แรงจูงใจของผู้เข้ารับการอบรม (Trainee Motivation)
แรงจูงใจ (motivation) เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางจิตใจ ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตัว (arousal) ทิศทาง (direction) และ ความยืดหยุ่น (persistence) ในการกระทำต่างๆ (Mitchell, 1982) ความตื่นตัวและความยืดหยุ่น คือการที่บุคคลลงทุนทั้งเวลาและแรงกายแรงใจในการประกอบกิจกรรม ส่วน
ทิศทาง หมายถึง การกระทำหรือสิ่งที่บุคคลนั้นได้เสียสละเวลาและแรงกายแรงใจลงไป ดังนั้น ผู้ที่มีแรงจูงใจจะมีพฤติกรรมหรือการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และเป็นไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย นักจิตวิทยาเชื่อว่า แรงจูงใจจะช่วยเพิ่มพลังของบุคคล กล่าวคือ เมื่อบุคคลมีแรงจูงใจสูง เขาจะยิ่งทำงานหนักและยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม
โน (Noe, 1986) ได้เสนอว่ามีปัจจัยหลายประการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับแรงจูงใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ปัจจัยดังกล่าวสามารถสรุปได้ดังนี้
1. ความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจควบคุม (locus of control) จะมีผลต่อแรงจูงใจและความสามารถในการเรียนรู้ของบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องอำนาจควบคุมสามารถจำแนกได้เป็นสองชนิดด้วยกัน คือ ความเชื่อว่าผลลัพธ์หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากอำนาจควบคุมจากภายนอกตนเอง (external) หรืออำนาจควบคุมจากภายในตนเอง (internal) ผู้ที่เชื่อในอำนาจจากภายนอกจะถือว่าผลลัพธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือล้มเหลว เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ความโชคดี หรือการกระทำของบุคคลอื่น แต่ผู้ที่เชื่อในอำนาจภายในตน จะสรุปว่า ความสำเร็จหรือความล้มเหลว เป็นผลมาจากการกระทำของตน ดังนั้น ผู้ที่เชื่อในอำนาจภายในของตนจึงน่าจะมีแรงจูงใจในการเรียนรู้สูงกว่าผู้ที่เชื่อในอำนาจจากภายนอก เพราะเขามีความเชื่อว่าการจะทำผลงานออกมาดีหรือไม่นั้น มีสาเหตุสำคัญจากกระทำของตนเอง ซึ่งผลการวิจัยก็ได้ยืนยัน สมมุติฐานนี้ (Goldstein, 1993)
2. ความเชื่อในสมรรถภาพแห่งตน (Self-efficacy belief) แรงจูงใจในการเรียนรู้จะเพิ่มมากขึ้น หากผู้รับการอบรมมีความเชื่อว่าตนเองสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ ความเชื่อดังกล่าวนี้เรียกว่า ความเชื่อในสมรรถภาพแห่งตน ซึ่งหมายถึง ความเชื่อในความสามารถของตนเองในการประกอบกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง (Bandura,1986) อย่างไรก็ตาม การวิจัยได้ชี้ว่า ผู้ที่สามารถเชื่อในสมรรถภาพแห่งตนสูงตั้งแต่ก่อนและระหว่างการฝึกอบรม สามารถเรียนรู้ได้ดีกว่าผู้ที่มีความเชื่อในสมรรถภาพแห่งตนต่ำ (Gist, 1989)
3. ความคาดหวังเกี่ยวกับผลลัพธ์ ผู้รับการอบรมต้องเชื่อว่า ผลที่จะได้รับจากการฝึกอบรมมีความเกี่ยวข้องหรือช่วยนำไปสู้การทำงานที่ดีขึ้น
4. คุณค่าของการทำงาน ผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม ต้องให้คุณค่า หรือความสำคัญแก่การทำงานที่ดีขึ้น
กล่าวโดยสรุป นับริหารงานฝึกอบรม จำเป็นต้องให้ความสนใจต่อภาวะของผู้รับการฝึกอบรมก่อนการฝึกอบรม อันได้แก่ ความสามารถ และแรงจูงใจ ของผู้เข้ารับอบรม ความสำพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทั้งสอง สามารถสรุปได้ดังนี้
การเรียนรู้ = ความสามารถ x แรงจูงใจ
ตามสมการดังกล่าว การเรียนรู้ของผู้ที่เข้ารับการอบรมจะไม่เกิดขึ้นเลย หาก พวกเขาไม่มีความสามรถหรือแรงจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่ง และการเรียนรู้จะเพิ่มมากขึ้น หากองค์ประกอบแต่ละอย่างมีค่าสูงขึ้น ดังนั้น แนวทางในการคัดเลือกผู้รับการฝึกอบรม จึงควรจะรับผู้ที่มี ความสามารถ และแรงจูงใจ ในการเรียนรู้และปฏิบัติสิ่งที่จะสอนในการฝึกอบรมเท่านั้น นอกจากนั้น ผลของการวิจัยก็ได้ยืนยันว่า ผู้ที่มีความสามารถและแรงจูงใจ สามารถเรียนรู้ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความสามารถและแรงจูงใจในการเข้ารับการฝึกอบรม (Noe & Schmitt, 1986 & Downs, 1986)
การฝึกอบรมบุคลากรในองค์การ
โดย : รองศาสตราจารย์ ดร.ชูชัย สมิทธิไกร