กฎหมายแรงงาน หญิงไทยกับกฎหมายแรงงานใหม่ พุธ ที่ 17 เดือน กันยายน พ.ศ.2551 |
หญิงไทยสมัยก่อนอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ทำงานบ้านเลี้ยงลูกปรนนิบัติสามี แต่ในปัจจุบัน ขืนอยู่บ้านรอสามีหาเงินคนเดียวมีหวังกินแกลบ จึงต้องออกทำงานหาเงินเอ๊ย หารายได้ช่วยสามีอีกทางหนึ่ง ซึ่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้วางกำหนดกฎเกณฑ์คุ้มครองแรงงานหญิงไว้หลายประการ ประการแรก ห้ามลูกจ้างหญิงทำงานอันตราย เช่น งานเหมืองแร่ หรืองานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขา งานที่ต้องทำบนนั่งร้านสูงกว่าพื้นดินตั้งแต่สิบเมตรขึ้นไป งานผลิตหรือขนส่งวัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ เว้นแต่ลูกจ้างหญิงที่ทำงานด้านวิชาชีพ หรือวิชาการที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงจะอนุญาตให้ทำงานด้านการผลิตวัตถุไวไฟได้ (มาตรา 38) ประการที่สอง ห้ามลูกจ้างหญิงทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 ประเภทคือ
(1) งานเกี่ยวกับเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่มีความสั่นสะเทือน (2) งานขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ (3) งานยก แบก หาบ หาม ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกินสิบห้ากิโลกรัม (4) งานที่ทำในเรือ (5) งานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง ประการที่สาม นายจ้างต้องเปลี่ยนเวลาหรือลดเวลาทำงานเมื่อลูกจ้างหญิงทำงานในช่วงเวลา 24.00 – 06.00 น. แล้วพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่าอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างหญิง เช่น ทำงานเลิกตอนตีสอง แล้วไม่มีหอพัก ไม่มีรถรับส่ง ลูกจ้างหญิงต้องเดินทางกลับคนเดียวเข้าอยู่เปลี่ยว จะเจอเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไม่อาจเดาได้ พนักงานตรวจแรงงานอาจสั่งให้ลดเวลาทำงานเหลือ 22.00 น. เป็นต้น (มาตรา 40) ประการที่สี่ ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์ละไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้างไม่เกิน 45 วัน (มาตรา 41,57) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานต้องการคุ้มครองลูกจ้างหญิงแต่คุ้มครองมากไป กลับกลายเป็นข้อจำกัดตัดสิทธิของหญิง เพราะมีข้อจำกัดทั้งลักษณะงานที่ห้ามทำ วันและเวลาที่ห้ามทำ อีกทั้งยังห้ามเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์อีก ทำให้ลูกจ้างหญิงหางานทำยาก และยังหาสามียากอีกด้วย เพราะพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานห้ามมิให้มีการล่วงละเมิดทางเพศต่อลูกจ้างหญิง (มาตรา 16) ทำให้ชายเข็ดขยาดไม่กล้ามาจีบ กลัวจะถูกกล่าวว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ |