จุดกำเนิดการประกันสังคม


602 ผู้ชม


จุดกำเนิดการประกันสังคม




จุดกำเนิดการประกันสังคม

ระบบประกันสังคม  เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมัน ภายใต้การปกครองของ Chancellor Bismarck ในช่วงระหว่างปี ค.. 1883-1889 


โดยเริ่มจากการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

(Mutual Fund) เพื่อนำไปดำเนินการประกันกรณีเจ็บป่วยในปี 1883 หลังจากนั้นต่อมาอีก 1 ปี การประกันกรณี

เจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานซึ่งดำเนินการโดยสมาคมนายจ้างก็ได้ถือกำเนิดขึ้นสำหรับการประกันกรณีทุพพลภาพและการประกันกรณีชราภาพ ซึ่งบริหารจัดการโดยส่วนภูมิภาคเป็นลำดับในปี

1889 ทั้งนี้  ลักษณะของการมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวจะมาจาก 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล มีการบริหารเงินโดยใช้วิธีการจัดเก็บเงินสมทบ และเป็นระบบบังคับสำหรับผู้ที่มีรายได้ ซึ่งจะมีการการันตีประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ที่อยู่ในโครงการ หลังจากนั้นประเทศในแถบยุโรป ลาตินอเมริกา สหรัฐอเมริกา ได้นำรูปแบบของเยอรมันไปใช้ และได้แพร่หลายต่อไปยังทวีปอาฟริกา เอเชีย และกลุ่มประเทศในแถบคาริบเบียนในเวลาต่อมา

หลักการประกันสังคม

การประกันสังคม ( Social Insurance) เป็นการให้หลักประกันทางสังคมในระยะยาวอีกระบบหนึ่งที่รัฐเป็นผู้ดำเนินการโดยการให้ประชาชนผู้มีรายได้แต่ละคน     ได้มีส่วนช่วยตนเอง   หรือครอบครัว โดยร่วมกันเสี่ยงภัยหรือช่วยเหลือบำบัดทุกข์ยาก เดือดร้อนซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้มีรายได้สังคม ด้วยการออกเงินสมทบ
เข้ากองทุนประกันสังคม      โดยมีนายจ้าง ลูกจ้างและในบางประเทศมีรัฐบาลร่วมออกเงินสมทบเข้ากองทุนนี้ด้วย  กองทุนนี้จะจ่ายประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ส่งเงินสมทบเมื่อเกิดเคราะห์กรรม     หรือความเดือดร้อน เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน ชราภาพ เป็นต้น ทั้งนี้รัฐเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ดังนั้น การประกันสังคมจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ยึดหลักการพึ่งตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันของประชาชน  โดยมีความมุ่งหมายที่จะเป็นหลักประกันและคุ้มครองความเป็นอยู่ของประชาชน
ให้มีความมั่นคงในการดำเนินชีวิต  แม้มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องขาดแคลนรายได้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข

 การประกันสังคมตามหลักการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO (1989) จึงมีหลักการดังต่อไปนี้

(1) การประกันสังคม จะเป็นวิธีการออกเงินสมทบโดยฝ่ายนายจ้าง และลูกจ้าง และในบางครั้งรัฐบาลอาจเข้าไปมีส่วนร่วมในลักษณะช่วยเหลือ
      หรืออุดหนุนโดยใช้เงินของรัฐ
(2) การเข้ามามีส่วนร่วมในการประกันสังคมนั้น  ถือเป็นลักษณะของการบังคับ โดยมีข้อยกเว้นไว้น้อยมาก
(3) เงินสมทบที่จ่ายมานั้น  จะจัดตั้งเป็นกองทุนพิเศษนำไปช่วยเป็นประโยชน์ทดแทนตามที่ได้กำหนด
(4) ส่วนเกินของเงินสมทบจะนำไปลงทุนเพื่อให้กองทุนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
(5) สิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนเกิดจากการได้จ่ายเงินสมทบที่เป็นไปตามเงื่อนไข
(6) อัตราการจ่ายเงินสมทบและอัตราประโยชน์ทดแทนมักจะสัมพันธ์กับรายได้ของบุคคล

(7) การประกันสังคมประเภทการเจ็บป่วยในงาน ปกตินายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่ฝ่ายเดียว  หรือบางกรณีรัฐให้ความช่วยเหลือเงินอุดหนุน

  

ขอบข่ายความคุ้มครอง

การประกันสังคมในระยะเริ่มต้นโครงการ มักจะให้ความคุ้มครองกลุ่มเป้าหมายที่จำกัด เช่น ครอบคลุมเฉพาะผู้ใช้แรงงานบางประเภท หรือผู้ใช้แรงงาน  ที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีจำนวนลูกจ้างมากกว่า 20 คน  หลังจากนั้นจึงจะค่อย ๆ ขยายความคุ้มครองออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น  เพื่อให้ประชาชนได้รับความ        คุ้มครองจากการประกันสังคมมากขึ้นโดยลำดับ  ทั้งนี้โดยหลักการแล้วการประกันสังคมมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในวัยทำงานให้ได้รับความคุ้มครองโดยทั่วถึง  และคุ้มครองไปถึงครอบครัว  ตลอดจนเมื่อไม่สามารถทำงานได้หรือต้องออกจากงานเมื่อพ้นวัยดังกล่าวไปแล้ว

นอกจากนี้ การประกันสังคมมักจะเริ่มด้วยโครงการบังคับโดยกฎหมายและบังคับใช้กับลูกจ้างที่มีรายได้ประจำก่อน  เมื่อโครงการประกันสังคมในรูปแบบบังคับ ได้ดำเนินการไปจนประสบผลดีและสามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตนได้เป็นอย่างดีแล้ว จึงจะสามารถขยายออกไปสู่โครงการประกันสังคมในรูปแบบสมัครใจ  ซึ่งเท่ากับเป็นการให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระเข้ามาร่วมอยู่ในโครงการประกันสังคมด้วย

ประเภทของการประกันสังคม

ในระบบประกันสังคมที่นานาประเทศถือเป็นหลักปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน  จะมีประเภทของการประกันรวม 8 ประเภท คือ

(1)               การประกันอุบัติเหตุและโรคเกิดจากการทำงาน
(2)               การประกันการเจ็บป่วย
(3)               การประกันการคลอดบุตร
(4)               การประกันการทุพพลภาพ
(5)               การประกันการเสียชีวิต
(6)               การประกันชราภาพ
(7)               การประกันการสงเคราะห์ครอบครัว
(8)               การประกันการว่างงาน

 

ที่มา : สำนักงานประกันสังคม


อัพเดทล่าสุด