เทคโนโลยีสารสนเทศกับ การประเมินผลการปฏิบัติงาน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน
การประเมินผลการปฏิบัติงานนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่จะเอียงมาเป็นทางศิลป์มากกว่า กล่าวคือ การประเมินผลการปฏิบัติงานจะอิงอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของผู้ประเมิน ผนวกเข้าเป็นข้อสรุปในการตัดสินว่า ผลการปฏิบัติงานจะได้จากแรงานและแรงสมองของพนักงานนั้นอยู่ในระดับใด เช่น ดีมาก ดี มาตรฐาน หรือต่ำกว่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลของการประเมินผลการปฏิบัติงานจะออกมาดีหรือไม่ หรือไม่ได้มาตรฐาน จะมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 3 ส่วน ดังนี้
- แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน (Appraisal Form) นอกจากจะต้องสร้างแบบประเมินผลที่มีความน่าเชื่อถือแล้ว ยังประกอบด้วยข้อมูลที่จำเป็นดังต่อไปนี้
1) ข้อมูลพนักงานที่จำเป็นในการประเมินผลการปฏิบัติงาน เช่น ชื่อตำแหน่ง ระดับตำแหน่ง สถิติเวลาการทำงาน
เป็นต้น
2) ปัจจัยในการประเมินผลการปฏิบัติงานในกรณีที่เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นพฤติกรรม (Behavior
Oriented) จะต้องประกอบด้วยปัจจัยอะไรบ้าง
3) เป้าหมายในการทำงานที่เน้นผลลัพธ์ หรือโครงการที่คาดว่าจะสำเร็จได้ ในกรณีที่เป็นการประเมินผลการปฏิบัติ
งานที่เน้นผลลัพธ์ (Results Oriented)
4) คำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสายอาชีพและความพอใจในการทำงาน
5) ความเห็นของผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน
6) คำอธิบายความหมายวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน
7) ช่องสำหรับใส่คะแนน
- ผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานหรือผู้บังคับบัญชา
- ผู้ถูกประเมินผลการปฏิบัติงานหรือพนักงาน
หลายบริษัทได้จัดทำแบบประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยมีรูปแบบเป็นรูปเล่มประมาณ 4- 8 หน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ต้องการประเมินผล และนิยมแยกสีเพื่อให้รู้ว่าเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานในแต่ละระดับตำแหน่ง เช่น สำหรับผู้บริหารจะมีสีแตกต่างจากพนักงานปฏิบัติการ
ในแวดวงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโปรแกรมสำเร็จรูปทางการประเมินผลการปฏิบัติงาน และบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าใดนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความถี่ในการใช้งาน เนื่องจากปีหนึ่งใช้เพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ซึ่งต่างกับโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง (Payroll System) ที่ต้องใช้ทุกเดือนหรือทุก 15 วัน
เป็นการเข้าใจผิดที่ว่าโปรแกรมสำเร็จรูปการประเมินผลการปฏิบัติงานใช้งานไม่ค่อยบ่อยครั้ง ความจริงแล้วเป็นกาประเมินผลการปฏิบัติงานต้องใช้ทุกวันทุกเดือน โดยเฉพาะในกรณีที่บริษัทต้องการใช้แบบประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นผลลัพธ์ ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงานติดตามความก้าวหน้าในขั้นตอนของกระบวนการของงานเช่นกัน (Process Appraise) โดยเฉพาะการมอบหมายงานให้พนักงานใหม่ งานที่เป็นลักษณะโครงการหรืองานใหม่
เมื่อถึงจุดฤดูกาลประเมินผลการปฏิบัติงาน ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์และผู้บังคับบัญชาในฐานะผู้ประเมินก็จะทุมเทเวลาให้กับการประเมินผลการปฏิบัติงานเสียคราวหนึ่ง (ซึ่งเป็นอุปนิสัยไม่ค่อยจะถูกต้องนัก) หรือถ้าไม่มีเวลาก็จะประเมินผลการปฏิบัติงานผู้ใต้บังคับบัญชาแบบขอไปที และชอบผลักภาระไปให้ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
ในเมื่อไม่มีแบบประเมินผลการปฏิบัติงานที่ถูกประมวลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ลักษณะจึงเป็นการจัดการด้วยมือ และใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูปเอ็กส์เซล (Microsoft Excel) คำนวณ สรุป และการประมวลผลเพื่อจัดกลุ่มงาน ซึ่งจะมีการคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับเงินเดือนเมื่อได้คำนวณแล้ว จึงนำไปป้อนเข้าระบบการจ่ายเงินเดือนที่จัดการโดยโปรแกรมสำเร็จรูป (Payroll System) อีกทอดหนึ่ง
จึงมีคำถามตามมาว่า ทำไมไม่มีใครพัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปการประเมินผลการปฏิบัติงาน ผู้เขียนใคร่เสนอความคิดเห็น และแนะนำบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมงาการจ่ายเงินเดือนว่า น่าจะพัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปนี้ โดยผนวกหรือแยกจัดการอิสระจากโปรแกรมสำเร็จรูปการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับโปรแกรมสำเร็จรูปการจ่าย ค่าจ้าง เงินเดือน ผลประโยชน์ที่ได้อาจทำให้โปรแกรมสำเร็จรูปการจ่ายเงินเดือนจำหน่ายได้ง่ายขึ้น
ลองนึกภาพเมื่อผู้ประเมินให้คะแนนผลการปฏิบัติงาน และอนุมัติส่งให้ฝ่ายบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ผ่านเครือข่ายภายในแบบออนไลน์ (Interactive Online) ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ สำหรับรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ผลการประเมินการปฏิบัติงานของทุกฝ่ายโดยทันทีแบบอัตโนมัติ ส่วนเอกสารประเมินผลการปฏิบัติงาน ผู้ประเมินสามารถพิมพ์จากคอมพิวเตอร์และลงลายมือชื่อ แล้วส่งให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงต่อไป
การจะประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานนั้น จะเกิดประโยชน์เต็มที่เมื่อได้นำระบบอินทราเน็ต (Intranet) มาใช้ในการบริหารงานในอย่างเต็มรูปแบบโดยต้องพิจารณาองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. ประเภทของกาประเมินผลการปฏิบัติงานต้องมีความชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายว่าได้ใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานประเภทใด และได้ใช้จนกลายเป็นมาตรฐานของบริษัท
2. พนักงานต้องมีจำนวนมากพอ
3. วิธีการปรับเงินเดือน(Salary Increase) ใช้วิธีการใด เช่น เป็นวิธีการกำหนดโควต้า (Forced Ranking) หรือวิธีกระจายอำนาจจากการบริหารให้แต่ละฝ่ายงานรับผิดชอบ ที่เรารู้จักกันดีว่า แบ่งเค็ก ให้แต่ละฝ่ายงานจัดการกันเอง ฯลฯ แต่ละวิธีย่อมมีผลต่อการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อปรับเงินเดือนประจำปี โดยทั่วไปมีขั้นตอนที่สำคัญดังต่อไปนี้
- ประมาณงานประมาณการปรับเงินเดือนประจำปี
- ขออนุมัติวงเงินงบประมาณปรับเงินเดือนประจำปี
- ผู้บังคับบัญชาประเมินผลการปฏิบัติงาน ขั้นตอนนี้ส่งแบบฟอร์ม (โดยมือหรือใช้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์)
- รวบรวม ประมวลผล วิเคราะห์ และสรุปผล
- ปรับเงินเดือนตามผลงานภายใต้งบประมาณที่ได้รับอนุมัติ
- ทำหนังสือแจ้งการปรับเงินเดือน
- ป้อนข้อมูลปรับเงินเดือน (เงินเดือนส่วนเพิ่ม) เข้าสู่โปรแกรมสำเร็จรูปในการจ่ายเงินค่าจ้าง เงินเดือน ในกรณีที่ไม่มี
โปรแกรมสำเร็จรูปทางการประเมินผลการปฏิบัติงานเชื่อมต่อกับโปรแกรมสำเร็จรูปการจ่ายค่าจ้างเงินเดือน จึงต้อง
ทำการป้อนข้อมูลเงินเดือนที่เพิ่มเข้าสู่โปรแกรมสำเร็จรูป การจ่ายเงินเดือนอีกขั้นตอนหนึ่ง
- จ่ายเงินเดือนอัตราใหม่
ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังจัดการด้วยมือ (Management By Manual) เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะยังไม่มีการพัฒนาโปรแกรมสำเร็จรูปที่ระบบมีความสามารถเชื่อต่อระหว่างโปรแกรมสำเร็จรูปประเมินผลการปฏิบัติงานกับโปรแกรมสำเร็จรูปการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน ใช้กันอย่างจริงจังและแพร่หลาย
ที่มา : การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ
โดย : ประเวศน์ มหารัตน์กุล