โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เมนูอาหารสําหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ สาเหตุเเละอาการของโรคหัวใจ
หัวใจพิการแต่กำเนิด
เป็นหวัด ไอ เป็นปอดบวมบ่อย หัวใจเต้นเร็ว แรง ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว ก็มีเหงื่อออกมากผิดปกติ
ทั้งหมดนี้คือสัญญาณของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด ปัจจุบันโรคนี้พบได้ประมาณ 8-10 คน
ต่อทารกแรกเกิด 1,000 คน สามารถพบได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก ถ้าได้รับการตรวจ แต่ประมาณร้อยละ 50 ก็ไม่แสดงอาการ
บางรายอาจเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นโรคหัวใจ การตรวจร่างกายลูกตั้งแต่แรกเกิดถึงขวบปีแรกจึงมีความสำคัญมาก
เพราะหากพบภาวะหัวใจพิการจะช่วยให้ลูกได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆได้ เราจึงนำข้อมูลของโรค การรักษา และการป้องกันมาฝากค่ะ
ชนิดของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1.ชนิดที่ 1 โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรง มีอันตรายถึงชีวิต เช่น เส้นเลือดใหญ่ของหัวใจสลับที่ เส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงร่างกายตีบ หัวใจไม่ครบห้อง
2.ชนิดที่ 2 โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดที่อาจทำให้มีอาการหัวใจวายในภายหลัง เช่น ผนังกั้นหัวใจรั่วขนาดใหญ่ ภาวะหัวใจชนิดเขียวบางชนิด
3.ชนิดที่ 3 โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดที่ไม่ทำให้มีอาการ แต่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษหรือต้องเข้ารับการรักษาตอนโต เช่น ผนังกั้นหัวใจรั่วขนาดเล็ก
สาเหตุของการเกิดโรค มาจากหลายสาเหตุดังนี้
1.ลูกมีความผิดปกติของโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) หรือคลอดก่อนกำหนด
2.แม่ติดเชื้อไวรัสระหว่างตั้งครรภ์ เช่น เชื้อหัดเยอรมัน ในระหว่างการตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
3.แม่ได้รับยาหรือสารบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ท้อง ยารักษาโรคจิตเภท ยารักษาโรคซึมเศร้า
4.แม่ติดสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ เหล้า สิ่งเสพติด
5.การได้รับรังสีเอ็กซ์หรือสารกัมมันตรังสีอื่นๆ ระหว่างการตั้งครรภ์
6.ตั้งครรภ์เมื่อสูงอายุหรือมีโรคประจำตัวและไม่ได้รับการควบคุม เช่น เบาหวาน โรคทางอิมมูน ความดันโลหิตสูง โรคทางพันธุกรรม
7.มีประวัติโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในครอบครัว
การรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
การรักษามีหลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะอาการที่เกิดขึ้นดังนี้
1.รักษาด้วยยา ในรายที่หัวใจมีความผิดปกติไม่มากและหายเองได้ เช่น ผนังหัวใจห้องล่างรั่ว หรือในรายที่ยังไม่เหมาะสมต่อการผ่าตัด
อาจจะรักษาด้วยยาไปก่อน รวมถึงการรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ปอดบวม
2.การใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น การใช้สายสวนที่มีปลายบอลลูนเข้าไปขยายลิ้นหัวใจที่ดี ขยายช่องทางติดต่อระหว่างห้องหัวใจด้วยบอลลูน
หรือการใส่เครื่องมือพิเศษเข้าไปอุดรอยรั่ว ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้เฉพาะกรณีผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่มีผนังกั้นห้องบนรั่วหรือในรายที่
หลอดเลือด หรือลิ้นหัวใจตีบคุณหมอจะใส่บอลลูนเข้าไปขยายได้
3.การผ่าตัด เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่การผ่าตัดในรายที่เป็นมาก รักษาด้วยยาไม่ได้ผลหรือทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติของหัวใจ เช่น
การผ่าตัดแก้ไขความพิการ เพื่อปิดรูรั่ว ในปัจจุบันมีการผ่าตัดโดยการสลับเส้นเลือดดำกับแดงให้กลับสู่ปกติ ส่วนผลของการผ่าตัดจะได้
ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติของหัวใจ ขนาดของร่างกายผู้ป่วย ถ้าน้ำหนักตัวน้อยก็จะมีความเสี่ยงสูง
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือกำลังตั้งครรภ์ควรหันมาใส่ใจและศึกษาในเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันลูกน้อยจากภาวะ
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดค่ะ
1.วางแผนครอบครัวที่ดี รักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจของแม่ ตรวจสุขภาพ รับวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ก่อนมีลูกควรได้รับการฉัควัคซีน
ป้องกันหัดเยอรมันก่อนการมีครรภ์
2.ดูแลภาวะโภชนาการให้ดีและหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์
3.หลีกเลี่ยงการใช้รังสีเอ็กซ์หรือสารกัมมันตรังสีอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
4.หลีกเลี่ยงการเข้าที่ชุมนุมชน ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคทั้งไวรัสและแบคทีเรีย
5.หลีกเลี่ยงการมีบุตรเมื่ออายุมาก
เมื่อสงสัยว่าลูกน้อยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือไม่ สามารถตรวจร่างกายวัดระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด
และตรวจวินิจฉัยยืนยันโดยการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง
การตรวจหาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือนิยมเรียกสั้นๆว่า เอ็คโค่ มักทำในทารกแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ
6 สัปดาห์ เป็นการตรวจโดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นความถี่สูง ซึ่งสามารถผ่านผนังทรวงอกไปถึงหัวใจ โดยใช้หัวตรวจชนิด
พิเศษ เมื่อคลื่นเสียงความถี่สูงผ่านอวัยวะต่างๆ จะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับมาเป็นภาพ ซึ่งช่วยให้คุณหมอสามารถวินิจฉัยชนิดของความ
ผิดปกติของหัวใจได้ซึ้งทำได้ง่าย ปลอดภัย ไม่เจ็บปวดและสามารถทราบผลการตรวจได้ทันที
รูปภาพจาก : internet
แหล่งที่มา : iammomsociety.com , Motherandcare