หมวด 5 คณะกรรมการลูกจ้าง
มาตรา 45 ในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป ลูกจ้างอาจจัดตั้งคณะกรรมการลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้นได้ ในกรณีที่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้น เกินหนึ่งในห้าของจำนวน ลูกจ้างทั้งหมดเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน ให้คณะกรรมการลูกจ้าง ประกอบด้วยลูกจ้าง ในสถานประกอบกิจการนั้นที่สหภาพแรงงานแต่งตั้งมี จำนวนมากกว่ากรรมการอื่นที่มิได้เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานหนึ่งคน ถ้า ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้น เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดเป็น สมาชิกของสหภาพแรงงาน สหภาพแรงงานอาจแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างทั้ง คณะก็ได้
ให้นำ มาตรา 15 วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การแต่งตั้ง กรรมการลูกจ้างตามวรรคสองโดยอนุโลม
มาตรา 46 คณะกรรมการลูกจ้างมีจำนวนดังต่อไปนี้
(1) ห้าคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยคน
(2) เจ็ดคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างเกินหนึ่งร้อยคน แต่ ไม่เกินสองร้อยคน
(3) เก้าคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างเกินสองร้อยคน แต่ ไม่เกินสี่ร้อยคน
(4) สิบเอ็ดคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างเกินสี่ร้อยคน แต่ ไม่เกินแปดร้อยคน
(5) สิบสามคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างเกินแปดร้อยคน แต่ไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยคน
(6) สิบห้าคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างเกินหนึ่งพันห้าร้อย คน แต่ไม่เกินสองพันห้าร้อยคน
(7) สิบเจ็ดคนถึงยี่สิบเอ็ดคน สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง เกินสองพันห้าร้อยคน
หลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกตั้งกรรมการลูกจ้าง ให้เป็นไปตามที่ อธิบดีกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา 47 กรรมการลูกจ้างอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี แต่อาจได้ รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งใหม่ได้
มาตรา 48 นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการลูกจ้างพ้นจาก ตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(4) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
(5) ลูกจ้างเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ในสถานประกอบ กิจการนั้นมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง
(6) ศาลแรงงานมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
(7) มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะ เมื่อกรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ให้มีการเลือกตั้งหรือ แต่งตั้งกรรมการลูกจ้างแทนตำแหน่งที่ว่าง แล้วแต่กรณี
กรรมการลูกจ้างซึ่งได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งตามวรรคสองอยู่ในตำแหน่ง ตามวาระของกรรมการซึ่งตนแทน
มาตรา 49 ให้มีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งกรรมการลูกจ้างใหม่ทั้งคณะ เมื่อ
(1) จำนวนลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดที่มีอยู่เดิม
(2) กรรมการลูกจ้างพ้นจากตำแหน่งเกินกึ่งหนึ่ง
(3) ลูกจ้างเกินกึ่งหนึ่งของลูกจ้างในสถานประกอบกิจการนั้น มีมติให้ กรรมการลูกจ้างทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง
(4) ศาลแรงงานมีคำสั่งให้กรรมการลูกจ้างทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 50 นายจ้างต้องให้มีการประชุมหารือกับคณะกรรมการลูกจ้าง อย่างน้อยสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง หรือเมื่อกรรมการลูกจ้างเกินกึ่งหนึ่งของคณะ กรรมการลูกจ้างทั้งหมด หรือสหภาพแรงงานร้องโดยมีเหตุผลสมควร เพื่อ
(1) จัดสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
(2) ปรึกษาหารือเพื่อกำหนดข้อบังคับในการทำงานอันจะเป็นประโยชน์ ต่อนายจ้างและลูกจ้าง
(3) พิจารณาคำร้องทุกข์ของลูกจ้าง
(4) หาทางปรองดองและระงับข้อขัดแย้งในสถานประกอบกิจการ ในกรณีที่คณะกรรมการลูกจ้างเห็นว่า การกระทำของนายจ้างจะทำให้ ลูกจ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร คณะ กรรมการลูกจ้างลูกจ้าง หรือสหภาพแรงงานมีสิทธิร้องขอให้ศาลแรงงาน พิจารณาวินิจฉัย
มาตรา 51 ในกรณีที่กรรมการลูกจ้างผู้ใดหรือคณะกรรมการลูกจ้างไม่ ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยสุจริต หรือกระทำการอันไม่สมควรอันเป็นภัยต่อความ สงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเปิดเผยความลับของนายจ้างเกี่ยวกับ ประกอบกิจการโดยไม่มีเหตุผลสมควร นายจ้างมีสิทธิร้องขอให้ศาลแรงงาน มีคำสั่งให้กรรมการลูกจ้างผู้นั้นหรือกรรมการลูกจ้างทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งได้
มาตรา 52 ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้าง ลดค่าจ้าง ลงโทษ ขัดขวาง การปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการลูกจ้าง หรือกระทำการใด ๆ อันอาจเป็นผลให้ กรรมการลูกจ้างไม่สามารถทำงานอยู่ต่อไปได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก ศาลแรงงาน
มาตรา 53 ห้ามมิให้นายจ้างให้หรือตกลงจะให้เงินหรือทรัพย์สินแก่ กรรมการลูกจ้าง เว้นแต่ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด โบนัส เงินปันผลหรือประโยชน์อื่น ที่กรรมการลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามปกติในฐานะ ลูกจ้าง