แง่คิดและประสบการณ์การขับเคลื่อนงานวิจัยด้านเด็กและเยาวชน สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีม Child Watch ระดับภาค พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 6 จังหวัด
โครงการวิจัย Child Watch ดำเนินการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ค่อนข้างมีกรอบของการวิจัยที่แน่นอน พื้นฐานโดยทั่วไปส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลซ้ำทุกปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ชัดเจนและน่าเชื่อถือนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 – 2551 เพิ่มเติมด้วยกรณีศึกษาร่วมสมัยที่น่าสนใจ เป็นปัญหาด้านเด็กและเยาวชนเชิงวิเคราะห์ เจาะลึก และมีคุณภาพ |
|
ในระยะหลังมีการขับเคลื่อนงานวิจัยให้แปลงไปสู่นโยบาย กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โครงการ กิจกรรมต่างๆ และแผนการดำเนินงานในหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลของสื่อมวลชนประเภทต่างๆ สำหรับการขับเคลื่อนไปสู่แนวนโยบายและการวางแผนในระดับพื้นที่ ท้องถิ่น สภาเด็กและเยาวชน มีการดำเนินการกันอย่างรวดเร็วและมีผลในทางปฏิบัติมากมาย ดังนี้ 1. ในระดับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้นำข้อมูลตัวบ่งชี้มาตรฐาน เครื่องมือการวิจัยของ Child Watch ไปจัดทำ “มาตรฐานการพัฒนาเด็กและเยาวชน” ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,853 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล อบจ. พัทยา กรุงเทพมหานคร และอื่นๆ เพื่อเป็นแนวทางของการวางแผนนโยบายให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นในเชิงวิสัยทัศน์ นโยบาย แผนดำเนินการ งบประมาณ ตัวบ่งชี้ด้านสุขอนามัย ด้านการศึกษา และด้านสังคม ในปัจจุบันกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ใช้มาตรฐานการพัฒนาเด็กและเยาวชนเป็นตัวกระตุ้นและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความผาสุกของประชาชน ในด้านสุขอนามัย การศึกษา สังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน และครอบครัวมากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เน้นนโยบายสร้างความเติบโตของเมือง สาธารณูปโภค ถนน ไฟฟ้า การจ้างงาน ฯลฯ การขับเคลื่อนงานวิจัยด้านเด็กและเยาวชนจึงต้องรู้จักการประสานงานกับหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง การบูรณาการแผนนโยบายร่วมกัน การผลิตสื่อประสมที่น่าสนใจและมีประโยชน์ ระบบข้อมูล สรุปผลการวิจัยต้องสั้น ตรงประเด็น และส่งสารถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ การประชุมร่วมกับฝ่ายต่างๆ ในลักษณะพหุภาคี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ นำข้อเด่นของแต่ละฝ่ายมาใช้ร่วมกัน จัดสรรงบประมาณเบื้องต้นให้เพียงพอต่อการเริ่มต้น สร้างทีมงานขึ้นมาให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ มองหาทฤษฎีและนวัตกรรมเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยการหลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ ให้ความสำคัญของระบบข้อมูล สรุปผลการวิจัย |
|
การประชุมสัมมนามีผลต่อเนื่องต่อโครงการกิจกรรมต่างๆ หลังเสร็จสิ้นการประชุม มีการติดตามผลและให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับความเหมือนและความแตกต่างของหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน สถาบันทางวิชาการ สภาประชาชน องค์กรนานาชาติ สภาเด็กและเยาวชน และอื่นๆ เพื่อนำจุดแข็ง จุดเด่น ข้อดีมาประสานเสริมเป็นพลังขับเคลื่อนไปด้วยกันในที่สุด 2. การขับเคลื่อนระบบข้อมูลงานวิจัยด้านเด็กและเยาวชนโดยสภาเด็กและเยาวชนที่กำลังเกิดขึ้นทุกระดับ สภาเด็กและเยาวชนจะมีการคัดเลือกตัวแทนขึ้นมาตั้งแต่ระดับตำบล หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ โดยมีภารกิจสำคัญคือ การกำหนดวาระแห่งชาติ แผนแม่บท การประชุมพบปะกับผู้นำประเทศ การส่งเสริมโครงการ กิจกรรมต่างๆ การติดตามตรวจสอบ รายงานผลประจำปี เป็นต้น การขับเคลื่อนงานวิจัยด้วยสภาเด็กและเยาวชน องค์กรระดับล่าง ชมรมด้านต่างๆ เครือข่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีแนวคิดสำคัญคือ “ให้โอกาสและเสรีภาพแก่เด็กและเยาวชนในการแสดงออกและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่” เด็กนำผู้ใหญ่หนุน ด้วยกระบวนการดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 การระบุปัญหา นโยบายสาธารณะในปัจจุบัน ดังเช่นนำข้อมูลของงานวิจัยมาใช้ในการลดพื้นที่เสี่ยงให้ลดน้อยลง ในบริเวณ 500 เมตรรอบโรงเรียน ไม่ควรมีร้านเหล้า ผับ คาราโอเกะ ร้านเกมส์ตั้งอยู่ ควรมีการจัดแบ่งโซนนิ่ง (zoning) พื้นที่เหล่านี้ โดยเฉพาะในชุมชนของตน |
|
ขั้นตอนที่ 2 การเลือกปัญหา เพื่อศึกษาในชั้นเรียน ด้วยการสำรวจว่าเพื่อนคนใด จำนวนเท่าใดที่ติดเหล้า บุหรี่ ติดเกมส์ แล้วเกิดปัญหานี้เนื่องจากสาเหตุอะไร ปัจจัยสนับสนุนส่งเสริมในชุมชนมาจากที่ใดบ้าง มีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงใคร การทำแผนที่ชุมชน (social mapping) การออกสำรวจ (walk rally) เพื่อดูพื้นที่ดีหรือพื้นที่เสี่ยงอยู่ตรงไหน มีสัดส่วนมากน้อยเพียงใด เป็นต้น ขั้นตอนที่ 3 การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่จะศึกษาในชั้นเรียน ชุมชนของตนเอง การหาข้อมูลอาจมาจากแหล่งต่างๆ การสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ (oral history) ห้องสมุด หนังสือพิมพ์รายวัน กลุ่มบุคคล อินเทอร์เน็ต การสัมภาษณ์ สอบถามจากหน่วยงาน สถาบันการศึกษา ผู้ถูกผลกระทบ องค์กรเอกชน และอื่นๆ ในขั้นตอนนี้ต้องมีการระดมทุกฝ่ายให้ช่วยกันหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ช่วยกันตรวจสอบ คัดเลือกและสรุปเป็นข้อมูลเข้มข้นที่น่าสนใจต่อไป ขั้นตอนที่ 4 การพัฒนาเป็นแฟ้มผลงานของกลุ่มเด็กและเยาวชน ในรูปของสื่อประสม แผนผัง ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็น การระบุปัญหา ผลกระทบ การนำเสนอทางเลือกและทางออกที่เป็นไปได้ การจัดเตรียมนิทรรศการ กลุ่มบุคคลที่มีความสามารถในการนำเสนอและการประชาสัมพันธ์ให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ขั้นตอนที่ 5 การนำเสนอผลงานต่อชุมชน บุคคลสำคัญ (key informants) ผู้บริหารที่มีส่วนสำคัญในการผลักดัน ตัดสินใจและการสั่งการในโครงการกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง การนำเสนอต้องมีการเตรียมการอย่างดี รูปแบบ กราฟฟิก ภาษาที่ใช้ เนื้อหาสาระ บทสรุปที่เป็นไปได้ เน้นความแตกต่างที่สร้างสรรค์ของระบบข้อมูลเป็นสำคัญ |
|
ขั้นตอนที่ 6 ผลสะท้อนจากประสบการณ์การเรียนรู้ การลงมือปฏิบัติ (action plan) การตั้งโจทย์คำถามเข้าสู่กระบวนการและมีบทสรุป (solution) ที่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขั้นตอนการประสานงาน การใช้ระบบข้อมูลในการทำแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานกลุ่มด้วยกัน สุดท้ายเด็กและเยาวชนจะเกิดจิตสำนึกด้วยตนเอง มีการพัฒนาจิตอาสาและจิตสาธารณะไปในเวลาเดียวกัน การขับเคลื่อนงานวิจัยมิใช่เป็นเพียงงานวิชาการที่นำเสนอในฟอรัม (forum) ตามที่ต่างๆ คุณประโยชน์จะมีไม่มากนัก ผลงานจะแคบ เมื่อเวลาผ่านไป บทสรุปงานวิจัยที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ ล้าสมัยลงตามลำดับ การขับเคลื่อนงานวิจัยด้านเด็กและเยาวชนใน 2 ตัวอย่างที่นำเสนอในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญเท่าเทียมกับระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัยหาคำตอบทีเดียว เพียงแต่ต้องมีวิสัยทัศน์ในการทำงาน “เพื่อเด็กและเยาวชน” จริงๆ ใจกว้าง มีบุคลิกประชาธิปไตย เปิดโอกาส เปิดพื้นที่ เปิดกิจกรรม ไม่แย่งผลงานเด็ก ไม่เป็นเจ้าของนโยบายแทนหน่วยงานอื่น และไม่กำกับสภาเด็กและเยาวชนจนเกินไป แต่เป็นการทำงานขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จอย่างยั่งยืนเสียมากกว่า |
|
ครูต้นแบบ อาจารย์ พนัส ทองมณี ผอ. โรงเรียนบ้านเบตงสุภาพนุรณ์ จ.ยะลา
“จะมีสักกี่ครั้งที่คนทำผิดจะได้รับการให้อภัย หรือแก้ตัวด้วยการให้โอกาส และจะมีเด็กสักกี่คนที่การให้โอกาสหมายถึงการผ่านพ้นจุดวิกฤตของชีวิต” |
|
หน้าตาแขนขาที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นภาพฉายชีวิตที่ชัดเจนว่าเขาผ่านชีวิตกันมาอย่างไร ขโมยของ ติดยา หรือก่อเหตุวิวาทจนขึ้นโรงพักก็ผ่านมาหมด สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงผลของความเสื่อมสลายของสังคม ครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นพ่อเป็นแม่เองบีบคั้น โดยที่เด็กเป็นได้แค่เพียงแต่ ...จำเลย ผมรู้จักเด็กกลุ่มนี้ที่โรงเรียนบ้านเบตงสุภาพนุสรณ์ จ.ยะลา จากครูพนัส ทองมณี ครูเล่าว่า “นักเรียนกลุ่มนี้เขาเรียนไม่ดี อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แถมยังเกเรอันธพาลเป็นที่เอือมระอาของเพื่อนและครูในโรงเรียนจนไม่มีใครอยากยุ่งอยากสอน ตัวเด็กเองก็หายจากโรงเรียนไปเลย รู้อีกทีก็มีเรื่องกับแก๊งอื่นแล้ว” ครูพนัสเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น “วันหนึ่งครูเลยลองเอากล้องถ่ายรูปให้พวกเค้าช่วยถ่ายงานโรงเรียน เอาลงคอมพิวเตอร์ ช่วยงานหลายอย่าง ผมคาดไม่ถึง...เด็กเค้าเก่งเรียนรู้เร็วมาก ทำได้ดีกว่าผมเสียอีก ครูในโรงเรียนก็ชื่นชม แปลกครับพฤติกรรมเค้าเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดไม่เกเรอีกเลย” ในช่วงเวลาที่เด็กกำลังไขว่คว้าหาบางสิ่งบางอย่างในหนทางที่มืดมิด สิ่งที่อยู่ในมือนั้นหมายถึงเข็มทิศชีวิต ใครจะรู้ว่าหากในมือของเด็กไม่มีกล้องถ่ายรูปที่ครูหยิบยื่นให้ แต่เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย เราคงไม่ต้องสงสัยว่าจุดหมายจะมุ่งสู่ที่ใด สิ่งที่ครูมอบให้ไม่ได้เป็นเพียงกล้องถ่ายรูป แต่นั่นคือหัวใจ ที่เต็มไปด้วยการให้โอกาส ความรัก ความไว้วางใจเพื่อที่คนคนหนึ่งจะได้มีเส้นทางที่หันกลับ เป็นหางเสือที่นำพาชีวิตผ่านพ้นมรสุม และพร้อมที่จะเป็นคนคนหนึ่งในโรงเรียน สังคม ต่อหน้าผู้คนอย่างเต็มภาคภูมิ |
|
แนะนำหนังสือ |
|
• หนังสือชุดทักษะชีวิต : แนวคิดและแนวทางการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ในมิติต่างๆ เป็นหนังสือชุดหนึ่งของสถาบันรามจิตติที่มุ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแนวคิดและแนวทางการเสริมสร้างการเรียนรู้ทักษะชีวิตในด้านต่างๆ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นผู้สนับสนุนการจัดพิมพ์เผยแพร่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สนับสนุนการขับเคลื่อนความรู้สู่การนำไปใช้ในเครือข่ายโรงเรียนต่างๆ เนื้อหาแต่ละเล่มจะจุดประกาย ขายความคิด และสถานการณ์ปัญหาแต่ละด้าน เช่น เรื่องเพศ เหล้า ยาเสพติด และการบริโภคต่างๆ ที่เป็นปัญหามากมายในปัจจุบัน รวมทั้งแนวคิด แนวทางการสอนแต่ละเรื่อง เช่น “รู้สารทันสื่อ” ที่ส่งเสริมเรียนรู้เรื่องการรับสื่ออย่างมีคุณค่า เรื่อง “เหล้ายาศึกษา วิชาห่างเมา” ที่ให้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการหลีกเลี่ยงเหล้าบุหรี่และสิ่งเสพติด เรื่อง “รักใสหรือรักเซ็กซ์ เด็กคิดเองได้” เน้นเรียนรู้เรื่องเพศและความสัมพันธ์ระหว่างเพศ เรื่อง “ฉลาดกิน ฉลาดใช้ ฉลาดช็อป” เน้นเรียนรู้เรื่องการบริโภค “สันติวัฒนธรรม สันติในตน” ให้ความสำคัญกับเรียนรู้เรื่องสันติภาพ “เสริมพลังครอบครัว สร้างรั้วให้หัวใจเด็ก” เป็นการเรียนรู้เรื่องการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้มแข็งในครอบครัว “ธรรมะโดนใจจรรยาวัยโจ๋” ที่เน้นการเรียนรู้เรื่องคุณธรรมจริยธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน เนื้อหาในหนังสือชุดนี้พัฒนามาจากการประมวลประสบการณ์ปัญหาต่างๆ เช่น เด็กวัยรุ่นกินเหล้าเพิ่มขึ้น เด็กหญิงท้องในวัยเรียนมากขึ้น ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้กำลังขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น หนังสือชุดนี้จึงเป็นสื่อหนึ่งที่จะชี้ชวนให้เด็ก ผู้ปกครอง ครู เห็นว่าปัญหาเหล่านี้สำคัญ การเน้นการสอนวิชาการเพื่อมุ่งเข้ามหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เด็กยุคใหม่จะต้องเรียนรู้ทักษะชีวิตควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ยังมีเอกสารอีกเล่มที่ชื่อ “หนึ่งจุดหมาย หลายเส้นทาง” เนื้อหาจะมีหลากหลายของแผนการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสุขภาวะผู้เรียน และหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาเด็กกลุ่มเสี่ยง ภายใต้ชื่อเรื่อง “เมื่อความทุกข์ไล่ล่าเด็ก” เพื่อเร่งเร้าให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหาและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เด็กจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดหนังสือชุดดังกล่าวได้ที่ https://www.childwatchthai.com/ lifeUn1skillUn1book.htm |
|
• เด็กไทยบนทางสามแพร่ง หนังสือ "เด็กไทยบนทางสามแพร่ง" เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานวิจัยโครงการการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด (Child Watch) โดยเป็นผลงานการสังเคราะห์กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนทั้งในด้านบวกและลบที่น่าสนใจ และมีนัยยะความสำคัญในแต่ละพื้นที่ 53 จังหวัด รวม 157 กรณีศึกษา ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจต่อปัญหาเด็กและเยาวชนอย่างลึกซึ้ง อันจะนำมาซึ่งการแก้ปัญหา และการกำหนดแนวทางการป้องกันอย่างเป็นรูปธรรม รับส่วนลดพิเศษ 20% เมื่อซื้อที่ สกว. หรือสั่งซื้อได้ที่https://www.trf.or.th/book/ ฟรีค่าจัดถึง 15 มกราคม 2552 นี้เท่านั้น สอบถามรายละเอียด โทร. 0-2278-8200 ต่อ 8322 (คุณศรีสุดา) เปิดบริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 8.00-17.00 น. |
| |