เหงือกบวมในเด็ก - วิธีบรรเทาอาการเหงือกบวมในเด็กเล็ก | |||||||||
โครงสร้างและชนิดของฟันโครงสร้างภายนอก ฟันแต่ละซี่เมื่อดูลักษณะภายนอกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1. ตัวฟัน คือ ส่วนของฟันที่ขึ้นมาพ้นกระดูกขากรรไกรและเหงือก เป็นส่วนที่มองเห็นได้ภายนอกในช่องปาก 2. รากฟัน คือ ส่วนขอบงฟันที่ฝังอยู่ขากรรไกรมีเยื่อปริทันต์ยึดติดอยู่กับกระดูก ภายใน ฟันประกอบด้วยชั้นต่าง ๆ เรียงลำดับจากส่วนนอกเข้าไป ดังนี้ 1. เคลือบฟัน เป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุด 2. เนื้อฟัน มีความแข็งแรงใกล้เคียงกับกระดูก 3. โพรงประสาทฟัน อยู่ใจกลางของตัวฟัน ชนิดของฟันฟันคนเรามี 2 ชนิด ได้แก่ 1. ฟันน้ำนม มี 20 ซี่ ซี่แรกขึ้นเมือเด็กอายุประมาณ 6 เดือน และซี่ต่อๆมาจะขึ่นตามมาจนครบเมื่ออายุประมาณ 2.5 – 3 ปี 2. ฟันแท้ มี 32 ซี่ ซี่แรกขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 ปี รูปร่างและหน้าที่ของฟันฟันหน้า เป็นฟันที่อยู่ทางด้านหน้าตรงกลาง เป็นฟันบน 4 ซี่ เป็นฟันล่าง 4 ซี่ รูปร่างแบน บาง มี 1 ราก ใช้ตัดหรือกัดอาหาร ให้ความสวยงามและช่วยในการพูดออกเสียง ฟันเขี้ยว เป็นฟันที่อยู่ถัดไปตรงมุมปาก ซ้าย – ขวา บน – ล่าง ตำแหน่งละ 1 ซี่ รวม 4 ซี่ ปลายฟันค่อนข้างแหลม มีรากยาว 1 ราก เป็นฟันที่แข็งแรงมาก ใช้ฉีกอาหารและช่วยรักษามุมปากไม่ให้บุ๋ม ฟันหลัง เป็นฟันที่อยู่ถัดฟันเขี้ยวไปทางด้านหลังทั้งหมดแบ่งเป็น ฟันกรามน้อย (ไม่มีฟันน้ำนม) ซ้าย – ขวา บน – ล่าง ตำแหน่งละ 2 ซี่ มี 1 – 2 ราก ทำหน้าที่ขบเคี้ยวอาหาร ที่เหลืออีก 12 ซี่เป็นฟันกราม (ในฟันน้ำนมมี 8 ซี่ ) ซ้าย – ขวา บน – ล่าง ตำแหน่งละ 3 ซี่ มี 2 – 3 ราก มีขนาดใหญ่ที่สุด หน้าตัดกว้างใช้บดเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน ช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป เนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับฟันเหงือก - เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ชิดกับบริเวณคอฟัน คลุมอยู่บนกระดูกขากรรไกรที่รองรับฟัน ป้องกันอันตรายต่ออวัยวะข้างใต้ - เหงือกโดยปกติมีสีชมพูอ่อน อาจมีสีคล้ำตามสีผิวของแต่บุคคล เนื้อแน่น ขอบเหงือกบางแนบ และโค้งเว้าไปตามลักษณะคอฟันแต่ละซี่ - เหงือกที่อยู่ระหว่างซอกฟันจะเป็นรูปสามเหลี่ยม มียอดแหลมเต็มซอกฟัน - ระหว่างขอบเหงือกและตัวฟัน ไม่ได้ติดกันสนิท แต่จะมีร่องโดยรอบประมาณ 1 - 3 มิลลิเมตร ซึ่งร่องนี้ถ้าทำความสะอาดไม่ดี มีคราบจุลินทรีย์และหินน้ำลายสะสม ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก เกิดโรคปริทันต์ มีการทำลายของกระดูก เหงือกร่น ฟันโยกได้ เนื้อเยื่อปริทันต์ปกติแล้วมองไม่เห็นในช่องปาก เพราะเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ ยืดหยุ่นได้เล็กน้อยจึงช่วยกระจายแรงบดเคี้ยวจากฟันไปยังกระดูกขากรรไกรได้ กระดูกขากรรไกรประกอบด้วย กระดูกขากรรไกรบนและล่าง ซึ่งกระดูกขากรรไกรล่างจะมีความหนาแน่นทึบมากกว่า กระดูกที่รากฟันฝังตัวอยู่เรียกว่า กระดูกเบ้ารากฟัน โดยกระดูกบริเวณนั้นจะโค้งเว้าไปตามรูปร่างของรากฟันแต่ละซี่ ถ้ากระดูกมีความสมบูรณ์แข็งแรง ฟันจะยึดติดแน่นแต่ถ้าเมื่อใดมีการทำลายของกระดูกเกิดขึ้น อาจเนื่องจากคราบจุลินทรีย์หรือโรคทางระบบ เช่น เบาหวาน โรคเลือด ฟันจะโยก ปวด บวม ไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติได้ อวัยวะอื่น ๆ ในช่องปากลิ้น เป็นอวัยวะสำคัญอย่างยิ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับฟัน ลิ้นนอกจากจะทำหน้าที่ในการกวาด รวบรวมอาหารส่งไม่ให้ฟันบดเคี้ยวได้สะดวกแล้วลิ้นยังช่วยในการพูดออกเสียง เช่น ฟ ซ และที่สำคัญคือ ลิ้นสามารถรับความรู้สึก รับสัมผัส และรับรสอาหารได้ไว ต่อมน้ำลายในกระบวนการบดเคี้ยว ต่อมน้ำลายจะถูกกระตุ้นให้หลั่งน้ำลาย เพื่อช่วยในการผสมอาหารให้มีความชื้น นุ่ม ลื่น พร้อมสำหรับการกลืนและช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่อวัยวะอื่น ๆ ในช่องปาก เยื่อบุช่องปาก ได้แก่บริเวณผนังของกระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก ซึ่งเป็นส่วนประกอบภายในช่องปากที่ช่วยในการบดเคี้ยว และการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ในช่องปาก ดังนั้นจึงเป็นส่วนที่ควรดูแลให้ความสำคัญให้อยู่สภาพปกติเสมอเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ คราบจุลินทรีย์คืออะไร คราบจุลินทรีย์เกิดจากการรวมตัวของเชื้อ มิวแทนส์ สเตรปโคอคไค กับโปรตีนใน น้ำลาย เกาะแน่นตามผิวเรียบของฟัน จึงไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการบ้วนปากในระยะแรก ๆ จะเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ สังเกตได้ยาก เมื่อรวมตัวกันมาก ๆ จะรวมตัวกันเป็นคราบสีเหลืองๆ มองเห็นด้วนตาเปล่าได้ชัดเจน บริเวณที่พบได้มากคือ ตามบริเวณคอฟัน ซอกฟัน หลุมร่องฟัน ชาวบ้านทั่วไปมักเรียกคราบจุลินทรีย์ว่า ขี้ฟัน
คราบจุลินทรีย์ทำให้ฟันผุได้อย่างไร เชื้อจุลินทรีย์ในคราบจุลินทรีย์ คือ ต้นเหตุของฟันผุเพราะขณะที่เชื้อจุลินทรีย์เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังจะปล่อยกรดออกมาทำให้ค่าความเป็นกรดด่างของสภาพแวดล้อมของฟัน เปลี่ยนจากภาวะความเป็นกลาง ( ค่า pH= 7) กลายเป็นกรด ( ค่า pH= 5.5 – 4.5) ทำให้ผลึกของแคลเซียมฟอสเฟตในผิวเคลือบฟันแตกตัวออกจากตัวฟันได้ เกิดภาวะการสูญเสียแร่ธาตุออกจากผิวเคลือบฟันอย่างช้า ภาวะเช่นนี้จะเกิดราว 20 – 30 นาที สภาพแวดล้อมของฟันจึงจะกลับสู่สภาวะปกติ และเกิดการคืนกลับของแร่ธาตุจากน้ำลายสู่ตัวฟัน เพื่อซ่อมแซมผิวฟันให้คืนสู่สภาพปกติได้ตามธรรมชาติ แต่หากกินอาหารที่มีน้ำตาลบ่อย ๆ จุลินทรีย์จะสร้างกรดได้บ่อย ทำให้การสูญเสียแร่ธาตุออกจากตัวฟันเกิดได้มากกว่ากระบวนการคืนกลับของแร่ธาตุ ฟันจึงผุเป็นรู
โรคฟันผุ ภายหลังการกินอาหาร เชื้อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในคราบจุลินทรีย์บนตัวฟันจะเจริญเติบโตโดยใช้สารอาหารพวกแป้งและน้ำตาลที่ตกค้างอยู่ในปาก ผลจากการย่อยสลายจะเกิดเป็นกรดไปกัดกร่อนฟันทำให้ฟันผุเป็นรูโดยเริ่มผุที่ชั้นเคลือบฟันแล้วลุกลามไปที่ชั้นเนื้อฟัน และในที่สุดเมื่อผุถึงชั้นโพรงฟันก็จะเกิดอาการปวดฟัน
องค์ประกอบที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ 4 ประการ คือจุลินทรีย์ สารอาหาร ฟัน และระยะเวลาที่เหมาะสม หากขาดองค์ประกอบหนึ่งแล้วก็จะไม่เกิดโรคฟัน
อาการและการรักษาโรคฟันผุ ระยะที่ 1 กรดเริ่มทำลายชั้นเคลือบฟัน อาจเห็นเป็นรอยสีขาวขุ่นบริเวณที่เป็นผิวเรียบของฟัน หรือตามหลุมร่องฟันมีสีเทาดำ ยังไม่มีอาการ การรักษา โดยการอุดฟัน ระยะที่ 2 กรดกัดกร่อนลึกลงไปถึงชั้นเนื้อฟัน มีสีเทาดำ เห็นรูผุชัดเจนขึ้น มีเศษอาหารติด การผุชั้นนี้จะลุกลามเร็วกว่าระยะแรกเนื่องจากเนื้อฟันแข็งแรงน้อยกว่าชั้นเคลือบฟัน จะเริ่มมีอาการเสียวฟัน เมื่อถูกของร้อน เย็นหรือหวานจัด การรักษา โดยการอุด ระยะที่ 3 ผุถึงโพรงประสาทฟัน มีลักษะเป็นโพรงใหญ่สีดำ มีการอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงฟันทำให้มีอาการปวดฟันรุนแรงอาจปวดตลอดเวลา หรือปวดเป็นพัก ๆ ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ การผุจะลุกลามจนเกิดหนองทำให้เหงือกบวม การรักษา 1. การถอนฟันออก 2. กรรักษาครองรากฟันเพื่อเก็บฟันไว้ แล้วอุดฟันหรือคลอบฟัน โรคเหงือกอักเสบ ลักษณะทั่วไปของเหงือกสี เหงือกปกติ มีสีชมพู ในคนผิวดำอาจพบเหงือกสีเข้มได้ ขนาด ขนาดของเหงือกขึ้นอยู่กับจำนวนรวมของเซลล์สารระหว่างเซลล์และเลือดที่มาเลี้ยง รูปร่าง รูปร่างของเหงือกสามเหลี่ยมระหว่างฟันจะขึ้นกับลักษณะรูปร่างของการเรียงตัวของฟัน ลักษณะพื้นผิว พบลักษณะผิวส้มที่บริเวณเหงือกยึดจะเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อผิวเหงือกแห้ง ความยืดหยุ่น เหงือกมีลักษณะแน่น แข็ง และยืดหยุ่นยึดติดแน่นกับผิวฟัน ร่องเหงือก เหงือกสภาพปกติ เมื่อเครื่องมือปริทันต์วัดจะมีความลึก0.5-3.0 มิลลิเมตร สาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ โรคเหงือกอักเสบจะมีสาเหตุมาจากแผ่นคราบจุลินทรีย์และระคายเคืองของหินน้ำลายหรือหินปูนซึ่งมีลักษณะแข็งและขรุขระ ลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ โรคเหงือกอักเสบมีลักษณะบวมของเหงือก เลือดออกง่าย หากปล่อยทิ้งไว้ และไม่ทำการรักษาจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นจนเกิดเป็นโรคปริทันต์ตามมา อาการโรคเหงือกอักเสบได้แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เหงือกอักเสบเล็กน้อย มีลักษณะเหงือกบวมแดง มีเลือดออกเล็กน้อยเวลาแปรงฟัน การรักษา รักษาสุขภาพช่องปาก และแปรงฟันให้ถูกวิธีร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน ระยะที่ 2 เหงือกอักเสบปานกลาง เหงือกบวมแดง และมีเลือดออกมากขึ้นกว่า การรักษา ขูดหินน้ำลายและแปรงฟันให้ถูกวิธี ระยะที่ 3 เหงือกอักเสบรุนแรง เหงือกจะมีลักษณะบวมแดงจัด ยอดเหงือกสามเหลี่ยมเป็นกระเปาะหรือแอ่งขอบเหงือกร่นเป็นรอยแยก การรักษาขูดหินน้ำลายและการแปรงฟันที่ถูกวิธี โรคปริทันต์อักเสบ โรคปริทันต์อักเสบ มี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เหงือก อักเสบมีลักษณะบวมแดง เป็นมัน ซึ่งเป็นการลุกลามมาจากโรคเหงือกอักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษา และมักพบว่ามีเลือดออกบริเวณคอฟัน อันเป็นอาการเริ่มแรกของโรคปริทันต์อักเสบ ระยะที่ 2 โรคปริทันต์อักเสบระยะต้น เป็นระยะที่เริ่มมีการทำลายของกระดูกรองรับรากฟัน ฟันเริ่มโยกเล็กน้อย ระยะที่ 3 โรคปริทันต์อักเสบระยะกลาง เป็นระยะที่ทำลายกระดูกรองรับรากฟัน ฟันโยก ระยะที่ 4 โรค ปริทันต์อักเสบระยะปลาย เป็นระยะที่มีการทำลายกระดูกรองงรับรากฟันจนเกือบหมดทั้งซี่ฟัน ทำให้เกิดฝีปลายราก มีอาการปวดร่วมด้วย ซึ่งอาจต้องถอนฟันหรือมีการรักษาที่ยุ่งยากขึ้น การรักษา การขูดหินน้ำลาย การเกลารากฟัน การถอนฟัน การแปรงฟัน การแปรงฟันที่ถูกวิธี การแปรงฟันด้านใกล้แก้ม วางปลายขนแปรงบริเวณขอบเหงือกทำมุม 45องศากับฟัน ขยับแปรงไปมาหลายๆครั้ง ก่อนปัดลง(สำหรับฟันบน) และปัดขึ้น(สำหรับฟันล่าง)พยายามแปรงฟันให้ทั่วทุกซี่ทุกด้าน การแปรงฟันด้านใกล้ลิ้น กระทำเช่นเดียวกับการแปรงฟันด้านใกล้แก้ม การแปรงฟันด้านบดเคี้ยว วางปลายขนแปรงให้ตั้งฉากกับด้านบดเคี้ยว กดเพียงเบาๆแล้วลากไปมาหลายๆครั้งบนฟันทุกซี่ทั้งฟันบนและฟันล่าง การแปรงฟันหน้าด้านในทั้งบนและล่าง การใช้ไหมขัดฟัน | |||||||||
ที่มา gotoknow.org |