ออกกำลัง “สมอง” กันดีกว่า


836 ผู้ชม


ออกกำลัง “สมอง” กันดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของ
สสส. และ วิชาการดอทคอม
ที่มา
www.thaihealth.or.th  


ง่าย และได้ผลที่สุด คือการ คิดเลขในใจ
           หนึ่งในบทเรียนสอนเลขตอนเด็ก ครูเคยสอนให้ ′คิดเลขในใจ′ บวก ลบ คูณ หาร เท่าไร เก็บไว้ในใจก่อน แล้วเริ่มจัดการกับโจทย์อื่นต่อไป
           เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นสมัยสมองยังสดใส ยังอยู่ในวัยเอ๊าะ รุ่นหนุ่มรุ่นสาว ขอบอก...เรื่องหมู ๆ


ออกกำลัง “สมอง” กันดีกว่า


           แต่... ทำไมหนอเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่คิดว่าหมู กลับเป็นหมูหิน คิดยากคิดเย็น สปีดการคิดก็ตก บางรายยิ่งร้ายเพราะจะบวก ลบ คูณ หาร ยังไงก็คิดไม่ออกเอาเสียแล้ว
           อาการแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดกับแค่ตัวเลขเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะรุกรานไปเกิดในรูปแบบหลง ๆ ลืม ๆ ความจำน้อยลง สมองสั่งงานช้า สับสนวันเวลา จำสถานที่ ไม่ได้ หลงทิศหลงทาง พูดซ้ำถามซ้ำ ใช้คำผิด ๆ ถูก ๆ อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่รับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เกิดความกลัวหวาดระแวง ร้ายไปกว่านั้นอาจมีอาการประสาทหลอนก็เป็นได้
           ถ้าใครเป็นหรือใครมีคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน วัยใด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุอานามล่วงเข้าหลัก 6 แล้ว พึงนึกไว้ได้อย่างหนึ่งว่า ภาวะ ′สมองเสื่อม′ น่าจะมาเยือนแล้ว
           จากงานวิจัยพบว่า ในปี 2040 น่าจะมีคนเป็นโรคสมองเสื่อมมากถึง 81 ล้านคนทั่วโลก โดยพบว่าคนอายุ 65 ปี ในประเทศตะวันตกจะป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม 1% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 5 ปีที่อายุเพิ่มขึ้น และยังพบอีกด้วยว่า ผู้ที่มีอายุ 86 ปีขึ้นไป จะป่วยด้วยโรคนี้มากถึง 32%
           สำหรับในประเทศไทย แม้จะยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยโรคนี้อยู่ประมาณ 200,000-300,000 คน
           โรคนี้แม้จะไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยเจ็บป่วยหรือพิกลพิการใด ๆ แต่ความร้ายกาจของโรคจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องการสั่งงานของสมอง ความจำ ความฉลาด การควบคุมอารมณ์ และไม่สามารถแยกถูกผิดได้
           ต้นเหตุทั้งปวงนี้เกิดจากเซลล์ประสาทที่แม้จะถูกผลิตและสร้างขึ้นใหม่มาอยู่ เรื่อย ๆ แต่ก็กลับเสื่อมสภาพลงเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะกับเซลล์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เช่นเดียวกับบอวัยวะทุกส่วนในร่างกายที่หากไม่ได้ใช้งานในส่วนไหนก็จะลีบฝ่อ ไปเอง ฉันใดก็ฉันนั้น เช่นเดียวกับสมอง


ออกกำลัง “สมอง” กันดีกว่า


           ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะยืดเวลาสมองให้เสื่อมช้าไปมากที่สุด นั่นคือต้องจับสมองมาเอ็กเซอร์ไซส์ และวิธีการเอ็กเซอร์ไซส์ที่ดี ง่าย และได้ผลนั้น คือการใช้วิธี ′คิดเลขในใจ′ มาเป็นตัวช่วยนั่นเอง
           น.พ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์ด้านอายุรกรรมสมอง สถานพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 กล่าวว่า ′การคิดเลขในใจทุกวัน วันละ  หลาย ๆ ครั้ง จะเป็นการกระตุ้นให้สมอง ออกกำลัง กระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างแขนงประสาทไปเชื่อมต่อกับเซลล์สมองส่วนอื่น ๆ เพิ่มให้เส้นใยประสาทของเซลล์ประสาทมีการเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และยังเพิ่มปริมาณสารเคมีที่บรรจุอยู่ที่ประสาท ทำให้สามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนจากพ่อค้าแม่ค้าที่แม้จะสูงอายุ แต่ยังคิดค่าอาหารและเงินทอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
           ส่วนวิธีการคิดนั้น คุณหมอแนะนำว่าให้คิดเลขทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอน ค่าอาหาร รายรับ รายจ่ายแต่ละวัน ด้วยสมองของตัวเอง แทนการใช้เครื่องคิดเลข หรือแม้แต่นับนิ้วก็ไม่ได้
           คิดไปเริ่มจากหลัก 2 หลัก จากบวกไปลบ แล้วค่อย ๆ ก้าวไปสู่การคูณและหาร โดยเริ่มจากง่าย ๆ จากสูตรคูณแม่ 1-12 ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น
           หรืออาจจะลองหัดใช้งานมือข้างไม่ถนัด ลองหัดเป็นนักวิเคราะห์หรือคาดการณ์หนังละครที่ดู หรือลองทบทวนเรื่องราวเก่า ๆ ย้อนหลังในทุกวัน ว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง เพราะอะไรถึงทำเช่นนั้น เหล่านี้ก็ช่วยได้
           นอกจากนั้นแล้ว อย่าลืมที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะผักใบเขียวจัด ๆ ออกกำลังกายใหสม่ำเสมอ นอนให้พอ เลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ อย่าอ้วน อย่าเครียด ที่สำคัญอย่าลืม บริหารสมองกันด้วยนะ...จะบอกให้...



อัพเดทล่าสุด