เงินที่เกิดจากการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล นายจ้างมีสิทธิ หักภาษี ณ. ที่จ่ายหรือไม่
| |
| | คำพิพากษาฎีกาที่ 2323/2544 | นายชุมพล หวังวัชรกุล | โจทก์ | บริษัทปัญญาคอนซัลแตนท์ จำกัด | จำเลย | | | |
| เรื่อง | เงินที่เกิดจากการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล นายจ้างมีสิทธิ หักภาษี ณ. ที่จ่ายหรือไม่ | |
| 1. คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลย ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์ กลับเข้าทำงาน ในตำแหน่ง และอัตราค่าจ้างเท่ากับก่อนที่จะมีการเลิกจ้างระหว่าง พิจารณาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมจ่ายเงิน ช่วยเหลือให้แก่โจทก์ จำนวน 299,304 บาท โดยจำเลยจะนำเงินจำนวนดังกล่าว มาวางศาล เพื่อให้โจทก์รับไปจากศาลภายในวันที่ 8 มีนาคม 2543 หากผิดนัด ยอมให้โจทก์บังคับคดีทันที ซึ่งโจทก์ตกลงและไม่ติดใจเรียกร้องอื่นใดอีกซึ่งศาล แรงงานกลางมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยชำระเงิน ให้โจทก์ไม่ครบตามคำพิพากษา โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายจากจำนวนเงินตามคำ พิพากษาเป็นเงิน 13,431 บาท นำส่งกรมสรรพากรแล้ว ซึ่งโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่มี สิทธิหักภาษี ณ ที่จ่ายดังกล่าว เพราะเงินตามคำพิพากษาเป็นเงินค่าชดเชยได้รับ ยกเว้นรัษฎากรในส่วนที่ไม่เกินค่าจ้าง หรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน สามร้อย วันสุดท้าย แต่ไม่เกินสามแสนบาท ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 217 (พ.ศ.2542) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำเลยแถลงว่าการหัก ภาษี ณ ที่จ่ายเป็นไปตามกฎหมายแล้ว นอกจากนี้จำเลยยังได้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรแล้วว่า หากการหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ก็มีสิทธิเรียกภาษีที่หักไว้คืนได้ โดยยื่นคำร้องขอต่อกรมสรรพากรภายหลัง 2. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า เงินที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ในศาลตาม สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเงินซึ่งจำเลย จ่ายให้โจทก์ในกรณีที่โจทก์และ จำเลยสมัครใจระงับข้อพิพาทระหว่างกันโดยศาลยังไม่ได้ชี้ขาดว่าฝ่ายใดผิดหรือถูก มิใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ชอบตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ ดังนั้นเงิน ดังกล่าวจึงไม่ใช่ค่าชดเชย จำเลยจึงต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร 3. โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา 4. ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว พิพากษายืน |
| |
| |
| (รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น) บ.1/7 |