ้างลงโทษลูกจ้างให้พักงาน ๓ วัน และขณะเดียวกันในคำสั่งลงโทษนั้นยังมีคำเตือนอีกด้วย หาทำให้คำเตือนนั้นสิ้นผลไปด้วยโทษที่รับไปแล้วไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๑๖/๒๕๒๗)

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๓ หาได้บัญญัติห้ามว่า ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้าง หรือสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องเป็นการเด็ดขาดเสียทีเดียวไม่ ดังจะเห็นมีข้อยกเว้นให้เลิกจ้างอยู่ ๕ ประการในอนุมาตรา (๑) ถึงอนุมาตรา (๕) นายสุนทร ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับฯ ของโจทก์ด้วยการนอนหลับมาแล้ว และได้รับคำตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว นายสุนทรกลับมากระทำผิดฐานเดียวกันซ้ำอีก กรณีจึงต้องด้วยมาตรา ๑๒๓(๓) การเลิกจ้างของโจทก์หาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมไม่

ประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ เป็นตัวบทกฎหมายที่กำหนดการคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้าง โดยเฉพาะข้อ ๔๗ เป็นบทที่ว่าด้วยเมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างแล้วจะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ ส่วนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นบทกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ รวมทั้งวิธีการแก้ไขข้อขัดข้องระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้เป็นไปโดยวิธีปรองดองและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งวินิจฉัยชี้ขาดตามอำนาจหน้าที่ในพระราชบัญญัติดังกล่าว ศาลชอบที่จะปรับด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๒๓ อันเป็นบทมาตราโดยเฉพาะสำหรับกรณีนี้ มิใช่ปรับด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย ฯ

พิพากษายืน

 

(จุนท์ จันทรวงศ์ - มาโนช เพียรสนอง - สุรัตน์ ศรีอนุพันธุ์ )

 

ศาลแรงงานกลาง - นายธวัช สุทธิสมบูรณ์

ศาลอุทธรณ์ -


อัพเดทล่าสุด