มาตรา 58 ข้อบังคับของสมาคมนายจ้างอย่างน้อยต้องมีข้อความดัง ต่อไปนี้ (1) ชื่อ ซึ่งต้องมีคำว่า "สมาคมนายจ้าง" กำกับไว้กับชื่อนั้นด้วย (2) วัตถุที่ประสงค์ (3) ที่ตั้งสำนักงาน (4) วิธีรับสมาชิกและการขาดจากสมาชิกภาพ (5) อัตราเงินค่าสมัครและค่าบำรุงและวิธีการชำระเงินนั้น (6) ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก (7) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการ การใช้จ่าย การเก็บรักษาเงินและ ทรัพย์สินอื่น ตลอดจนการทำบัญชีและการตรวจบัญชี (8) ข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการพิจารณาในการปิดงาน และวิธีการอนุมัติ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง (9) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ (10) ข้อกำหนดเกี่ยวกับจำนวนกรรมการ การเลือกตั้งกรรมการ วาระของการเป็นกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการ ประชุมของคณะกรรมการ มาตรา 59 เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอพร้อมทั้งร่างข้อบังคับแล้วเห็น ว่าผู้ยื่นคำขอมีคุณสมบัติถูกต้องตาม มาตรา 56 ข้อบังคับถูกต้องตาม มาตรา 58 และวัตถุที่ประสงค์ถูกต้องตาม มาตรา 54 วรรคสอง และไม่ขัดต่อความสงบ เรียบร้อยของประชาชน ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดง การจดทะเบียนแก่สมาคมนายจ้างนั้น ถ้านายทะเบียนเห็นว่าคำขอหรือร่างข้อบังคับไม่ถูกต้องตามวรรคหนึ่งให้ มีคำสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้อง เมื่อแก้ไขเพิ่มเติมถูกต้องแล้ว ให้รับจด ทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนแก่สมาคมนายจ้างนั้น ถ้านายทะเบียนเห็นว่า ไม่อาจรับจดทะเบียนได้เนื่องจากวัตถุที่ประสงค์ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจด ทะเบียนและแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียน พร้อมด้วยเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียน ไปยังผู้ขอจดทะเบียนโดยมิชักช้า ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนนั้นต่อรัฐมนตรีได้โดย ทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์และแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบ ภายในสามสิบวันนับ แต่วันที่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ผู้อุทธรณ์มีสิทธิดำเนิน การต่อไป เพื่อให้ศาลแรงงานพิจารณาวินิจฉัยได้ มาตรา 60 ให้นายทะเบียนประกาศการจดทะเบียนสมาคมนายจ้างใน ราชกิจจานุเบกษา มาตรา 61 ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมนายจ้างจัดให้มีการประชุมใหญ่ สามัญครั้งแรก ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่จดทะเบียน เพื่อเลือกตั้งคณะ กรรมการและมอบหมายการทั้งปวงให้แก่คณะกรรมการและอนุมัติร่างข้อบังคับ ที่ได้ยื่นแก่นายทะเบียนตาม มาตรา 59 เมื่อมีประชุมใหญ่ได้เลือกตั้งคณะกรรมการและอนุมัติร่างข้อบังคับแล้วให้ นำสำเนาข้อบังคับและรายชื่อ ที่อยู่ อาชีพหรือวิชาชีพของกรรมการไปจด ทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ มาตรา 62 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมนายจ้างจะกระทำได้ โดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องนำไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ ที่ประชุมใหญ่ลงมติ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับตามวรรคหนึ่ง จะมีผลใช้บังคับต่อเมื่อนาย ทะเบียนได้รับจดทะเบียนแล้ว ให้นำ มาตรา 59 มาใช้บังคับแก่การขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับโดยอนุโลม มาตรา 63 ผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกของสมาคมนายจ้างได้จะต้องเป็น นายจ้างที่ประกอบกิจการประเภทเดียวกัน ในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคล ให้ ถือว่านิติบุคคลนั้นเป็นสมาชิกของสมาคมนายจ้าง มาตรา 64 สมาชิกของสมาคมนายจ้างมีสิทธิขอตรวจสอบทะเบียนสมาชิก เอกสารหรือบัญชี เพื่อทราบการดำเนินกิจการของสมาคมนายจ้างได้ในเวลา เปิดทำการตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ ในการขอตรวจสอบตามวรรคหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของสมาคมนายจ้างต้องให้ ความสะดวกตามสมควร มาตรา 65 สมาชิกภาพของสมาชิกสมาคมนายจ้างสิ้นสุดเมื่อ ตายลาออกที่ประชุมใหญ่ให้ออกหรือ ตามที่กำหนดในข้อบังคับของ สมาคมนายจ้าง มาตรา 66 เพื่อประโยชน์ของสมาชิกของสมาคมนายจ้าง ให้สมาคม นายจ้างมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) เรียกร้อง เจรจาทำความตกลงและรับทราบคำชี้ขาดหรือทำข้อ ตกลงกับสหภาพแรงงานหรือลูกจ้างในกิจการของสมาชิกได้ (2) จัดการและดำเนินการเพื่อให้สมาชิกได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ ภายใต้ บังคับของวัตถุที่ประสงค์ของสมาคมนายจ้าง (3) จัดให้มีบริการสนเทศ เพื่อให้สมาชิกมาติดต่อเกี่ยวกับการดำเนิน ธุรกิจ (4) จัดให้มีบริการการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหา หรือขจัดข้อขัดแย้ง เกี่ยวกับการบริหารงานและการทำงาน (5) จัดให้มีการให้บริหารเกี่ยวกับการจัดสรรเงิน หรือทรัพย์สินเพื่อ สวัสดิการของสมาชิกหรือเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งนี้ ตามที่ที่ประชุมใหญ่เห็น สมควร (6) เรียกเก็บเงินค่าสมัครเป็นสมาชิก และเงินค่าบำรุงตามอัตราที่ กำหนดในข้อบังคับของสมาคมนายจ้าง มาตรา 67 เมื่อสมาคมนายจ้างปฏิบัติการดังต่อไปนี้ เพื่อประโยชน์ของ สมาชิกอันมิใช่เป็นกิจการเกี่ยวกับการเมือง ให้นายจ้าง สมาคมนายจ้าง กรรมการอนุกรรมการ และเจ้าหน้าที่ของสมาคมนายจ้างได้รับการยกเว้น ไม่ต้องถูกกล่าวหาหรือฟ้องร้องทางอาญา หรือทางแพ่ง (1) เข้าร่วมเจรจาทำความตกลงกับลูกจ้าง สหภาพแรงงาน นายจ้าง สมาคมนายจ้างอื่น สหพันธ์แรงงาน หรือสหพันธ์นายจ้าง เพื่อเรียกร้องสิทธิ หรือประโยชน์ที่สมาชิกสมควรได้รับ (2) สั่งให้ปิดงาน หรือช่วยเหลือ ชักชวนหรือสนับสนุนให้สมาชิกปิดงาน (3) ชี้แจงหรือโฆษณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงาน หรือ (4) จัดให้มีการชุมนุมสมาชิกของสมาคมนายจ้าง ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นความผิดทางอาญาในลักษณะความผิดเกี่ยวกับการก่อให้ เกิดภยันตรายต่อประชาชน เกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย เกี่ยวกับเสรีภาพและ ชื่อเสียงเกี่ยวกับทรัพย์และความผิดในแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ทางอาญาในลักษณะดังกล่าว มาตรา 68 ให้สมาคมนายจ้างมีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการและเป็น ผู้แทนของสมาคมนายจ้างในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้ คณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้ คณะกรรมการอาจแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่มอบหมายได้ มาตรา 69 ผู้ซึ่งจะได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งเป็นกรรมการหรืออนุ- กรรมการตาม มาตรา 68 ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ (1) เป็นสมาชิกของสมาคมนายจ้าง หรือผู้แทนของนิติบุคคลซึ่งเป็น สมาชิกของสมาคมนายจ้าง (2) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มาตรา 70 สมาคมนายจ้างจะกระทำการดังต่อไปนี้ได้ก็แต่โดยมติของที่ ประชุมใหญ่ (1) แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ (2) ดำเนินกิจการอันอาจกระทบกระเทือนถึงส่วนได้เสียของสมาชิก เป็นส่วนรวม (3) เลือกตั้งกรรมการ เลือกตั้งผู้สอบบัญชี รับรองงบดุล รายงาน ประจำปีและงบประมาณ (4) จัดสรรเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการของสมาชิกหรือเพื่อ สาธารณประโยชน์ (5) เลิกสมาคมนายจ้าง (6) ควบสมาชิกนายจ้างเข้ากัน (7) ก่อตั้งสหพันธ์นายจ้างหรือเป็นสมาชิกของสหพันธ์นายจ้าง มาตรา 71 สมาคมนายจ้างต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่อธิบดี กำหนด และเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานพร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ในเวลาทำการ ให้สมาคมนายจ้างประกาศวันและเวลาเปิดทำการไว้ที่สำนักงาน มาตรา 72 ให้นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายมีอำนาจ (1) เข้าไปในสำนักงานของสมาคมนายจ้างในเวลาทำการ เพื่อตรวจ สอบกิจการของสมาคมนายจ้าง (2) สั่งให้กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างของสมาคมนายจ้าง ส่งหรือ แสดงเอกสารหรือบัญชีของสมาคมนายจ้าง เพื่อประกอบการพิจารณากรณี ที่มีปัญหาเกิดขึ้น (3) สอบถามบุคคลใน (2) หรือเรียกบุคคลดังกล่าวมา เพื่อสอบถาม หรือ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคมนายจ้าง มาตรา 73 นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้กรรมการผู้ใดผู้หนึ่งหรือคณะ กรรมการของสมาคมนายจ้างออกจากตำแหน่งได้ เมื่อปรากฏว่า (1) กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงาน ตามหน้าที่ของพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน ผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานหรือ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (2) ดำเนินกิจการไม่ถูกต้องตามวัตถุ ที่ประสงค์ของสมาคมนายจ้างอัน เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรืออาจเป็นภัย ต่อเศรษฐกิจหรือความมั่นคงของประเทศ หรือ (3) ให้หรือยินยอมให้ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งมิใช่กรรมการเป็นผู้ดำเนินการของ สมาคม นายจ้าง คำสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้ทำเป็นหนังสือและแจ้งให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องและ สมาคมนายจ้างทราบโดยมิชักช้า มาตรา 74 ผู้ซึ่งได้รับคำสั่งตาม มาตรา 73 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อ รัฐมนตรี โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับ คำสั่ง ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์และแจ้งให้อุทธรณ์ทราบภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ผู้อุทธรณ์มีสิทธิดำเนิน การต่อไป เพื่อให้ศาลแรงงานพิจารณาวินิจฉัยได้ มาตรา 75 สมาคมนายจ้างต้องจัดให้มีการตรวจสอบบัญชีทุกปี และต้อง เสนองบดุลพร้อมด้วยรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีต่อที่ประชุมใหญ่ เมื่อที่ประชุมใหญ่รับรองงบดุลและรายงานการสอบบัญชีแล้วให้ส่งสำเนา หนึ่งชุดให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่รับรอง มาตรา 76 สมาคมนายจ้างตั้งแต่สองสมาคมขึ้นไปที่มีสมาชิกซึ่งประกอบ กิจการประเภทเดียวกัน อาจควบเข้ากันเป็นสมาคมนายจ้างเดียวกันได้ การควบสมาคมนายจ้างเข้ากันตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับมติจากที่ประชุม ใหญ่ของแต่ละสมาคม ด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาคมทั้งหมด และต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน ในการขอความเห็นชอบจากนายทะเบียน ให้ส่งสำเนารายงานการ ประชุมใหญ่ของสมาคมนายจ้างซึ่งลงมติให้ควบเข้ากันไปด้วย มาตรา 77 เมื่อนายทะเบียนให้ความเห็นชอบตาม มาตรา 76 แล้วให้ สมาคมนายจ้างแจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าหนี้ทั้งปวงของสมาคมนายจ้าง เพื่อ ให้ทราบถึง การที่ประสงค์จะควบสมาคมนายจ้างเข้ากันและขอให้เจ้าหนี้ผู้มี ข้อคัดค้านอย่างใดอย่างหนึ่งในการควบสมาคมนายจ้างเข้ากันนั้นส่งคำคัดค้าน ไปยังสมาคมนายจ้างภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แจ้ง ถ้าไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น ก็ให้ถือว่าไม่มีคำ คัดค้านและสมาคมนายจ้างอาจควบเข้ากันได้ ถ้ามีเจ้าหนี้คัดค้าน สมาคมนายจ้างจะควบเข้ากันมิได้จนกว่าจะได้ชำระ เงินหรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว มาตรา 78 ให้คณะกรรมการของแต่ละสมาคมนายจ้างที่ควบเข้ากัน ตั้งผู้แทนของตนขึ้นสมาคมละไม่เกินสามคนเพื่อดำเนินการจดทะเบียนตาม มาตรา 79 มาตรา 79 สมาคมที่ตั้งขึ้นใหม่โดยควบเข้ากันนั้น ต้องจดทะเบียนเป็น สมาคมนายจ้างใหม่ ตามประเภทการประกอบกิจการของสมาคมนายจ้างที่มี อยู่เดิมโดยยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นหนังสือต่อนายทะเบียน ในคำขอจดทะเบียนสมาคมนายจ้างใหม่ ต้องมีผู้แทนของสมาคมนายจ้าง ทุกสมาคมที่ควบเข้ากันลงลายมือชื่ออย่างน้อยสมาคมละสองคน คำขอจดทะเบียนสมาคมนายจ้างใหม่ต้องมีเอกสารดังต่อไปนี้ยื่นพร้อมกัน ด้วย (1) หนังสือของสมาคมนายจ้าง ที่ควบเข้ากันนั้นรับรองว่าได้แจ้งไปยัง เจ้าหนี้ทั้งปวงตาม มาตรา 77 วรรคหนึ่งแล้ว ไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในระยะ เวลาที่กำหนดหรือกรณีที่มีเจ้าหนี้คัดค้านสมาคมนายจ้างก็ได้ชำระหนี้หรือได้ให้ ประกันเพื่อหนี้รายนั้นแล้ว (2) ร่างข้อบังคับของสมาคมนายจ้างใหม่ตามที่ขอจดทะเบียนสองฉบับ (3) สำเนารายงานการประชุมของสมาคมนายจ้าง ที่ควบเข้ากันหนึ่ง ฉบับ เอกสารตาม (2) และ (3)นั้น ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการชุดแรก ของสมาคมนายจ้างใหม่ต้องลงลายมือชื่อรับรองสองคน ให้นำ มาตรา 54 ถึง มาตรา 75 มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา 80 เมื่อจดทะเบียนสมาคมนายจ้างที่ควบเข้ากันเป็นสมาคม นายจ้างใหม่แล้ว ให้นายทะเบียนขีดชื่อสมาคมนายจ้างเดิมที่ควบเข้ากันนั้น ออกจากทะเบียน มาตรา 81 สมาคมนายจ้างใหม่นี่ย่อมได้ไปทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ หน้าที่และความรับผิดของสมาคมนายจ้างเดิมที่ได้ควบเข้ากันนั้นทั้งสิ้น สมาชิกของสมาคมนายจ้างเดิมที่ได้ควบเข้ากันนั้น ย่อมเป็นสมาชิกของ สมาคมนายจ้างใหม่นี้ มาตรา 82 สมาคมนายจ้างย่อมเลิกด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ถ้ามีข้อบังคับของสมาคมนายจ้างกำหนดให้เลิกในกรณีใด เมื่อมี กรณีนั้น (2) เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก (3) เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งให้เลิก (4) เมื่อล้มละลาย มาตรา 83 นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมนายจ้างได้ในกรณีดัง ต่อไปนี้ (1) เมื่อปรากฏว่าการดำเนินการของสมาคมนายจ้าง ขัดต่อวัตถุที่ ประสงค์ขัดต่อกฎหมาย หรือเป็นภัยต่อเศรษฐกิจหรือความมั่นคงของประเทศ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (2) เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งให้เลือกตั้งกรรมการขึ้นใหม่ทั้งคณะและไม่ ดำเนินการเลือกตั้งภายในระยะเวลา ที่นายทะเบียนกำหนดหรือภายในระยะ เวลาที่นายทะเบียนขยายระยะเวลาให้จนสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวหรือ (3) เมื่อสมาคมจ้างไม่ดำเนินกิจการติดต่อกันเป็นเวลาเกินสองปี เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งให้สมาคมนายจ้างใด ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ ให้สมาคมนายจ้างนั้นทราบโดยมิชักช้า คำสั่งให้เลิกสมาคมนายจ้างตามมาตรานี้ กรรมการเกินกึ่งหนึ่งของ จำนวนกรรมการทั้งหมด ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ถูกสั่งให้เลิกมีสิทธิเข้า ชื่อกัน อุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อรัฐมนตรีโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์และแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่รับอุทธรณ์ ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่พอใจคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ผู้อุทธรณ์มีสิทธิ ดำเนินการต่อไปเพื่อให้ศาลแรงงานพิจารณาวินิจฉัยได้ คำสั่งเลิกสมาคมนายจ้างให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อสิ้นสุด ระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์หรือเมื่อศาลแรงงานวินิจฉัย แล้วแต่กรณี มาตรา 84 เมื่อสมาคมนายจ้างต้องเลิกตาม มาตรา 82 (1) (2) หรือ (3) หรือ มาตรา 83 ให้แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีและทำการชำระบัญชี และให้นำ บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัดมาใช้บังคับ แก่การชำระบัญชีสมาคมนายจ้างโดยอนุโลม มาตรา 85 เมื่อชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่จะแบ่งให้แก่ สมาชิกของสมาคมนายจ้างไม่ได้ ทรัพย์สินนั้นจะต้องโอนไปให้แก่นิติบุคคลอื่น ตามที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับว่าด้วยวิธีการจัดการของสมาคมนายจ้าง หรือตาม มติของที่ประชุมใหญ่ถ้าในข้อบังคับหรือที่ประชุมใหญ่มิได้ระบุนิติบุคคลใดให้เป็น ผู้รับทรัพย์สินที่เหลือนั้น ให้ผู้ชำระบัญชีมอบแก่กรมแรงงานเพื่อสวัสดิการของ ลูกจ้าง |