ควรระบุชื่อทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และชื่อควรมีความสัมพันธ์กับระดับตำแหน่งที่กำหนด และชื่อเป็นที่เข้าใจง่าย บ่งบอกถึงลักษณะงานที่รับผิดชอบ
ให้เขียนขอบเขตความรับผิดชอบโดยรวมของตำแหน่งงานนี้ พร้อมกับอธิบายว่าวัตถุประสงค์ของงานที่รับผิดชอบนั้นทำเพื่ออะไร ทั้งนี้เพื่อให้เห็นว่าองค์กรมีตำแหน่งงานนี้ขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
"รับผิดชอบการตรวจสอบและซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าภายในโรงงาน เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของโรงงานสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง"
"รับผิดชอบการสรรหา การคัดเลือก และการว่าจ้างพนักงานใหม่ให้กับหน่วยงานต่างๆเพื่อให้ได้คนตรงตามที่ต้องการภายในเวลาที่กำหนด"
"รับผิดชอบการวางแผนในการสรรหาและคัดเลือกผู้ขายใหม่ การเจรจาต่อรอง การดำเนินการจัดซื้อ และการวางแผนการส่งมอบสินค้า เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ในหน่วยงานต่างๆ"
หน้าที่หลักหมายถึง กลุ่มงานหลักของตำแหน่งงานนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นกี่กลุ่ม เช่น
3. การฝึกอบรมและพัฒนาฯ
4. การบริหารสวัสดิการและแรงงานสัมพันธ์
ในกรณีที่เป็นตำแหน่งงานใหม่ หรือตำแหน่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เราไม่ทราบว่ากลุ่มงานหลักของตำแหน่งงานนั้นๆ ว่ามีกี่กลุ่ม สามารถวิเคราะห์หน้าที่หลักได้ดังนี้
หมายถึง การกำหนดว่าในแต่ละหน้าที่งานหลักนั้น จะต้องทำกิจกรรมหลักอะไรบ้าง ทั้งนี้ เพื่อให้ทราบว่าขอบเขตหน้าที่งานหลักว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่น
ความยากของงาน (Major Challenges)
ให้วิเคราะห์งานในตำแหน่งนี้มีความยากกว่างานอื่นๆในองค์การอย่างไร เช่น
ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ยากตรงที่
1. ต้องสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับองค์การ และต้องรักษาสัมพันธ์ภาพที่ดีกับผู้ขาย
2. ต้องทำงานตอบสนองความต้องการของทุกหน่วยงานภายในเงื่อนไขเวลา
3. ต้องระมัดระวังในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้ขาย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจัดซื้อที่ไม่โปร่งใส
ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ ยากตรงที่
1. ต้องทำงานภายใต้ความกดดันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งมีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์
2. ต้องสามารถร่วมงานกับทุกคนในองค์การได้
3. ต้องรับผิดชอบดูแลพนักงานทุกคนในองค์การทั้งในและนอกเวลางาน
4. เป็นคนกลางในการถ่ายทอดเจตนารมณ์ฝ่ายหนึ่งไปยังฝ่ายหนึ่ง
การกำหนดความยากของงานนี้ จะถูกนำไปใช้ในการวิเคราะห์หาความสามารถ (Competency) ของตำแหน่งงาน ต่อไป
ขอบเขตงานของผู้ใต้บังคับบัญชา (Subordinate’s Responsibilities)
ให้เขียนสรุปงานในภาพรวมของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละตำแหน่งงานว่า แต่ละตำแหน่งรับผิดชอบงานด้านไหน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งใหม่สามารถมองเห็นภาพรวมของหน่วยงานได้
ผังการบริหารงาน (Organization Chart)
ถ้าองค์การใดมีผังการบริหารงานที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในใบกำหนดหน้าที่งานก็ได้ หรืออาจจะใส่ไว้ แต่อาจอ้างอิงเอกสารผังการบริหารที่มีอยู่ในระบบก็ได้ แต่ถ้าไม่มีผังการบริหารงานที่ละเอียดรองรับ ขอแนะนำว่าควรจะใส่ไว้ในใบกำหนดหน้าที่งาน ซึ่งถ้าระบุไว้ในใบกำหนดหน้าที่งาน อาจจะมีข้อเสียบ้างสำหรับองค์การที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานบ่อยๆ เพราะต้องแก้ไขใบกำหนดหน้าที่งานของทุกตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง
ถ้าจะใส่ผังการบริหารงานไว้ในใบกำหนดหน้าที่ ผังการบริหารงานควรจะตอบคำถามดังนี้ได้
- ตำแหน่งงานนี้ขึ้นตรงต่อตำแหน่งใดบ้าง
- มีตำแหน่งอะไรบ้างที่ต้องทำงานร่วมกับตำแหน่งงานนี้
- ตำแหน่งงานนี้ต้องควบคุมดูแลตำแหน่งใดบ้าง
ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าผังการบริหารงานควรจะใส่เฉพาะตำแหน่งในบางระดับ โดยเฉพาะระดับที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น (Working Relationship)
- องค์กร/หน่วยงาน (ภายใน/ภายนอก)
ให้กรอกชื่อองค์กร / หน่วยงาน ซึ่งอาจจะเป็นหน่วยงานภายในหรือภายนอกก็ได้ โดยเลือกหน่วยงานที่ต้องติดต่อบ่อยๆ หรือหน่วยงานหลักที่ตำแหน่งงานนั้นต้องติดต่อ
- งานที่ต้องติดต่อ
ให้ระบุว่าต้องติดต่องานเรื่องอะไรกับแต่ละหน่วยงาน เช่น ส่งเอกสาร เก็บเงิน ฯลฯ
- ความถี่
ให้ระบุความถี่ในการติดต่องานแต่ละงานว่าบ่อยแค่ไหน เช่น ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ฯลฯ
คุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง
การกำหนดวุฒิการศึกษา (Education)
ให้กำหนดวุฒิการศึกษาขั้นต่ำที่ต้องการ ไม่ใช่กำหนดจากวุฒิการศึกษาของผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ควรระบุให้ชัดเจนว่าวุฒิการศึกษาอะไร สาขาอะไร เช่น ปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี
การกำหนดวุฒิการศึกษา ไม่ควรกำหนดว่า “สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” เพราะจะทำให้เกิดความสับสนในการนำเอาคุณสมบัติข้อนี้ไปสรรหาคน เพราะต้องไปตีความกันอีกว่า “สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” คืออะไร
กำหนดประสบการณ์ (Working Experience)
ควรกำหนดประสบการณ์โดยพิจารณาจากลักษณะงานในตำแหน่งงานนั้นๆ ไม่ควรกำหนดจากประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นๆ หากต้องการคนที่มีประสบการณ์ควรระบุให้ชัดเจน หากไม่จำเป็นไม่ต้องระบุ
ความสามารถประจำตำแหน่ง (Job Competencies)
ความสามารถประจำตำแหน่งพิจารณาจาก
1. กำหนดความสามารถที่น่าจะมี (Competencies)
โดยการตั้งคำถามว่า ถ้าจะให้ได้ผลงานตามที่คาดหวังแล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งงานนี้จะต้องมีความสามารถอะไรบ้าง
2. คัดเลือกความสามารถหลัก (Key Competencies)
เมื่อวิเคราะห์ได้แล้วว่าความคาดหวังแต่ละกลุ่มนั้น มีความสามารถอะไรบ้าง ให้หาตัวชี้วัดความสามารถหลักของตำแหน่งงาน โดยดูจากภาพรวมของความสามารถ ดังนี้
1.1 พิจารณาจากความสามารถที่ซ้ำกันมากที่สุด หมายถึง ความสามารถที่เป็นความต้องการของทุกกลุ่มผลความคาดหวัง
1.2 พิจารณาจากความท้าทายหรือความยากของงานที่ระบุไว้ในช่วงแรก เพื่อดูว่าความท้าทายทุกตัวมีความสามารถรองรับครบหรือยัง

จากการวิเคราะห์ความสามารถตัวที่ซ้ำกันจะพบว่ามีอยู่ 4 ตัวหลัก คือ
· การวางแผน
· การเจรจาต่อรอง
· การติดตามงาน
· การประสานงาน
นำเอาความสามารถที่วิเคราะห์ได้ ไปตรวจสอบกับความท้าทาย หรือความยากของงานอีกครั้งหนึ่งว่า ความท้าทายหรือความยากทุกตัวมีความสามารถรองรับเพียงพอแล้วหรือยัง
จากตารางจะเห็นว่า ความสามารถที่วิเคราะห์ได้จากผลที่คาดหวังของตำแหน่งงานยังไม่สามารถครอบคลุม หรือรองรับความท้าทาย / ความยากของงานทั้งหมดได้ จึงต้องมีการเพิ่มความสามารถเพิ่มเติมอีก 2 ข้อ คือ
- มนุษยสัมพันธ์ ไม่ได้เป็นตัวซ้ำในการวิเคราะห์จกผลที่คาดหวัง แต่มีความสำคัญต่อการรักษาสัมพันธภาพ
ที่ดีกับผู้ขาย
- ความละเอียดรอบคอบ เป็นความสามารถที่เข้ารองรับเรื่องความยากในการระมัดระวังในการติดต่อกับผู้ขาย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจัดซื้อที่ไม่โปร่งใส
ดังนั้น ความสามารถประจำตำแหน่ง ของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ มีทั้งหมด 6 ตัว คือ
- การวางแผน
- การเจรจาต่อรอง
- การติดตามงาน
- การประสานงาน
- มนุษยสัมพันธ์
- ความละเอียดรอบคอบ
กำหนดคุณสมบัติอื่นๆ (Other)
ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในทุกตำแหน่ง ควรระบุเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ควรระบุเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ นอกเหนือจากความสามารถประจำตำแหน่งนั้นๆ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานเท่านั้น เช่น - มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
- ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
ข้อควรระวัง
1. การกำหนดวุฒิการศึกษาควรกำหนดให้เป็นมาตรฐาน ไม่ต้องกำหนดไว้ว่า “สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” เพราะจะทำให้สับสนในการนำเอาคุณสมบัติข้อนี้ไปสรรหาคน เราะต้องตีความกันไปอีกว่า “สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” คืออะไร ถ้าตีความถูกก็ดีไป แต่ถ้าตีความผิด อาจทำให้ท่านต้องเสียเวลาในการสรรหาคนก็ได้
2. การกำหนดคุณสมบัติที่เราต้องการไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะบางคนกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งสูงเสียจน ผู้ที่ทำหน้าที่สรรหานึกไม่ออกเลยว่าในโลกนี้จะมีคนแบบนี้หรือไม่ เช่น
วุฒิการศึกษาปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาบัญชีต้นทุน และปริญญาโท ด้านการจัดการระบบสารสนเทศ ประสบการด้านจัดซื้อเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเหล็ก ไม่ต่ำกว่า 10 ปี
3. การกำหนดประสบการณ์ อย่ากำหนดจากประสบการณ์ของผู้ดำรงตำแหน่งงานในปัจจุบันเป็นเกณฑ์ เช่น วุฒิการศึกษา ปวช. ประสบการณ์ทำงานจัดซื้อไม่ต่ำกว่า 15 ปี อย่างนี้คงจะหาใครไม่ได้เลยนอกจากคนปัจจุบัน
ดังนั้น จึงควรกำหนดประสบการณ์โดยพิจารณาจากลักษณะงานในตำแหน่งงานนั้นๆว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องหาคนที่มีประสบการณ์เข้ามาทำงานถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องระบุ แต่ถ้าต้องการคนที่มีประสบการณ์ ควรระบุให้ชัดเจนว่าเป็นประสบการณ์ในการทำงานเพียงอย่างเดียวหรือ ต้องการระบุว่าประสบการณ์ทำงานในด้านไหน อุตสาหกรรมใด เช่น
- ประสบการณ์ด้านงานจัดซื้อไม่ต่ำกว่า 8 ปี และ
- เคยดำรงตำแหน่งระดับผู้จัดการด้านจัดซื้อมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และ
- เคยผ่านงานด้านการจัดซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี
อ้างอิงจาก : หนังสือเทคนิคการจัดทำ Job Description บนพื้นฐานของ Competency และ KPI
โดยคุณ ณรงค์วิทย์ แสนทอง