การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง ระบาดวิทยากับโรคหลอดเลือดสมอง


773 ผู้ชม


การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง ระบาดวิทยากับโรคหลอดเลือดสมอง


การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง ระบาดวิทยากับโรคหลอดเลือดสมอง

การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ

แพทย์มักจะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลและให้การรักษาตามสาตุ เช่น

1. ถ้าพบว่าเกิดจากสมองขาดเลือดจากลิ่มเลือดอุดกั้น แพทย์อาจให้ยาละลายลิ่มเลือด ฉีดเข้าไป หลอดเลือดดำ เพื่อเปิดทางให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมอง ทำให้เซลล์สมองไม่ตาย ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นคืนสู่ปกติได้เร็ว   ยานี้จะได้ผลดีต้องให้ภายใน 3 ชั่วโมง หลังมีอาการ
      หลังอาการคงที่แล้ว แพทย์จะให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (นิยมให้แอสไพริน ขนาด 75-325 มก.  กินทุกวัน)  ให้ยาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น  ยาลดความดันเลือด ยาเบาหวาน ยาลดไขมันในเลือด  เป็นต้น ทำการฟื้นฟูร่างกาย  ด้วยการทำกายภาพบำบัด
      ในรายที่ตรวจพบมีหลอดเลือดแดงที่คอตีบอาจให้การรักษาด้วยการผ่าตัดหลอดเลือด หรือใช้บอลลูนขยายหลดเลือด

2. ถ้าพบว่าเกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ก็ให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้น้ำเกลือใส่ท่อหายใจ และเครื่องช่วยหายใจ ควบคุมความดันเลือด ( ถ้าสูงรุนแรง ) ในรายที่มีก้อนเลือดในสมอง  อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดสมองแบบเร่งด่วน    ส่วนในรายที่มีเลือดออกเพียงเล็กน้อย  และไม่กดถูกสมองส่วนที่สำคัญ ก็อาจไม่ต้องผ่าตัด  เมื่อรักษาจนผู้ป่วยปลอดภัย แล้วก็จะทำการฟื้นผู้ร่างกาย ด้วยการทำกายภาพบำบัด

ภาวะแทรกซ้อน

อาจกลายเป็นโรคอัมพาตเรื้อรัง ซึ่งมีความรุนแรงมาน้อยต่างกันไป ขึ้นกับความรุนแรง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย  ในรายที่ลุกนั่งไม่ได้ หรือ นอนแบ๊บอยู่บนเตียงนอน อาจเกิดแผลกดทับที่ก้น หลัง หรือ ข้อต่อต่างๆ บางรายอาจสำลักอาหารเกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจหรือ ปอดอักเสบได้ อาจเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบได้ง่าย หรือเป็นแผลถลอกที่กระจกตาดำ  นอกจากนี้อาจมีความเครียดทางจิตใจ หรือ โรคซึมเศร้าในผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

การดำเนินโรค

ในรายที่เกิดจากสมองขาดเลือดจากลิ่มเลือดอุดตัน  ถ้ามีอาการเล็กน้อย และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก ก็อาจหายเป็นปกติ หรือฟื้นคืนสภาพได้จนเกือบเป็นปกติ จนช่วยตนเองได้ พูดได้ เดินได้ แต่อาจใช้มือได้ไม่ถนัด

  • ในรายที่เป็นรุนแรงหรือได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีก็มักจะมีความพิการหรือบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งต้องการการดูแลจากผู้อื่น นั่งรถเข็น หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน   ส่วนน้อยที่จะพิการรุนแรง  จนต้องนอนแบ๊บอยู่บนเตียง  และ ต้องการผู้ดูแลตลอดเวลา หรือ รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล  โดยทั่วไป การฟื้นตัวของร่างกายมักจะต้องใช้เวลา ถ้าจะดีขึ้นก็จะเริ่มมีอาการดีขึ้นในเห็นภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถช่วยตนเองได้ หรือหายจนเกือบเป็นปกติ  ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลัง 6 เดือนไปแล้ว ก็มักจะพิการอย่างถาวร ซึ่งมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย
  • ในรายที่เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ผลการรักษาขึ้นกับตำแหน่ง และ ปริมาณของเลือดที่ออกสภาพของผู้ป่วย (อายุ โรคประจำตัว) และการเกิดภาวะ แทรกซ้อนต่างๆ 
    • ถ้าเลือดออกในก้านสมอง จะมีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ  90 – 95 ถ้าก้อนเลือดขนาดใหญ่ และ แตกเข้าโพรงสมอง จะมีอัตราการตายถึงร้อยละ 50
    • ถ้าเลือดออกที่บริเวณผิวสมองหรือก้อนเลือดขนาดเล็ก และ ไม่แตกเข้าโพรงสมองจะมีอัตราการตายต่ำ  ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หากรอดชีวิตก็มักจะมีความพิการอย่างถาวร บางรายอาจจะกลายสภาพเป็นผัก หรือ คนนิทรา อยู่นานหลายปี  ในที่สุดมักจะเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ โรคติดเชื้อ ต่างๆ  ส่วนผู้ป่วยที่อายุน้อย ซึ่งมักเกิดจากการแตกของหลอดเลือดผิดปกติมาแต่กำเนิด ถ้าแตกตรงตำแหน่งที่ไม่สำคัญ และได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  มาตั้งแต่แรก มักจะสามารถฟื้นหายได้เป็นปกติ  ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดสมอง แม้ว่าร่างกายจะฟื้นตัวได้ดี แต่ก็คงมีโรคลมชักจากแผลเป็นในสมองแทรกซ้อนตามมาได้  ซึ่งต้องกินยากันชักควบคุมอาการตลอดไป

แหล่งที่มา : vcharkarn.com

อัพเดทล่าสุด