ทำโรงเรียนเล็ก (ในป่า) ให้น่าอยู่ โรงเรียนน่าอยู่ โรงเรียนในป่าน่ายู่ โรงเรียนเล็กๆ


878 ผู้ชม


ทำโรงเรียนเล็ก (ในป่า) ให้น่าอยู่

ทำโรงเรียนเล็ก (ในป่า) ให้น่าอยู่

ดร. บรรเจอดพร รัตนพันธุ์

ครั้งหนึ่งในชีวิตข้าราชการครูดิฉันเคยสอนที่โรงเรียนขนาดเล็กที่สุดในจังหวัดศรีสะเกษในภาวะที่ขาดแคลนไปเกือบทุกอย่าง มี    นักเรียน 31 คนมีอาคารเรียนที่ปลวกยังไม่กิน 1 หลัง เปิดสอน 4 ชั้นคือ ป.1 ป.2 ป.3 และ ป.4 ณ ช่วงเวลาหนึ่งมีครู 3 คน ครูใหญ่ 1 คน อยู่มาไม่นาน โรงเรียนถูกยุบครูใหญ่ย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นแต่ต่อมาไม่นานนัก ครู 2 คนก็ได้รับพิจารณาให้ย้ายเหลือดิฉันอยู่โรงเรียนนั้นเพียงคนเดียว

ชุมชนรอบโรงเรียนมีอาชีพทำนาทุกหลังคาเรือน และเป็นชุมชนชาวเขมรที่ผู้เฒ่าผู้แก่บางคน ยังพูดภาษาไทยไม่ได้ ในเวลานั้นไม่มีไฟฟ้า และน้ำบาดาลน้ำประปา มีเพียงเทียนไข น้ำบ่อ และน้ำฝน เด็กนักเรียนของดิฉันมีรองเท้าใส่ไม่ถึง 10 คน มีชุดนักเรียนมากกว่า 1 ชุด คงน้อยกว่า 5 คน

ดิฉันมองไปที่โรงเรียนขนาดกลางและใหญ่ ที่อยู่ในละแวกใกล้กันพบว่าฐานะทางเศรษฐกิจของชุมชนก็ไม่แตกต่างกับโรงเรียน ที่ดิฉันสอนมากนักแต่เพราะปริมาณนักเรียนที่มีมากกว่า อาคารเรียนดูมีหลักฐานมั่นคงกว่าสวัสดิการของครูในโรงเรียนดีกว่า เพราะมีบ้านพักครู มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจาก สปอ. ดีกว่า เช่น หากมีการอบรมสัมมนาครูที่จะได้รับเลือกไปเข้าร่วมอบรม ทั้งระดับอำเภอ จังหวัด หรือให้มาถึงกรุงเทพฯก็ตาม เป็นครูจากโรงเรียนใหญ่ทั้งสิ้น การจัดสรรงบประมาณรายหัวที่บอกว่าให้ตามรายหัวนักเรียนเท่ากันทุกคนเป็นการให้ที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากันการ จัดสรรให้ความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษก็เช่นกัน จะได้กับครูโรงเรียนใหญ่มีอัตราส่วนครูมากกว่า โรงเรียนเล็กเสียงจึงค่อย ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ครูหลายคนพยายามย้ายเข้าไปอยู่โรงเรียนขนาดใหญ่กว่า โรงเรียนเดิมขึ้นเรื่อยๆแล้วเด็กและเยาวชนที่อยู่ในโรงเรียนเล็กใครจะเหลียวแล

มาถึง ณ เวลานี้ปัญหาขาดแคลนครูทวีความรุนแรงมากขึ้น จากผลโครงการเกษียณก่อนกำหนดครูที่เหลืออยู่ในโรงเรียนแล้วไม่คิดจะเข้า โครงการฯ ในปีแรกก็ต้องเปลี่ยนใจในปีต่อมา เพราะรับภาระเพิ่มจากที่มีมากอยู่แล้วไม่ไหวแม้รัฐบาลจะพยายามจัดสรรครู อัตราจ้างให้ ก็ยังไม่เท่าที่ครูขอเกษียณก่อนกำหนดออกไปอีกประการหนึ่งที่ขาดแคลน ก็เป็นผลมาจากคิดอัตราส่วนครู : นักเรียนไม่สมดุลกับความเป็นจริงยังมีโรงเรียนขนาดเล็กอีกนับหมื่นโรงเรียน ที่มีจำนวน

ชั้นเรียนมากแต่จำนวนนักเรียนน้อย ถ้าคิดอัตราส่วนครู : นักเรียน 1 : 25 จะพบว่ามีครูเกิน(แต่ไม่เกิน) อยู่ตามโรงเรียนเล็กๆ นับพันโรงเรียนที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่ทำให้ครูพยายามย้ายตัวเองไปอยู่โรงเรียนใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น

ในปีการศึกษา 2546 และปีต่อๆไป จะมีนักเรียนที่จะเรียนระดับมัธยมศึกษาเพิ่มขึ้นเพราะ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชนไทยในการรับการศึกษาไม่น้อย กว่า 12 ปีอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย แล้วถ้าจำนวนครูยังคงมีใกล้เคียงกับทุกวันนี้จะให้ใครสอนนักเรียนเหล่านั้น โดยเฉพาะวิชาหลัก เช่น ไทย คณิต อังกฤษ วิทย์คอมพิวเตอร์

หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ เช่นเสนอว่ากระทรวงศึกษาธิการมีครูเกินเกือบแสนคนและว่าการแก้ปัญหาครูไม่พอในโรงเรียนไม่ใช่บรรจุครูเพิ่ม แต่ให้ส่งครูช่วยราชการกลับต้นสังกัดจัดการบริหารเกลี่ยครูจากโรงเรียนครูเกิน ไปโรงเรียนที่ขาดครู ใช้หลักการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรครูร่วมกัน(โดยเฉพาะวิชาที่ขาดแคลนครู เช่น วิทย์ คณิต อังกฤษ คอมพิวเตอร์)

คงมีอีกหลายวิธีที่กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่นๆ ได้พยายามเสนอแนะ แต่เวลาปฏิบัติจริงโดยเฉพาะเกลี่ยครูจากโรงเรียนครูเกิน(ซึ่งมักจะเป็น โรงเรียนใหญ่)ไปโรงเรียนที่ขาดครูเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่งนัก

ที่ดิฉันเล่าประวัติตัวเองเมื่อครั้งที่เป็นครูในโรงเรียนขนาดเล็กก็เพื่อจะบอกว่าการทำให้ครูย้ายไปอยู่ในโรงเรียนเล็กเองโดยสมัครใจหรือการตรึงครูโรงเรียนเล็กไม่ให้ขอย้ายออกน่าจะเป็นหนทางการเกลี่ยครูที่ดีมากกว่าเป็นคำสั่งราชการ

จากประสบการณ์ที่เล่ามาดิฉันจึงเห็นว่าหากทำโรงเรียนเล็ก(ในป่า)ให้น่าอยู่ ก็จะเป็นแรงจูงใจได้ไม่น้อยเช่น

1. ปรับปรุงโรงเรียนที่มักจะเป็นอาคารเก่าๆ ไม้ผุๆ เก้าอี้ -โต๊ะของนักเรียนโยกเยกผุพัง บานหน้าต่างชำรุด ขอสับหน้าต่างไม่มี ฯลฯสิ่งเหล่านี้ควรปรับปรุงให้ทั้งนักเรียนและครู ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สวยงามโรงเรียนสะอาด สีสันสดใส เครื่องใช้ โต๊ะ - เก้าอี้ กระดานดำ น่าใช้น่าเรียนขอเสนอนี้ มิใช่อยากจะให้ครู - นักเรียนติดบ่วงวัตถุภายนอกร่างกายแต่คงไม่ปฏิเสธว่าใครได้อยู่ในสภาพแวด ล้อมที่ดีย่อมมีจิตใจสดใส ทำงานมีความสุข

2.จัดสร้าง หรือปรับปรุง บ้านพักครูให้น่าอยู่มีการทาสีบ้านพัก ครูให้ดูใหม่ สดใสจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ไฟฟ้า น้ำบาดาลที่จะใช้ตลอดปีหรือจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องปั่นไฟ ให้เป็นพิเศษเมื่อครูมีที่พักอาศัยน่าอยู่ไม่ลำบาก กันดาร สมเกียรติศักดิ์ศรีความเป็นครูก็จะเป็นแรงจูงใจสำคัญ

3. คิดอัตราส่วนครูสายสนับสนุนการสอนให้เป็นกรณีพิเศษเพื่อให้มีผู้ช่วยครูทำงาน
ธุระ การ รวมทั้งงานนักการภารโรงครูจะได้มีเวลากับการสอนนักเรียนมากขึ้น แต่ถ้าคิดอัตราส่วนตามจำนวนนักเรียนโรงเรียนขนาดเล็กอาจไม่ได้รับจัดสรร อัตรา ครูต้องการทำงานธุระการและงานภารโรงเองใครจะอยากย้ายมาอยู่โรงเรียนเล็กหรือ ครูที่อยู่โรงเรียนเล็กคงขอย้ายออกจากโรงเรียนเมื่อมีโอกาส

4. จัดสรรเงินรายหัวให้โรงเรียนขนาดเล็กเป็นกรณีพิเศษเพราะอย่าง ที่เล่าแต่ต้นว่าโรงเรียนขนาดเล็กได้รับเงินรายหัวเท่ากับโรงเรียนขนาดใหญ่ แต่เมื่อรวมจำนวนเงินแล้วเป็นงบประมาณที่ไม่มากนัก ซื้อสื่อ - วัสดุอุปกรณ์ คุณภาพดีราคาสูงนักไม่ได้ทำให้ต้องซื้อใหม่บ่อยครั้งจึงเปรียบเหมือนได้รับ จัดสรรเท่ากันแต่ไม่เท่ากันหากโรงเรียนเล็กได้รับจัดสรรเป็นกรณีพิเศษได้จะ เป็นแรงจูงใจให้กับครูนอกเหนือจากคุณภาพชีวิตส่วนตัวแล้วยังเป็นแรงจูงใจใน ด้านวิชาชีพด้วย เนื่องจากได้ใช้สื่อ-อุปกรณ์การสอนคุณภาพดีทันสมัย ส่วนจะจัดให้ใครเป็นกรณีพิเศษอย่างไรคงต้องคิดในรายละเอียดต่อไป

5. จัดสวัสดิการพิเศษอื่นๆแก่ครูในโรงเรียนเล็กและห่างไกล กันดารเช่นมี งบประมาณค่าน้ำมันรถ จัดสวัสดิการอาหารกลางวันให้โอกาสก่อนในการที่จะได้รับการอบรมสัมมนาเพื่อ พัฒนาด้านวิชาการของครูในโรงเรียนขนาดเล็กหรือถ้าจะให้เป็นคูปองสำหรับอบรม ก็ควรได้รับคูปองมูลค่ามากกว่า
ข้อเสนอเหล่านี้เป็นการประมวลจากประสบการณ์ครูโรงเรียนขนาดเล็กที่สุดถ้าผู้บริหารเหลียวมามองและหาทางช่วยเหลือแก้ไขกฎระเบียบเพื่อจูงใจครูให้อยากอยู่ในโรงเรียนเล็กต่อไปหรือถึงขั้นเป็นแรงจูงใจให้ย้ายไปอยู่โรงเรียนเล็กก็ คงเป็นอานิสงส์ไม่น้อยการเกลี่ยครูที่ใช้ทั้งวิธีขอร้อง บังคับ ขู่เข็ญ คงจะลดลงได้ส่วนครูดีมีอุดมการณ์อยากพัฒนาโรงเรียนเล็กๆ ให้ก้าวหน้าด้วยความมุ่งมั่นจะได้มีกำลังใจไม่ย้ายหนีออกจากโรงเรียนเหมือน อย่างทุกวันนี้

นักวิชาการศึกษาสปช.
คณะทำงานฝ่ายเลขานุการ รมช.ศธ.
19 ส.ค. 2545

แหล่งที่มา :   ดร. บรรเจอดพร รัตนพันธุ์

อัพเดทล่าสุด