ปอเนาะกับการพัฒนาภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมในปัตตานี ยะลา และนราธิวาส1 (ตอนที่ 2) |
|
บทบาทของสถาบันศึกษาปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามต่อชุมชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความสำคัญของปอเนาะอยู่ที่โต๊ะครู ชาวบ้านจะส่งลูกหลานไปเรียนเพราะศรัทธาในโต๊ะครู เรื่องการจัดการเรียนการสอนเป็นเหตุผลรอง บทบาทสำคัญต่อชุมชนคือ ผลผลิตของปอเนาะจะสร้างคนที่มีพื้นฐานศาสนา ปลูกฝังความรู้ทางศาสนา ปลูกจิตสำนึกที่ดีไม่ให้ทำสิ่งที่ชั่วร้าย มีคุณธรรม ระเบียบวินัย ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็จะเป็นคนมีจรรยาบรรณเสมอ ประชาชนในพื้นที่ต้องการให้ศาสนาเป็นผู้ดูแลวีถีชีวิต ต้องการความสำเร็จในโลกนี้ และความปลอดภัยในโลกหน้า ที่ไหนมีศาสนาก็ทำให้เขาปลอดภัย ปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม มีบทบาทสำคัญยิ่งในการอบรมสั่งสอนเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้นำศาสนาในแต่ละหมู่บ้าน อำเภอ หรือจังหวัดส่วนใหญ่ จะผ่านการเรียนจากสถานศึกษาปอเนาะ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ในอดีตปัตตานีเคยเป็นแหล่งเรียนรู้อิสลามศึกษาที่สำคัญและมีชื่อเสียงมาก จะมีนักเรียนจากประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น มาศึกษาในปัตตานี เมื่อสำเร็จแล้วก็จะนำความรู้ที่ได้ไปเผยแผ่ต่อ อันถือว่าเป็นภารกิจที่ผูกมัดกับหลักธรรมของศาสนาอิสลาม ดังนั้น จึงถือเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งว่า สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนั้น เป็นสถานที่ซึ่งผลิตคนให้เป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรม แม้ในปัจจุบันจะมีโรงเรียนรัฐบาลเกิดขึ้นในพื้นที่จำนวนมาก แต่ผู้ปกครองกลับนิยมส่งบุตรหลาน เข้าเรียนสถาบันศึกษาปอเนาะ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมากกว่า เนื่องจากการเรียนศาสนาในโรงเรียนรัฐบาลยังไม่ครอบคลุมพอ และไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งไปกว่านั้น จุดสำคัญของการเรียนศาสนาคือ อัล-กุรอาน แต่ในโรงเรียนรัฐบาลไม่มี นอกจากนี้ ในโรงเรียนรัฐบาลระดับมัธยม การเรียนศาสนายังไม่พร้อม โดยเฉพาะเรื่องคาบเวลาเรียนจะมีแค่ 2 คาบ ขณะที่ปอเนาะจะเรียนประมาณ 6 คาบ ดังนั้น คนในพื้นที่จึงไม่มั่นใจว่าวิชาเรียนศาสนาที่รัฐจัดการนั้น จะตรงตามความต้องการของตน จากภารกิจของสถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่า สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม มีบทบาทและความสำคัญต่อเยาวชนมุสลิมเป็นอันมาก สถาบันทั้งสองแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ให้แสงสว่างและฟูมฟักพวกเขาเหล่า นั้น ให้เป็นคนดีและสมบูรณ์ สามารถดำเนินชีวิตตามครรลองของอิสลามได้อย่างสมดุลในบริบทของสังคมไทย โดยมีโต๊ะครูเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านคุณธรรมจริยธรรม เป็นตัวอย่างในการนำชุมชน เป็นแบบอย่างดีของสังคม และเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนมุสลิม นอกจากนั้น โต๊ะครูก็ยังทำหน้าที่หรือมีบทบาทสำคัญ ในการสร้างสังคมมุสลิมให้มีความเข้มแข็ง โดยวางอยู่บนหลักการเชิญชวนสู่การทำดีและห้ามปรามการทำสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ การที่รัฐมองว่าปอเนาะเป็นสถาบันศาสนานั้น เป็นเพราะรัฐไม่เข้าใจศาสนา จึงแยกศาสนาจากความรู้ มุสลิมที่ดำเนินชีวิตโดยไม่มีความรู้จะไม่มีสิ่งตอบแทนใดๆในโลก อิสลามจะแยกความรู้กับศาสนาไม่ได้เด็ดขาด อิสลามครอบคลุมทุกอย่างแต่บางครั้งเกิดความไม่เข้าใจ จึงเกิดความคลุมเครือทำให้เข้าใจผิด และรัฐก็ไม่ยอมทำความเข้าใจจึงทำให้เกิดปัญหา แต่อย่างไรก็ดี การที่รัฐมองเช่นนั้น เป็นไปได้ว่า เนื่องมาจากระบบการศึกษาที่ไม่มีลายลักษณ์อักษรของปอเนาะนั่นเอง ปัญหาและอุปสรรคของสถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เกิดขึ้นเมื่อ ต้นปี ค.ศ. 2004 บางหน่วยงานได้ทำการศึกษารายละเอียด เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และสถาบันศึกษาปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นอย่างไร เพราะก่อนที่เหตุการณ์ความไม่สงบจะเกิดขึ้นนั้น สถาบันศึกษาดังกล่าวจะไม่ได้รับความสนใจจากสังคมมากนัก โดยเฉพาะสถาบันศึกษาปอเนาะ ว่าเป็นสถานศึกษาหรือสถาบันศาสนา สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันศึกษาทั้งสองนั้นคือว่า ปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสอนอะไรให้กับนักเรียนในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนั้น มีหลักสูตรรองรับหรือใช้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่อย่างไร หรือสถานศึกษาดังกล่าวได้รับงบประมาณจากต่างประเทศในการสนับสนุนจริงหรือไม่ เพียงไร อนึ่ง แม้จะมีการศึกษาและสัมมนาระดมความคิดกันมากมายโดยหน่วยงานของรัฐ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ารัฐขาดความเข้าใจ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือและพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ อีกทั้งยังมีความหวาดระแวงต่อสถาบันศึกษาปอเนาะว่า เป็นสถานศึกษาศาสนาที่สอนให้เป็นศัตรูกับรัฐ สอนในเรื่องที่ก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงต่อชาติ สอนในเรื่องการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐ รัฐจึงควรส่งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความเข้าใจและเป็นกลาง เข้ามาดูแลสอบถามถึงสิ่งที่รัฐสงสัย ไม่ใช่การคาดเดาจากการลงมาสัมผัสเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ควรจะเข้ามาสัมผัสและใช้ชีวิตอยู่ในปอเนาะ มากกว่าทำตามรูปแบบของข้าราชการ ที่มาสอบถามเพียงเล็กน้อยแล้วก็กลับไปรายงาน และรับฟังรายงานที่ขาดรายละเอียดจนเกิดปัญหาด้านความหวาดระแวงขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ เป็นประเด็นปัญหาที่หนักใจสำหรับโต๊ะครู และผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด และประเด็นนี้เช่นกัน ทำให้ในอดีตรัฐได้บังคับให้ปอเนาะ มาจดทะเบียนและแปรสภาพเป็นโรงเรียน ดังที่โต๊ะครูบางท่านไม่เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าว เนื่องจากต้องการที่จะรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของปอเนาะไว้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้รับการแก้ไขมาโดยตลอด จนในที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 2004 ปอเนาะได้ดำเนินการจดทะเบียนอีกครั้ง โดยรัฐให้โอกาสกับโต๊ะครูทุกท่าน ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง ส่วนปัญหาต่างๆ ที่โต๊ะครูบางท่านมีความกังวลว่า รัฐจะเปลี่ยนความเป็นอัตลักษณ์ของสถาบันศึกษาปอเนาะหรือไม่นั้น รัฐก็ได้ยืนยันแล้ว ให้โต๊ะครูดำเนินการสอนแบบดั้งเดิมได้ ด้วยเหตุนี้ การจดทะเบียนของสถาบันศึกษาปอเนาะในครั้งนี้ จึงไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นกับโต๊ะครู อนาคตของปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เป็นสถาบันศึกษาที่จัดการเรียนการสอนศาสนาอิสลาม หรือเป็นแหล่งการเรียนรู้อิสลามที่สำคัญ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของมุสลิมในสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานศึกษาดังกล่าวได้มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงชีวิตมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ จากความมืดมนไปสู่แสงสว่างที่ถูกต้องตามหลักของศาสนา เช่น จากการกราบไหว้บูชาภูตผีปีศาจหรือรูปเจว็ด มาเป็นการศรัทธาและยึดมั่นต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ในอนาคตอันใกล้หรือไกลนั้น สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องคงอยู่พร้อมกับดำรงบทบาทในการผลิตเยาวชนให้เป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรมอย่างแน่นอน แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป ความเจริญด้านเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในสังคมมนุษย์มากขึ้น เนื่องจากชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ยึดหลักการอิสลามในการดำรงชีวิตของเขาอย่างเหนียวแน่นว่า ผู้รู้จะต้องสอนผู้ที่ไม่รู้ หากไม่ปฏิบัติเช่นนั้นแล้ว จะต้องได้รับโทษทางศาสนาอิสลามอย่างแน่นอน ฉะนั้น การยกเลิกหรือการยุบสถาบันศึกษาดังกล่าว เป็นสิ่งที่รัฐไม่สมควรกระทำไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ดังที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีไม่ให้จัดตั้งปอเนาะขึ้นมา ใหม่ หลังจากที่ได้อนุญาตให้โต๊ะครูดำเนินการจดทะเบียน พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงปอเนาะเป็นโรงเรียน แต่เนื่องจากสถาบันศึกษาปอเนาะ เป็นแหล่งเรียนรู้อิสลามที่สำคัญ สถานศึกษาดังกล่าวก็ยังมีการดำเนินการสอน และได้เกิดขึ้นหรือจัดตั้งใหม่มาโดยตลอดไม่หยุดยั้ง แม้ว่าจะขัดกับกฎหมายบ้านเมืองก็ตาม ข้อความที่ได้กล่าวข้างต้นนั้นแสดงให้เห็นว่า การจัดการเรียนการสอนอิสลามศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะนั้น จะต้องคงอยู่กับสังคมมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้สืบไป แต่อาจจะมีการพัฒนาในด้านการจัดการเรียนการสอน โดยการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรืออาจจะมีการเปิดสอนวิชาสามัญหรือวิชาชีพในสถาบันศึกษาปอเนาะ เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาปอเนาะแล้ว สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างมีความสุข สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม อัตลักษณ์ของสถาบันศึกษาดังกล่าว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น จะให้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เพราะโต๊ะครูต้องการที่จะอนุรักษ์ให้สภาพ หรือระบบการจัดการเรียนการสอนในสถาบันศึกษาปอเนาะ ให้เป็นมรดกสืบทอดไปยังลูกหลานของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดไป ส่วนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็เช่นเดียวกันกับสถาบันศึกษาปอเนาะ นับได้ว่าเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ผลิตเยาวชนมุสลิม ให้มีความรู้ด้านศาสนาอิสลาม ควบคู่ความรู้ด้านวิชาสามัญและอาชีพ ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอนาคตนั้น จะต้องเป็นผู้บริหารระดับมืออาชีพ สามารถพัฒนาโรงเรียนให้มีการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ทั้งด้านวิชาศาสนาและวิชาสามัญได้อย่างต่อเนื่อง สรุป พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวมลายูมุสลิมซึ่งถือเป็นคนกลุ่มน้อยในประเทศไทย แต่เป็นคนกลุ่มใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นมุสลิมจึงมีความจำเป็นต้องมีความเข้าใจต่อหลักคำสอนของศาสนา อิสลาม เพราะมุสลิมมีหลักคิดว่า อิสลามคือธรรมนูญและรูปแบบการดำเนินชีวิตของมุสลิมทุกคน และไม่สามารถแยกเรื่องของอาณาจักรออกจากเรื่องของศาสนจักรได้ กล่าวคือ มุสลิมต้องรับรู้และรับผิดชอบในเรื่องของศาสนา และเรื่องทางสังคมโดยแยกออกจากกันไม่ได้ และการอ้างอิงเหตุผลใด ๆ จะใช้อัล-กุรอาน และอัล-หะดิษ เป็นบทสรุปของปัญหาและเหตุผล ตลอดจนเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย สถาบันการศึกษาที่เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมมุสลิมที่สำคัญ คือ สถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความแตกต่างจากสังคมส่วนใหญ่ทั่วไป อย่างไรก็ตามรัฐได้ให้ความสำคัญ และช่วยเหลือสถาบันทั้งสองตลอดมา โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาการศึกษา ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แต่ในภาพแห่งความเป็นจริง ได้เกิดปัญหามากมายในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากขาดการติดตามและความต่อเนื่องจากฝ่ายรัฐ และเรื่องงบประมาณที่ ไม่พอเพียงในการขับเคลื่อนกลไกทางการศึกษาให้เดินไปข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดความเข้าใจและประสบการณ์ทางการศึกษารูปแบบใหม่ของฝ่ายผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งนับเป็น 3 ปัญหาหลักที่ต้องแก้ไขและผลักดันให้เกิดเป็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ---------------------------------------------------- รายการอ้างอิง ขจัดภัย บุรุษพัฒน์. 2519. ไทยมุสลิม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แพร่พิทยา. ฉวีวรรณ วรรณประเสริฐ และคณะ. 2525. ประเพณีที่ช่วยส่งเสริมการผสมผสานทางสังคมระหว่างชาวไทยพุทธกับชาวไทยมุสลิม. เอกสารทางวิชาการของสถาบันเอเชีย อันดับที่ 14. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นันทกาญจน์ เบ็ญเด็มอะหลี. 2542. ปัจจัยที่มีผลต่อการคงสภาพระบบเก่าของโรงเรียนปอเนาะในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นันทวรรณ ภู่สว่าง. 2521. ปัญหาชาวไทยมุสลิมในสี่จังหวัดภาคใต้. กรุงเทพฯ: สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย. ประพนธ์ เรืองณรงค์. 2548. เรื่องเล่าจากปัตตานี. กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊คส์. มูหามัดรูยานี บากา. 2548. ปอเนาะแหล่งเรียนรู้อิสลามชายแดนใต้. สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 12. กระทรวงศึกษาธิการ. ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ พ.ศ. 2547. เอกสารโรเนียว. ศูนย์พัฒนาการศึกษา ภาคการศึกษา 2 จังหวัดยะลา. 2512. รายงานการวิจัยฉบับย่อ เรื่องการจัดการศึกษาของปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้. สมพงษ์ ปานเกล้า. 2541. นโยบายการจัดการศึกษาของรัฐบาลในชุมชนชาวไทยมุสลิม จังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2475-2535). วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริการการศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สุขเกษม สุขภิญโญ. 2533. “ปอเนาะ พัฒนาการในเงื้อมเงาความมั่นคง”, นิตยสารอินซาน ฉบับที่ 5 ปีที่ 1, 5 ธันวาคม 2533. สุภาค์พรรณ ตั้งตรงไพโรจน์และคณะ (บก.). 2549. พหุวัฒนธรรมกับการพัฒนาการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : กรณีศึกษาปอเนาะ. ศรีบูรณ์การพิมพ์ : กรุงเทพฯ. สำนักพัฒนาการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม เขตการศึกษา 2. 2537. 35 ปี เขตการศึกษา 2, น.11-12. อารง สุทธาศาสน์. 2519. ปัญหาความขัดแย้งในสี่จังหวัดภาคใต้. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์. อาหมัด เบ็ญอาหลี. 19 กุมภาพันธ 2547. เมื่อ "ปอเนาะ" ถูกมองในแงราย ผลกระทบและแนวทางพัฒนาเชิงบูรณาการ. มติชนรายวัน : 6. อิบราเฮ็ม ณรงค์รักษาเขต. 2548. “ปอเนาะกับการสร้างอัตลักษณ์ของชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้”, ใน ความรู้กับการแก้ปัญหาความขัดแย้ง กรณีวิกฤติการณ์ชายแดนภาคใต้. อุทัย ดุลยเกษม และเลิศชาย ศิริชัย (บรรณาธิการ). สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มูลนิธิเอเชีย มูลนิธิเดอะวิลเลียมแอนด์ฟลอราฮิวเล็ท. หน้า 65 – 130. ---------------------------------------------------- เชิงอรรถ บทความวิจัยนี้พัฒนามาจากโครงการวิจัยเรื่อง พหุวัฒนธรรมกับการพัฒนาการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : กรณีศึกษาปอเนาะ สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) |
Keywords : ปอเนาะ การพัฒนา พหุวัฒนธรรม สุภาค์พรรณ ตั้งตรงไพโรจน์ นิเลาะ แวอุเซ็ง |
https://www.thaiworld.org/th/include/answer_search.php?question_id=625