ความพร้อมทั้งด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมนี้เอง ทำให้ "วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน" นำเรื่องธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาเป็นจุดเด่นในการเรียนการสอน และการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างวิทยาลัยฯ กับชาวบ้านในชุมชน เพื่อให้สมาชิกของชุมชนได้พัฒนาตนเอง และเพิ่มศักยภาพของชุมชนในด้านต่างๆ พร้อมทั้งปลูกฝังให้อนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตนไปด้วยในคราวเดียวกัน วิทยาลัยชุมชน (วชช.) เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่ำกว่าปริญญา ทำหน้าที่ให้บริการการศึกษาระดับสูง (Higher Education) และจัดอบรมระยะสั้นแก่ชุมชน รวมทั้งส่งเสริมสนับสุนนการพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชน เปิดให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามารับการศึกษา สำหรับวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนนั้น จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 โดยกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศกระทรวงให้จัดตั้งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2545 มีศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นแม่ข่าย มีศูนย์ประสานงาน 5 ศูนย์ ประกอบด้วย อ.ปางมะผ้า อ.ปาย อ.ขุนยวม อ.แม่ลาน้อย และ อ.แม่สะเรียง
| | ดร.จำรูญ คำนวญตา ประธานคณะกรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน พูดถึงรายละเอียดของวิทยาลัยว่า ไม่ได้ให้อาจารย์เป็นฝ่ายสอนประชาชนในพื้นที่อย่างเดียว แต่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกับชุมชน หรือไม่ก็ไปเติมเต็มในส่วนที่ทางพื้นที่ยังขาด โดยเฉพาะความรู้ด้านวิชาการ อาจารย์จำรูญยังบอกด้วยว่า วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และการท่องเที่ยวที่มีภายในชุมชน โดยทุกวันนี้วิทยาลัยได้ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เพื่อศึกษาองค์ความรู้ของชนเผ่าต่างๆ แล้วนำมาสร้างฐานข้อมูลทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรม |
"จุดนี้ทางวิทยาลัยทำได้ครอบคลุมมาก เพราะเรามีศูนย์ประสานงานอยู่ทั่วทั้งจังหวัด เพราะนอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว เราจำเป็นต้องวิจัยชนเผ่าแต่ละชนเผ่าในแต่ละพื้นที่ เพื่อเก็บเกี่ยวองค์ความรู้จากชนเผ่าต่างๆ มาใช้เป็นฐานในการพัฒนาด้านการศึกษาและการท่องเที่ยวในแม่ฮ่องสอน" อาจารย์จำรูญบอก ด้าน ถนัด สินอนันต์วณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจการค้า เสริมว่า แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ มีองค์ความรู้เยอะมาก มีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์อายุกว่า 30,000 ปี มีเมล็ดข้าวอายุราว 10,000 ปี มีภาษาไทยใหญ่ที่ไม่เหมือนภาษาล้านนาในจังหวัดเชียงใหม่ มีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ "ที่ผ่านมามีการทำวิจัยเรื่องชนเผ่าทุกชนเผ่าในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ยังไม่มีใครรวบรวมเป็นมรดก วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนในฐานะสถาบันทางปัญญาจึงคิดว่าควรเป็นตัวประสานระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดีไหม เพราะชุมชนต้องการให้วิทยาลัยเข้าไปช่วยเหลือทางวิชาการในเรื่องการสร้างและรวบรวมองค์ความรู้ ช่วยด้านการศึกษา ช่วยด้านหลักสูตรท้องถิ่น เพื่อพัฒนาสู่เรื่องของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่ โดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เทศบาลเมือง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" ถนัดเล่า ชิงช้าชุมชนจีนฮ่อ บ้านสันติชล อ.ปาย
| | ส่วน คมสัน คูสินทรัพย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน พูดถึงประเด็นความร่วมมือกับชุมชนให้เห็นภาพว่า ชาวบ้านที่ อ.ปางมะผ้า ปลูกพืชออกจำหน่ายขายได้ราคาระดับหนึ่งแต่คุณภาพยังถือว่าน้อย บางครั้งเก็บมา 100 กิโลกรัม แต่มีเพียง 30 กิโลกรัมที่ได้มาตรฐาน ทางวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนจึงไปประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือและพัฒนาการปลูกพืช หรือเกษตรอินทรีย์ที่ อ.ปาย ก็เน้นให้ชาวบ้านที่เป็นชาวเขาเผ่าลีซอปลูกพืชปลอดสารเคมี โดยปลูกพืชที่ทำรายได้หลักให้ คือ หอมแดง กระเทียม และแครอต จากนั้นก็ช่วยมองหาช่องทางการตลาดให้
"จังหวัดแม่ฮ่องสอนแตกต่างจากพื้นที่อื่น แนวคิดการพัฒนาด้านชนเผ่า ทรัพยากรธรรมชาติ และการท่องเที่ยว ที่วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอนดำเนินการอยู่เป็นการจับเอาจุดเด่นมาใช้อย่างชาญฉลาด | "แต่แนวคิดทั้ง 3 ต้องเคลื่อนไปพร้อมกันและเกื้อหนุนกันคล้ายใยแมงมุมโยงกันอยู่ 3 ใย ซึ่งแต่ละใยต้องเชื่อมด้วยจิตสำนึกที่ดีต่อบ้านเกิด ไม่อย่างนั้นความเฉพาะที่เป็นเสน่ห์ของแม่ฮ่องสอนจะถูกทำลายลงด้วยตัวของตัวเอง และฐานล่างสุดของการเคลื่อนต้องยืนอยู่บน 5 ภูมิ คือ ภูมิเมือง ภูมิธรรม ภูมิสังคม ภูมิปัญญา และภูมิสิ่งแวดล้อม ในรูปขององค์ความรู้และฐานข้อมูล" เป็นความเห็นของ ดร.ขวัญนภา สุขคร ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์ลำปาง ที่มีต่อการดำเนินงานของวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน ชุมชนจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ ก็ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังและความสามัคคีของหลายภาคส่วนและที่สำคัญ คือ...ประชาชนในพื้นที่นั่นเอง |