:: หมวด 11 ค่าชดเชย
มาตรา 118 ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่ง เลิกจ้างดังต่อไปนี้
(1) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบ หนึ่งปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่า ค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือไม่ น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่ง ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(2) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งปี แต่ไม่ครบสามปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายเก้าสิบวัน หรือไม่น้อยกว่า ค่าจ้างของการทำงานเก้าสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับ ค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(3) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสามปี แต่ไม่ครบหกปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานหนึ่งร้อยแปดสิบวันสุดท้าย สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(4) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหกปี แต่ไม่ครบสิบปีให้ จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสองร้อยสี่สิบวัน หรือไม่ น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสองร้อยสี่สิบวันสุดท้ายสำหรับ ลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(5) ลูกล้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสิบปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อย กว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยวันหรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของ การทำงานสามร้อยวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตาม ผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
การเลิกจ้างตาม มาตรา นี้ หมายความว่า การกระทำใดที่ นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะ เป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความ รวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุ ที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะ เวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น
การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทำได้ สำหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจ หรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของ งานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนด การสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน หรือในงานที่เป็นไปตาม ฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้อง แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปีโดยนายจ้างและลูกจ้างได้ ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง
มาตรา 119 นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
(1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนา แก่นายจ้าง
(2) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
(3) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย อย่างร้ายแรง
(4) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่ง ของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็น ต้องตักเตือน
หนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้ กระทำผิด
(5) ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวัน หยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(6) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา 120 ในกรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ ไปตั้ง ณ สถานที่อื่น อันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตตาม ปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันย้ายสถานประกอบกิจการ ในการนี้ ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วยให้ลูกจ้างมีสิทธิ บอกเลิกสัญญาจ้างได้โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่ น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับ ตาม มาตรา 118
ในกรณีที่นายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบการย้ายสถาน ประกอบกิจการล่วงหน้าตามวรรคหนึ่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชย พิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย สามสิบวัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้าย สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย ด้วย
ลูกจ้างมีสิทธิยื่นคำขอให้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน พิจารณาภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบ กิจการว่า เป็นกรณีที่นายจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือลูกจ้าง มีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างโดยมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษตาม วรรคหนึ่งหรือไม่
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานให้เป็นที่สุด เว้นแต่นายจ้างหรือลูกจ้างจะอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อศาลภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัย ในกรณีที่นายจ้างเป็น ฝ่ายดำเนินคดีไปสู่ศาลนายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างที่ยื่นคำขอตามวรรคสาม จึงจะฟ้องคดีได้
การบอกเลิกสัญญาจ้างตาม มาตรา นี้ ลูกจ้างต้องใช้สิทธิภาย ในสามสิบวันนับแต่วันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ หรือ นับแต่วันที่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานหรือ คำพิพากษาของศาลเป็นที่สุด
มาตรา 121 ในกรณีที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตุ ที่นายจ้างปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต การจำหน่าย หรือ การบริการ อันเนื่องมาจากการนำเครื่องจักรมาใช้หรือเปลี่ยนแปลง เครื่องจักรหรือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนลูกจ้าง ห้าม มิให้นำ มาตรา 17 วรรคสอง มาใช้บังคับ และให้นายจ้างแจ้งวันที่ จะเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้างและรายชื่อลูกจ้างต่อพนักงาน ตรวจแรงงาน และลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า หกสิบวันก่อนวันที่จะเลิกจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง นอก จากจะได้รับค่าชดเชยตาม มาตรา 118 แล้ว ให้นายจ้างจ่ายค่า ชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย หกสิบวัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทำงานหกสิบวันสุดท้ายสำหรับ ลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วยด้วย
ในกรณีที่มีการจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ตามวรรคสองแล้ว ให้ถือว่านายจ้างได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย
มาตรา 122 ในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างตาม มาตรา 121 และลูกจ้างนั้นทำงานติดต่อกันเกินหกปีขึ้นไป ให้นายจ้าง จ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยตาม มาตรา 118 ไม่ น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสิบห้าวันต่อการทำงานครบหนึ่งปี หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสิบห้าวันสุดท้ายต่อการ ทำงานครบหนึ่งปีสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดย คำนวณเป็นหน่วย แต่ค่าชดเชยตาม มาตรา นี้รวมแล้วต้องไม่ เกินค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามร้อยหกสิบวัน หรือไม่เกินค่าจ้าง ของการทำงานสามร้อยหกสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้ รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
เพื่อประโยชน์ในการคำนวณค่าชดเชยพิเศษ กรณีระยะ เวลาทำงานไม่ครบหนึ่งปี ถ้าเศษของระยะเวลาทำงานมาก กว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ให้นับเป็นการทำงานครบหนึ่งปี
[[[[[ คลิก เพื่อคำนวณ การคำนวณการทำงาน 119 วัน ]]]]]]
รูปที่ 1 ตารางแจ้งเตือนวันครบกำหนดทดลองงาน
เงื่อนไขการทำงาน
- วันครบทดลองงาน คือ วันเริ่มงาน + 119 วัน (รวมเป็น 120 วัน)
- ถ้าวันครบทดลองงาน "ตรงกับ" วันปัจจุบัน ให้แสดงคำว่า “ครบแล้ว” หรือ “ครบวันนี้” ในคอลัมน์สถานะ ด้วยอักษรสีแดงตัวหนา
- ถ้าวันปัจจุบัน "เลย" วันครบทดลองงานมาแล้ว ไม่ต้องแสดงข้อความใดๆ ในคอลัมน์สถานะ
- ถ้าวันปัจจุบัน "ยังไม่ถึง" วันครบทดลองงาน ให้แสดงจำนวนวันที่เหลือในคอลัมน์คำเตือน และ
- ถ้าเหลือเวลามากกว่า 15 วัน ให้แสดงคำว่า “ช่วงทดลองงาน” ในคอลัมน์สถานะ
- ถ้าเหลือระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน ให้แสดงคำว่า “ช่วงประเมินผล” ในคอลัมน์สถานะ ด้วยอักษรสีขาวบนพื้นสีแดง พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบเซลล์คำเตือน ให้เป็นอักษรสีขาวพื้นสีแดงด้วยเช่นกัน
อ่าน เงื่อนไขแล้วมึนหรือเปล่าครับ แค่รู้วันครบทดลองงานโดยอัตโนมัติก็นับว่าเก่งแล้ว นี่ยังมีข้อแม้อื่นๆ อีกเช่น การกำหนดรูปแบบตัวอักษร สีพื้น แล้วยังมีการตรวจสอบระยะเวลาอีกว่า ช่วงไหนคือช่วงทดลองงาน ช่วงไหนคือช่วงประเมินผล แต่หน้าที่ของเราผู้ใช้ Excel แบบมืออาชีพคือ การตีโจทย์ให้แตก แล้วคิดวิธีการเขียนสูตรและเลือกใช้ฟังก์ชัน เพื่อให้ตารางข้อมูลพนักงานเข้าใหม่นี้ มีความเก่งในตัวเอง ดังนั้น เรามาช่วยกันออกแบบตารางนี้กันดีกว่าครับ
สร้างตารางการแจ้งเตือน
รูปที่ 2 ตารางแจ้งเตือนวันครบกำหนดทดลองงาน
ขอให้ลองทำตารางข้อมูล ดังตัวอย่างในรูปที่ 2 เพื่อจะได้ลองฝึกปฏิบัติไปพร้อมๆ กันกับที่ผมจะอธิบายแต่ละขั้นตอน
ก่อนอื่น...ที่เซลล์ F1 พิมพ์สูตร =TODAY()
เพื่อให้แสดงวันที่ปัจจุบันเสมอ (แต่...อย่าลืมตั้งวันที่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ตรงกับวันปัจจุบันด้วยนะครับ เดี๋ยวจะยุ่ง)
หาวันครบทดลองงาน
จากที่โจทย์กำหนด วันครบทดลองงานคือ วันเริ่มงาน + 119 ดังนั้นในเซลล์ G3 พิมพ์ =F3+119 เสร็จแล้วก็คัดลอกสูตรจาก G3 ลงมาถึง G10
การแสดงข้อความเตือนในคอลัมน์ "คำเตือน"
โจทย์บอกว่า “ถ้าวันปัจจุบันยังไม่ถึงวันครบทดลองงาน ให้แสดงจำนวนวันที่เหลือในคอลัมน์คำเตือน” ซึ่งวันที่เหลือก็คือ อีกกี่วันจึงจะครบกำหนดทดลองงานนั่นเอง ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว จำนวนวันที่เหลือ (I3) ก็คือ วันครบทดลองงาน (G3) – วันปัจจุบัน (F$1)
แต่หากพิจารณาต่อไปว่า ถ้าวันปัจจุบันยังไม่ถึงวันครบทดลองงาน เมื่อนำวันครบทดลองงานมาลบวันปัจจุบัน ก็จะได้เป็น “ค่าบวก” แต่ในทางกลับกัน ถ้าวันปัจจุบันเลยวันครบทดลองงานแล้ว ก็จะได้เป็น “ค่าลบ”
เราจึงต้องตั้งเงื่อนไขว่า "ถ้าวันปัจจุบันยังไม่ถึงวันครบทดลองงาน ก็ให้เอา วันครบทดลองงาน – วันปัจจุบัน แล้วแจ้งเตือนว่าเหลืออีกกี่วัน, แต่ถ้าวันปัจจุบันเท่ากับวันครบทดลองงานพอดี หรือเลยวันครบทดลองงานไปแล้ว ก็ไม่ต้องแจ้งเตือนใดๆ" ดังนั้นในเซลล์ I3 จึงเขียนสูตรดังนี้
=IF(F$1 < $G3,"เหลืออีก "&$G3-F$1&" วัน","")
แล้วคัดลอกสูตรจาก I3 ลงมาถึง I10
ผังแนวคิดการแสดงข้อความในคอลัมน์ "สถานะ"
รูปที่ 3 แผนผังแสดงแนวคิดในการแสดงข้อความในคอลัมน์ “สถานะ”
จากแผนผังจะเห็นว่า ในขั้นตอนแรกเราจะตรวจสอบดูก่อนว่า วันปัจจุบัน (F$1) เลยกำหนดครบทดลองงาน (G3) หรือยัง ซึ่งถ้าเลยมาแล้ว ก็ไม่ต้องแสดงข้อความใดๆ (หรือใครจะให้แสดงข้อความว่า “เกินวันแล้ว” ก็ได้เหมือนกัน)
ถ้าวันปัจจุบัน (F$1) ยังไม่เกินกำหนดครบทดลองงาน (G3) แต่ตรงกับวันครบทดลองงานพอดี (F$1=G3) ก็ให้แสดงคำว่า “ครบวันนี้”
ส่วนเงื่อนไขสุดท้ายคือ ถ้า วันปัจจุบัน (F$1) ยังไม่ถึงกำหนดทดลองงาน (G3) ให้ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า ยังเหลืออีกกี่วัน (G3-F$1) ซึ่งถ้าเหลือมากกว่า 15 วัน ให้แสดงข้อความว่า “ช่วงทดลองงาน” แต่ถ้าวันที่ยังเหลือนั้นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 15 วันพอดี ก็ให้แสดงข้อความว่า “ช่วงประเมินผล”
รวมแล้วมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 เงื่อนไข เราจึงใช้ฟังก์ชัน IF ซ้อนกัน 3 ชั้น โดยพิมพ์สูตรที่ H3 ดังนี้
=IF(F$1>G3,"",IF(F$1=G3,"ครบวันนี้",
IF(G3-F$1>15,"ช่วงทดลองงาน","ช่วงประเมินผล")))
แล้วคัดลอกสูตรจาก H3 ลงมาถึง H10
การกำหนดรูปแบบเซลล์ตามเงื่อนไข
ผมขอแนะนำ การกำหนดรูปแบบตามเงื่อนไข (Conditional Formatting) เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในหัวข้อนี้ เนื่องจากโจทย์กำหนดเงื่อนไขรูปแบบเซลล์ ในคอลัมน์สถานะไว้ว่า ถ้าแสดงข้อความว่า “ครบวันนี้” ให้รูปแบบอักษรเป็นตัวหนาสีแดง แต่ถ้าแสดงข้อความว่า “ช่วงประเมินผล” ให้รูปแบบอักษรเป็นสีขาวบนพื้นสีแดง ดังนั้นรูปแบบในคอลัมน์สถานะจึงมี 2 เงื่อนไข
ส่วนในคอลัมน์คำเตือนมี เงื่อนไขเดียวคือ ถ้าในคอลัมน์สถานะของบรรทัดนั้นๆ แสดงคำว่า “ช่วงประเมินผล” ก็ให้รูปแบบเซลล์ในคอลัมน์คำเตือนของบรรทัดนั้น เป็นอักษรสีขาวบนพื้นสีแดงเช่นกัน
การกำหนดรูปแบบเซลล์ในคอลัมน์ "สถานะ"
รูปที่ 4 การกำหนดรูปแบบเซลล์ในคอลัมน์ “สถานะ”
- เลือกช่วงเซลล์ H3:H10
- คลิกเมนู Format -> Conditional Formatting (รูปแบบ -> การจัดรูปแบบตามเงื่อนไข)
- กำหนดเงื่อนไขแรก โดยเลือกเงื่อนไขเป็น Formula is (สูตรคือ)
- พิมพ์สูตรลงในช่องว่างทางขวา ดังนี้
=F$1=G3 (วันปัจจุบันเท่ากับวันเริ่มงาน) - คลิกปุ่ม Format… (รูปแบบ..)
- ตั้งค่ารูปแบบตัวอักษร ให้เป็นตัวหนา สีแดง
- คลิกปุ่ม OK (ตกลง) เพื่อกลับมาที่หน้าเดิม
- เพิ่มเงื่อนไขที่สอง โดยการคลิกที่ปุ่ม Add>> (เพิ่ม>>) ที่อยู่ด้านล่าง และเลือกเงื่อนไขเป็น Formula is (สูตรคือ)
- พิมพ์สูตรลงในช่องว่างทางขวา ดังนี้
=AND(G3-F$1<=15,G3-F$1>0)
(วันครบทดลองงาน ลบ วันปัจจุบัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 15 วัน และมีค่ามากกว่าศูนย์) - คลิกปุ่ม Format… (รูปแบบ..)
- ตั้งค่ารูปแบบตัวอักษร ให้เป็นสีขาว และตั้งค่าสีพื้นให้เป็นสีแดง
- คลิกปุ่ม OK (ตกลง) เพื่อกลับมาที่หน้าเดิมอีกครั้ง
- คลิกปุ่ม OK (ตกลง) อีกครั้ง เพื่อจบการตั้งค่า
การกำหนดรูปแบบเซลล์ในคอลัมน์ "คำเตือน"
รูปที่ 5 การกำหนดรูปแบบเซลล์ในคอลัมน์ “คำเตือน”
- เลือกช่วงเซลล์ I3:I10
- คลิกเมนู Format -> Conditional Formatting (รูปแบบ -> การจัดรูปแบบตามเงื่อนไข)
- เลือกเงื่อนไขเป็น Formula is (สูตรคือ)
- พิมพ์สูตรลงในช่องว่างทางขวา ดังนี้
=AND( G3-F$1<=15,G3-F$1>0)
(วันครบทดลองงาน ลบ วันปัจจุบัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 15 วัน และมีค่ามากกว่าศูนย์) - คลิกปุ่ม Format… (รูปแบบ..)
- ตั้งค่ารูปแบบตัวอักษร ให้เป็นสีขาว และตั้งค่าสีพื้นให้เป็นสีแดง
- คลิกปุ่ม OK (ตกลง) เพื่อกลับมาที่หน้าเดิม
- คลิกปุ่ม OK (ตกลง) อีกครั้ง เพื่อจบการตั้งค่า จะได้รูปแบบผลลัพธ์ดังรูปที่ 1 นั่นเอง
ทดลอง ทำตามทีละขั้นตอนนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่าน ในการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง ในเรื่องนี้มีข้อแม้อยู่เรื่องหนึ่ง เนื่องจากมีการใช้ฟังก์ชัน TODAY ในการคำนวณ ดังนั้น การบันทึกวันเข้างาน จึงต้องบันทึกในรูปแบบ ปี ค.ศ. เท่านั้น (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง การกำหนดรูปแบบเซลล์ประเภทวันที่ (Date format) ซึ่งผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว) และวันที่เข้างานนั้น จะต้องเป็นรูปแบบเดียวกันกับวันที่ ที่ได้จากฟังก์ชัน TODAY ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบ d/m/yyyy หรือ m/d/yyyy สุดแล้วแต่การตั้งค่าในแต่ละเครื่อง
Source: https://it-for-hr.blogspot.com/2010/09/blog-post.html