ค่าจ้างที่โจทก์ต้องชำระแก่จำเลย
คดีแดงที่ 2515/2520 | บริษัทหลุยส์ ตี เลียวโนเวนส์ จำกัด โดยนายดั๊กกลาส เกรแฮม เฟรเซอร์ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ จ. |
ประกาสของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 2, 8
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2514 ข้อ 2, 29, 77
ป.พ.พ.มาตรา 113
ป.วิ.พ.มาตรา 55, 142 (5)
พนักงานตรวจแรงงานมิได้อยู่ในฐานะผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากแต่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยคำเตือนของพนักงานตรวจแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นเพียงคำชี้แจงของผู้ไกล่เกลี่ยให้นายจ้างทราบเพื่อให้มีการประนีประนอมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากนายจ้างเห็นว่าคำเตือนนั้นไม่ถูกต้องจะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ คำเตือนนั้นหามีผลบังคับไม่การที่พนักงานตรวจแรงงานออกคำเตือนดังกล่าวไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งของนายจ้าง นายจ้างไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำเตือน (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1444/2519)
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
นอกจากค่าจ้างเป็นรายเดือนแล้ว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับเงินค่านายหน้าอีกร้อยละ 1.75 จากจำนวนเงินที่นายจ้างได้รับชำระจากสินค้าของนายจ้างที่ได้ขายไปในเขตควบคุมของลูกจ้าง เงินค่านายหน้าดังกล่าวเป็นค่าจ้างตาม ข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2515 นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้า
เงื่อนไขและระเบียบของนายจ้างที่ให้งดจ่ายเงินค่านายหน้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้จ่ายในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน ขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
…………………..……………………………………………………………..
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๓ เป็นข้าราชการสังกัดจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ เป็นอธิบดี และจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ ๔ ฐานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับคำสั่งของโจทก์ จำเลยที่ ๔ ร้องเรียนต่อจำเลยที่ ๑ ว่าโจทก์ไม่จ่ายเงินค่านายหน้าในระหว่างเวลาที่จำเลยที่ ๔ ทำงานให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๓ พิจารณาแล้วออกข้อกำหนดบังคับให้โจทก์จ่ายเงินค่านายหน้าให้แก่จำเลยที่ ๔ ซึ่งตามระเบียบของโจทก์โจทก์ไม่ต้องจ่าย โดยการขู่บังคับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ โจทก์จำต้องจ่ายเงินค่านายหน้า ๖๐,๘๔๗.๒๕ บาทให้แก่จำเลย ขอให้เพิกถอนข้อกำหนดและให้จำเลยร่วมกันคืนเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า สาเหตุแห่งการเลิกจ้างมิใช่ดังโจทก์อ้าง นอกจากค่าจ้างเป็นเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงแล้ว โจทก์จ่ายเงินค่านายหน้าหรือค่าผลงานให้จำเลยที่ ๔ อีกเดือนละครั้ง โดยคำนวณจากเงินค่าขายสินค้าที่เก็บได้จากลูกค้าในเขตที่จำเลยที่ ๔ ประจำอยู่ในอัตราร้อยละ ๑.๗๕ เมื่อจำเลยที่ ๔ ถูกปลดออกจากงานแล้ว โจทก์ไม่จ่ายเงินค่านายหน้าที่ยังค้างซึ่งเป็นค่าจ้าง จำเลยที่ ๓ จึงออกคำเตือนให้จ่าย ระเบียบของโจทก์ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อพิจารณาบทบัญญัติในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ แล้ว เห็นได้ว่าจำเลยที่ ๓ พนักงานตรวจแรงงานมิได้อยู่ในฐานะผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากแต่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเท่านั้นคำเตือนของจำเลยที่ ๓ เป็นเพียงคำชี้แจงของพนักงานตรวจแรงงานผู้ไกล่เกลี่ยให้โจทก์ในฐานะนายจ้างทราบว่า โจทก์ปฏิบัติฝ่าฝืนประกาศอย่างไร เพื่อให้มีการประนีประนอมระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากโจทก์ในฐานะนายจ้างเห็นว่าคำเตือนไม่ถูกต้อง จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ คำเตือนนั้นหามีผลบังคับในกฎหมายแต่ประการใดไม่การที่จำเลยที่ ๓ พนักงานแรงงานออกคำเตือนดังกล่าว ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งของโจทก์ ดังนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง (ขอให้เพิกถอนคำเตือน) โดยนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๔๔/๒๕๑๙ ระหว่างบริษัทซัมมิทโอโตซีทอินดัสตรี จำกัด โจทก์ กระทรวงมหาดไทย กับพวกจำเลยอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฉบับลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๒ ค่าจ้างหมายความว่าเงินหรือเงินและสิ่งของที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติ ของวันทำงานหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกำหนดคำนวณหรือจ่ายเป็นการตอบแทนในวิธีอย่างไรเห็นว่า เงินค่านายหน้าร้อยละ ๑.๗๕ ที่จำเลยที่ ๔ มีสิทธิได้รับนั้นเป็นค่าจ้างซึ่งโจทก์จะต้องจ่ายให้จำเลยที่ ๔ เงื่อนไขและระเบียบปฏิบัติของพนักงานบริษัทจำเลยซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ประจำเขตเอกสารหมาย จ.๒ ขัดกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฉบับลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๒๙ ที่ให้โจทก์จ่ายค่าจ้าง ถ้าโจทก์ฝ่าฝืนย่อมมีความผิดได้รับโทษทางอาญา ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ข้อ ๘ เห็นได้ว่าข้อกำหนดงดจ่ายค่าจ้างตามเอกสารหมาย จ.๒ ที่โจทก์อ้างนั้นขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวตกเป็นโมฆะเมื่อเงินที่โจทก์ได้ชำระไปตามคำเตือนของจำเลยที่ ๓ เป็นค่าจ้างที่โจทก์ต้องชำระแก่จำเลยที่ ๔ ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินคืน
พิพากษายืน
(สมชัย ทรัพยวณิช - มาโนช จรมาศ - ประเสริฐ วราภรณ์ )
ศาลแพ่ง - นายวิฑูร ตั้งตรงจิตต์
ศาลอุทธรณ์ - นายวัฒน์ ผดุงจิตร