ตำนาน …ขนมไหว้พระจันทร์
จากเรื่องเล่าพงศาวดารจีน เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน สมัยปลายราชวงศ์หยวน เจงกิสข่าน จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งมองโกล เข้ายึดครองแผ่นดินใหญ่และปกครองชาวจีนอย่างเข้มงวด มากด้วยกฎระเบียบอันหฤโหด เผด็จการ ส่งผลให้ชาวจีนที่อยู่ภายใต้อำนาจกดดันจนต้องก่อตั้งขบวนการใต้ดินเพื่อคิดการ “ปฏิวัติ”
ด้วยความฉลาด จึงตั้งอุบายจัดงานไหว้พระจันทร์ขึ้น และใช้ขนมก้อนกลมขนาดใหญ่มีไส้หนา เป็นสื่อ แล้วส่งมอบขนมให้กันในหมู่ญาติมิตร
โดยที่ภายในนั้น ซ่อนจดหมายนัดแนะกันไว้
เมื่อถึงเพลาตามกำหนด ในช่วง เที่ยงคืนของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ไพร่พลจีน ต่างตีเกราะเคาะร้องเป็นการส่งสัญญาณ (คำฮิต เรียก เป่านกหวีด) พร้อมใจกันผนึกกำลังสังหารพวกมองโกล สุดท้ายจีน ก็สามารถกู้เอกราชคืนกลับมาจนได้
เมื่อบ่วงบาศก์พันธนาการแห่งการไร้สิ้นอิสรภาพผ่านพ้นไป บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้ง คนจีนจึงถือเอา วันเพ็ญเดือนแปด เป็นประเพณีวันไหว้พระจันทร์เรื่อยมา เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของเหล่าวีรชนที่ร่วม “กู้ชาติ” จนได้มาซึ่งชัยชนะ
ทีเด็ดของขนมไหว้พระจันทร์ อยู่ตรงไส้ ซึ่งถูกปรุงแต่งด้วยรสชาติที่แตกต่างกัน ตามวัสดุที่เลือกสรร ทั้งยังต่างไปตามแต่ละถิ่น และเพื่อเพิ่มความสวยงามให้เหมาะกับพระจันทร์ ต่อมาได้มีการเพิ่มลวดลายไปบนส่วนหน้าขนมให้เกิดความงดงาม และดูน่ารับประทานขึ้น
ตำรับจีนแท้ดั้งเดิม ส่วนผสมของขนมไหว้พระจันทร์ ประกอบด้วย ถั่วแดง ลูกนัทจีน 5 ชนิด และ เมล็ดบัว เป็นต้น แต่ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น เรียกว่า สูตรใครสูตรมัน แล้วแต่ความชอบ นอกจากนี้ยังทำให้ชื่อเรียกต่างกันไปด้วย เช่น ไส้ผลไม้ ไส้ถั่วแดง ไส้ลูกบัว ไส้แฮม ไส้ไข่เค็ม เป็นต้น
พิธีกรรม…
ธรรมเนียมการไหว้พระจันทร์ของคนจีน ตามปกติจะเริ่มหลังจากที่ดวงจันทร์ขึ้นแล้ว ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน โดยตั้งของบูชาไว้ที่หน้าบ้าน บนโต๊ะขนาดใหญ่ และต้องให้ผู้หญิงเป็นผู้รับผิดชอบยกของไหว้มาจัดวาง ที่อาจมีทั้ง ขนมอี้ ขนมโก๋ ขนมเปี๊ยะ ถั่ว รากบัว ผลไม้ ฯลฯ และขนมไหว้พระจันทร์ ไส้ต่างๆ ประดับด้วยอ้อยมัดเป็นซุ้มอย่างสวยงาม ขนาบสองข้างด้วยโคมจีนดวงโต
เหตุที่ใช้ผู้หญิง เพราะเชื่อว่า พระจันทร์มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับเทพเจ้าสตรี ดังนั้น การประกอบพิธีกรรมจึงมักมีการบูชาด้วยแป้งและเครื่องสำอางด้วย ด้วยหวังว่า จะนำมาซึ่งความสวยงามและผิวงามแก่สมาชิกในครอบครัว
สู่…ความกลมเกลียว
เมื่อการบูชาจบลง คนทั้งบ้านก็จะแบ่งขนมกันกิน เนื่องจากขนมไหว้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสามัคคี ของคนในครอบครัว หรือคนในชาติ ดังนั้นบางคน เขาก็จะเรียก ขนมไหว้พระจันทร์ว่า ” ขนมแห่งความกลมเกลียว “
นี่ล่ะมั้ง เหตุที่ขนมไหว้พระจันทร์ต้องก้อนกลม เพราะ ความกลมของขนมหมายถึง การได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า พร้อมตาของคนภายในครอบครัว
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยน อะไรก็ดูจะแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ซ้ำการดำเนินชีวิตยังต้องอยู่ท่ามกลางสมรภูมิแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันอีก ทำให้พิธีกรรมต่างๆ ที่เคยสืบทอดจากบรรพบุรุษค่อยๆลางเลือนไปตามกาลเวลา คงไม่แปลกหากการไหว้พระจันทร์ จะพลอยถูกลดความสำคัญไปด้วย จนอาจเหลือแค่ตัวขนม ที่เด็กบางคนรู้แค่ว่า ปีหนึ่งจะได้กลับมากินสักครั้งเท่านั้น
นัยยะที่แฝงจากจุดกำเนิดด้วยเรื่องเล่าต่างๆ สะท้อนความระลึกคิดของผู้คนใส่ไว้ในจิตใจ ดังนั้น ขนมไหว้พระจันทร์ที่ปรุงแต่งด้วยคุณค่าศาสตร์และศิลป์จึงเปรียบสัญลักษณ์แห่งความเป็น “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” เห็นตัวอย่างได้จากคนจีน เพราะถ้าเมื่อไหร่ ที่แตก “สามัคคี” เมื่อนั้น ก็จะถูกรุกรานและครอบงำ เมื่อไหร่ที่เกิดความไม่หนักแน่น เมื่อนั่นความหายนะก็จะบังเกิด