อาการก่อนการมีประจำเดือน PMS Easy AdSense by Unreal อาการก่อนการมีประจำเดือน PMS อาการที่ผู้หญิงควรตระหนักแต่อย่าตระหนก ประเด็นนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้หญิงจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นประจำโดยความ ไม่สบายกาย หงุดหงิด และอารมณ์ไม่แจ่มใสเหล่านี้มักเกิดก่อนการมีประจำเดือนไม่กี่วัน ซึ่งเคยมีการศึกษาพบว่า 70-90% ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 25-45 ปี ประสบกับอาการดังกล่าว ที่มีชื่อเรียกว่า อาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome) หรือเรียกสั้นๆว่า PMS รู้จักอาการของ PMS (อาการก่อนมีประจำเดือน) แม้จะไม่มีใครทราบถึงอาการที่แท้จริงของอาการก่อนการมีประจำเดือน แต่คาดว่าสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเต อโรนช่วงระหว่างการตกไข่ในแต่ละเดือน ประมาณ 7-10 วันก่อนการมีประจำเดือน ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางกายและจิตใจ ทั้งนี้ผู้หญิงแต่ละคนจะมีอาการมากน้อยแตกต่างกันตามปัจจัยพันธุกรรมวิถีการ ดำเนินชีวิต และสภาพร่างกายในช่วงนั้นๆ โดยอาการก่อนการมีประจำเดือนที่เกิดขึ้นทั่วไปมักมีอาการคล้ายคลึงกับ หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และหญิงก่อนเข้าสู่วัยทอง โดยสามารถจำแนกผลกระทบได้ 2 ประเภทคือ ทางกายและจิตใจดังนี้ ทางกาย * คลื่นไส้ * วิงเวียน ปวดศรีษะ ปวดไมเกรน * รู้สึกร้อนวูบวาบ * มีสิวขึ้นตามใบหน้า * คัดตึงหรือเจ็บหน้าอก * ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อกระดูกและปวดหลัง * หน้าบวม ตัวบวม หน้าท้องบวมและเท้าบวม * มีอาการท้องอืด ท้องผูกหรือท้องเสีย ทางจิตใจ * นอนไม่หลับ * อารมณ์เสีย หงุดหงิดง่าย * ขี้รำคาญ * เครียด และวิตกกังวล * ซึมเศร้า อ่อนไหวและร้องไห้ง่าย * เจริญอาหาร หรือเบื่ออาหาร อาการก่อนการมีประจำเดือน PMS ตระหนักได้แต่ไม่ต้องตระหนก เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้หญิงที่เข้าข่ายมีอาการก่อนการมีประจำเดือน อาจกำลังวิตกกังวลและอยากหาทางรักษาให้หายขาด อย่างไรก็ตามอาการนี้ไม่ถือเป็นโรคหรือความผิดปกติ เพราะเมื่อประจำเดือนมาเป็นปกติ อาการเหล่านี้ก็จะหายไปเองตามธรรมชาติ ระหว่างนี้ถ้ารู้สึกไม่สบายก็สามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการตามที่ปราก ฎได้ เช่น รับประทานยาแก้ปวดศรีษะ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คุณผู้หญิงรับมือกับอาการก่อนการมีประจำเดือนได้ดียิ่งขึ้น เรามีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ เริ่มจาก 1. เลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม นั่นคือรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละครั้งควรรับประทานปริมาณน้อยๆ แต่รับประทานบ่อยๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด หวานจัด มันจัด ไม่ดื่มชา กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ขณะออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารความสุขหรือเอนดอร์ฟีนออกมาตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดจากอาการก่อนการมีประจำเดือนได้เป็นอย่างดี 3. สวมเสื้อผ้าที่ไม่รัดหรืออึดอัดจนเกินไป สวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าโปร่ง ระบายอากาศได้ดีและไม่มีขนาดเล็กบีบรัดบริเวณท้อง ส่งผลให้ยิ่งไม่สบายตัวและหงุหงิดยิ่งขึ้น 4. รับประทานยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบรรเทาอาการ ผู้หญิงบางคนที่ได้รับผลกระทบจากอาการก่อนการมีประจำเดือนมาก เช่น มีภาวะทางอารมณ์แปรปรวนจนคนรอบข้างอึดอัดใจ ในกรณีนี้สูตินรีแพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาปรับระดับให้ฮอร์โมนเป็นปกติ นอกจากนี้ผู้หญิงบางคนที่มีอาการไม่มาก อาจเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรส วิตามินบีรวม หรือวิตามินซี ที่เชื่อว่าช่วยลดอาการปวดท้อง อาการบวมน้ำและอารมณ์หงุดหงิดได้ สุดท้ายขอย้ำอีกครั้งว่า อาการก่อนการมีประจำเดือนไม่ใช่โรคหรือความผิดปกติ ดังนั้นหากคุณผู้หญิงมีอาการเพียงเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาแพทย์ เพียงแค่ฟิตร่างกายให้แข็งแรงและเตรียมอารมณ์ให้แจ่มใส แต่สำหรับคนที่ได้รับผลกระทบจากอาการก่อนมีประจำเดือนรุนแรง เราขอแนะนำให้จดบันทึกความเปลี่ยนแปลงในร่างกายและจิตใจของตนเองในช่วงนั้น และทำติดต่อกันสัก 2-3 เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบและรุนแรงมากขึ้น การนำสมุดที่จดบันทึกไปปรึกษาแพทย์ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยคุณหมอใน การรักษาได้ค่ะ |
ที่มา www.something.in.th |