วันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์
พระราชพิธีฉัตรมงคล
วันฉัตรมงคล พระราชพิธีฉัตรมงคล ประวัติ ความเป็นมา และการประกอบพระราชพิธี
วันฉัตรมงคล เป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงรับพระบรมราชาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ กล่าวคือ พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาอยู่ ณ ทวีปยุโรป จนกระทั่งทรงบรรลุนิติภาวะ แล้วจึงได้เสด็จนิวัติประเทศไทย และรัฐบาลไทย ได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกถวาย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 เหล่าพสกนิกรชาวไทย ได้ถือเอาวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคลรำลึก |
|
ประวัติความเป็นมาของการจัดพิธีบรมราชาภิเษก |
การ จัดพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพิธีที่จัดต้อนรับหรือรับรองฐานะความเป็นประมุขของสังคม อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ซึ่งมีมาแต่ครั้งพ่อขุนผาเมือง ได้อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนบางกลางท่าว ให้เป็นผู้ปกครองเมืองสุโขทัย ดังปรากฏในหลักฐานในศิลาจารึกวัดศรีชุมของพญาลิไท ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระองค์ได้ทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมของชาติทุกสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นฟูพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้ถูกต้องสมบูรณ์ พระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะไม่ใช้คำว่า "พระบาท" นำหน้า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" และคำสั่งของพระองค์ก็ไม่เรียกว่า "พระบรมราชโองการ" และที่สำคัญประการหนึ่งคือ จะยังไม่มีการใช้ นพปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 9 ชั้น ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณ ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2493 เป็นวันจุดเทียนชัย และวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 อันเป็นวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สำหรับขั้นตอนของพิธีที่สำคัญต่างๆ แบ่งออกเป็น 5 ลำดับ ดังนี้ 1. ขั้นเตรียมพิธี 2. พิธีเบื้องต้น 3. พิธีบรมราโชวาท 4. พิธีเบื้องปลาย และ 5. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เพระราชพิธีที่ประกอบขึ้นก่อนวันพระฤกษ์บรมราชาภิเษก ขั้นเตรียมพิธี มีการตักน้ำและตั้งพิธีเสกน้ำสำหรับถวายเป็นน้ำอภิเษก และน้ำสรงมูรธาภิเษก สำหรับน้ำอภิเษกนั้น ต้นตำราให้ใช้น้ำจากสถานที่สำคัญต่าง ๆ 18 แห่ง และทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ พุทธเจดีย์ที่สำคัญตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร แล้วส่งเข้ามาเจือปนเป็นน้ำมูรธาภิเษกให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสรง และทรงรับน้ำอภิเษกในวันพระราชพิธีราชาอภิเษกต่อไป พระพุทธเจดีย์ที่สำคัญที่ตั้งพิธีทำน้ำอภิเษก ทั้ง 18 แห่ง คือ |
1. จังหวัดสระบุรี | ที่ตั้งพระพุทธบาท | 2. จังหวัดพิษณุโลก | ที่ตั้งวัดพระศรีมหาธาตุ | 3. จังหวัดสุโขทัย | ที่ตั้งวัดพระมหาธาตุ | 4. จังหวัดนครปฐม | ที่ตั้งพระปฐมเจดีย์ | 5. จังหวัดนครศรีธรรมราช | ที่ตั้งวัดพระมหาธาตุ | 6. จังหวัดลำพูน | ที่ตั้งวัดพระธาตุหริภุญชัย | 7. จังหวัดนครพนม | ที่ตั้งวัดพระธาตุพนม | 8. จังหวัดน่าน | ที่ตั้งวัดพระธาตุแช่แห้ง | 9. จังหวัดร้อยเอ็ด | ที่ตั้งวัดบึงพระลานชัย | 10. จังหวัดเพชรบุรี | ที่ตั้งวัดมหาธาตุ | 11. จังหวัดชัยนาท | ที่ตั้งวัดพระบรมธาตุ | 12. จังหวัดฉะเชิงเทรา | ที่ตั้งวัดโสธร | 13. จังหวัดนครราชสีมา | ที่ตั้งวัดพระนารายณ์มหาราช | 14. จังหวัดอุบลราชธานี | ที่ตั้งวัดศรีทอง | 15. จังหวัดจันทบุรี | ที่ตั้งวัดพลับ | 16. จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ที่ตั้งวัดมหาธาตุ อำเภอไชยา | 17. จังหวัดปัตตานี | ที่ตั้งวัดตานีณรสโมสร | 18. จังหวัดภูเก็ต | ที่ตั้งวัดทอง | |
น้ำสำหรับ มูรธาภิเษกเป็นน้ำที่เจือด้วยน้ำจากปัญจมหานทีในอินเดีย คือ แม่น้ำคงคา ยมนา อิรวดี สรภู มหิ และจากปัญจสุทธคงคา ในแม่น้ำสำคัญทั้ง 18 ของไทย คือ |
1. แม่น้ำเจ้าพระยา | ตักที่ตำบลบางแก้ว จังหวัดอ่างทอง | 2. แม่น้ำเพชรบุรี | ตักที่ตำบลท่าชัย จังหวัดเพชรบุรี | 3. แม่น้ำราชบุรี | ตักที่ตำบลดาวดึงส์ จังหวัดสมุทรสงคราม | 4. แม่น้ำป่าสัก | ตักที่ตำบลท่าราบ จังหวัดสระบุรี | 5. แม่น้ำบางปะกง | ตักที่ตำบลบึงพระอาจารย์ จังหวัดนครนายก | |
และ น้ำ 4 สระ คือสระเกษ สระแก้ว สระคงคา สระยมนา ในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเคยใช้เป็นน้ำสรงมาแต่โบราณ นอกจากนี้ยังมีพิธีจารึกพระสุพรรณบัฎดวงพระบรมราชสมภพ (ดวงเกิด) และแกะพระราชลัญจกร (ดวงตราประจำรัชกาล) โดยได้มีการประกอบพิธีจารึกพระสุพรรณบัฎในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2493 ในพระโบสถวัดพระศรีศาสดาราม พิธีในเบื้องต้น มีการตั้งน้ำวงด้าย จุดเทียนชัย และเจริญพระพุทธมนต์ในการพระบรมราชาภิเษก พิธีบรมราชาภิเษก เริ่มด้วยการสรงพระมุรธาภิเษกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรพระราชอาสน์ ราชบัณฑิตและพราหมณ์นั่งประจำ 8 ทิศ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ถวายดินแดนแต่ละทิศให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคุ้มครอง (ในรัชกาลนี้ได้เปลี่ยนจากราชบัณฑิตเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน) ในวันที่ 5 พฤษภาคม อันเป็นวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสรงมูรธาภิเษก แล้วทรงเครื่องต้นเสด็จออกประทับ เหนือพระที่นั่งอัฐทิศภายใต้สตปฎลเศวตฉัตร (ฉัตร 7 ชั้น) สมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภิเษก และพราหมณ์ทำพิธีถวายน้ำเทพมนต์เวียนไปครบ 8 ทิศ เจ้าพระยาศรีธรรมธิเบศ (จิตต์ ณ สงขลา) ประธานวุฒิสมาชิกสภา ถวายพระพรเป็นภาษามคธ และนายเพียร ราชธรรมนิเทศ ประธานสภาผู้แทนราษฎรถวายพระพรเป็นภาษาไทย พระราชครูวามเทพมุนี ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตร 9 ชั้น) แล้วเสด็จพระราชดำเนินสู่พระที่นั่งภัทรบิฐ พราหมณ์ร่ายเวทเปิดศิวาลัยไกลาสทูลเกล้าฯ ถวายพระสุพรรณบัฏ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค และพระแสงอัษฎาวุธ ด้วยภาษามคธ |
ที่มา กรมการศาสนา