รูปภาพโรคติดต่อทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางพันธุกรรม คือ โรคเบาหวาน โรคติดต่อทางพันธุกรรม
โรคเบาหวาน โรคติดต่อทางพันธุกรรม
นิยาม โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือด และปัสสาวะให้เป็นปกติได้ โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ไปสู่บุตรหลานได้ | เบาหวานคืออะไร เบาหวานเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือร่างกายตอบสนองต่ออินซู ลินได้น้อยกว่าปกติ จึงไม่สามารถเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตรวมถึงโปรตีน และไขมันบางส่วนได้อย่าง เหมาะสม ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น หัวใจวาย ตาบอด ไตวาย อัมพฤกษ์ อัมพาตและโรคติดเชื้อ เป็นต้น | ในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือด ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจนำ ไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ปี 2550 พบผู้ป่วยเบาหวานแล้วถึง 246 ล้านคน โดยผู้ป่วยเบา หวานทั่วโลก 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย | |
|
|
| เมื่อวินิจฉัยได้แน่นอน และอธิบายให้ผู้ป่วยทราบ, ตั้งตัวและทำใจได้แล้ว (อันนี้สำคัญมากเพราะถ้า ผู้ป่วยหรือญาติไม่เข้าใจ จะทำให้การักษาไม่ได้ผลดี และล้มเหลวในที่สุด) แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาดัง ต่อไปนี้ ซึ่งสำคัญพอ ๆ กันในการควบคุมเบาหวาน ทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ผลดี เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน คือควบคุมอาหาร (อย่าเห็นแก่กิน) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การใช้ยา ยาเม็ดลดน้ำตาล หรือฉีดอินซูลิน รักษาโรคที่เกิดร่วม หรือโรคแทรกซ้อน | เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน คือควบคุมอาหาร (อย่าเห็นแก่กิน) เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน, ควบคุมอาหารโดย เฉพาะอาหารประเภทน้ำตาลและแป้งเนื่องจากน้ำ ตาลที่สังเคราะห์แล้ว เช่น น้ำตาลทราย หรือขนม ที่ผสม หรือเป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลทราย เช่น น้ำ หวาน, นม, กาแฟ, ใส่น้ำตาล, น้ำผึ้ง, น้ำอัดลม, ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง ขนมหวานอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วควรหลีกเลี่ยง หรือกินน้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น (ไม่ให้ลงแดง) ส่วนอาหารประเภทแป้ง ธรรมชาติ เช่น ข้าวควรกินข้าวจ้าวมากกว่า ข้าวเหนียว ถ้าเป็นข้างกล้องจะดีมาก กินพออิ่ม แป้งอื่น ๆ ที่เหมือน ข้าว เช่น ขนมปังจืด, เส้นก๋วยเตี๋ยว, วุ้นเส้นอันนี้ ก็กินพออิ่ม ๆ อย่ากิน จุกจิก ถ้าน้ำหนักมากก็ควรลดลง (ไม่ให้งดเป็นมื้อ) เรื่องน้ำหนักเอาง่าย ๆ คือ น้ำหนัก มาตรฐาน ผู้ชายส่วนสูงเป็นเซนติเมตร – 100 ส่วนผู้หญิงลบด้วยร้อย แล้ว x 0.9 ถ้าน้ำหนักเกินก็ควรลด อาหาร, ถ้าขาด ก็เพิ่มปริมาณอาหาร ส่วนผลไม้ ประเภทเส้นใยสูง ไม่หวาน กินได้ไม่จำกัด เช่น ชมพู่, ฝรั่งดิบ, แอปเปิ้ล, เมล็ดพืชผัก, ถั่ว ผลไม้หวาน ๆ ให้กิน พออร่อยหอมปาก หอม คอ เช่น แตงโม, ส้ม เขียวหวาน, มะม่วงสุก, กล้วย ฯลฯ ผลไม้ที่ไม่ควร กินเลยคือ ลำไย, สับปะรด, ทุเรียน อาหารไขมัน ควรลดด้วย อาหารโปรตีนกินปกติยกเว้นมีปัญหา ไตวาย ร่วมด้วยให้ลดลง ถ้าขาดความหวานไม่ได้ เช่น นม, กาแฟและชา ให้ใช้สารให้ความหวาน หรือน้ำตาล เทียม มาใช้ แทน แอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ อื่น ๆ) ทำให้การ ควบคุมเบาหวานลำบาก และอาจทำให้เกิด โรค แทรกซ้อน เช่น น้ำตาลต่ำเกินไป และหลีกเลี่ยง ไม่ได้ให้ดื่มวิสกี้บาง ๆ ได้ 1 แก้ว แต่ต้องกินหลัง อาหาร | ออกกำลังกายสม่ำเสมอ | การออกกำลังกายจะช่วยทำให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นนิ่มนวลขึ้นในผู้ป่วยที่น้ำตาลในเลือดสูง มาก อาหารไม่มากบางทีออกกำลังกายและควบคุมอาหาร สามารถทำให้น้ำตาลใกล้เคียงปกติ โดยไม่ต้อง กินยาก็ได้, การออกกำลังกาย ยังช่วยควบคุมน้ำหนัก (ในคนที่เกิน) ไม่ให้มากเกินไป เพราะน้ำหนักยังมีผล ทางอ้อม ทำให้น้ำตาลในเลือกสูงขึ้นได้ นอกจากนั้น ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่นเส้นเลือดหัวใจตีบ, เส้นเลือดสมองตีบ, ทำให้หัวใจแข็งแรง เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ทำให้ผ่อนหนัก เป็นเบาได้ การออกกำลังหายไม่ควรหักโหม โดยเฉพาะ ผู้ที่ไม่เคยออก, ผู้สูงอายุ ผู้ที่น้ำหนักเกินมาก ๆ (อ้วน) ควรค่อย ๆ เริ่มตามศาสตร์ของการ ออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือ การออกกำลัง กายที่ร่างกายใช้ออกซิเจน (aerobic exercise) เช่น เดินเร็วๆ, วิ่งเหยาะๆ, ปันจักรยานอยู่กับที่ หรือเคลื่อนที่ (ถ้าแน่ใจ ว่าจะไม่โดนชน) เต้นรำ, เต้น aerobic, ตีกอล์ฟ ประมาณ 4 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง พอนาน ๆ เข้าถ้ายังมีแรง จะเอามาก กว่านี้ก็ได้ แต่ขอให้ค่อยเป็นค่อยไป (อย่าใจร้อน) การออกกำลังกายเป็นการทำให้ สุขภาพใจ และกายดีแข็งแรง ซึ่งท่านต้องลงทุนลงแรงเอง เพราะท่าน ไม่สามารถซื้อหาการมีสุขภาพที่ดีได้ ตามร้านหรือห้างสรรพสินค้ายิ่งถ้าออก เป็นประจำแล้วจะรู้สึกเสพติด พอ 4 – 5 ทุ่ม แล้วก็จะง่วงหลับสบาย ไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อออกกำลังกายแล้วก็ต้องพักผ่อนให้พอด้วย ถ้านอนได้วันละ 8 ชม. ล่ะก็สมบูรณ์แบบ (ถ้ากลางคืนนอนไม่พอต้องหาเวลาแอบงีบระหว่างวันเอง) | การใช้ยา ยาเม็ดลดน้ำตาล หรือฉีดอินซูลิน | ก่อนจะพูดถึงการรักษาเบาหวานด้วย ยา ขอเน้นและขอย้ำอีกครั้งว่าการรักษาโรคเบาหวานจะได้ ผลดีนั้น ตัวผู้ป่วยรวมถึงผู้ใกล้ชิด เช่น ญาติ พี่ น้อง คนดูแล จะต้องเข้าใจธรรมชาติของโรค และแนวทาง การรักษาพอสมควร เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาด จำเป็นต้องรักษาต่อเนื่องเพื่อให้คุณภาพ ชีวิตที่ดี และยืนยาวเท่าคนปกติ และการรักษาต้องประกอบไปด้วย 3 อย่าง ซึ่งสำคัญพอ ๆ กันจะเอา ทางหนึ่งทางใด ทางเดียวหรือกึ่ง ๆ ครึ่งๆ กลางๆ ก็จะไม่ได้ผลดีนัก ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และยา |
| โรคแทรกซ้อนของเบาหวาน แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม | โรคแทรกซ้อนชนิดเฉียบพลัน ได้แก่ | ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มักจะพบในรายที่รับยามากเกินไปหรือรับยาเท่าเดิม แต่ไม่ได้รับประทาน อาหารตามปกติ เช่น ขณะเป็นไข้ ท้องเสีย ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่น ความไม่รู้สึกตัวซึ่งมีทั้ง ชนิดที่มีกรด คีโตนคั่งค้างในกระแสโลหิตหรือไม่มีกรดคีโตนคั่งอยู่ก็ตาม ภาวะการติดเชื้อ | โรคแทรกซ้อนชนิดเรื้อรัง แบ่งเป็น | โรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดขนาดเล็ก ได้แก่ โรคแทรกซ้อนทางตา ทำให้มีการทำลายของหลอดเลือดในจอภาพ เกิดอาการตามัวจนถึง ตาบอด ได้อย่าง กะทันหัน โรคแทรกซ้อนทางไต ทำให้มีการรั่วของไข่ขาวในปัสสาวะส่งผลต่อไตเสื่อมลงจนถึงขั้น ไต วายและเสียชีวิตได้ โรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท ทำให้มีการเสื่อมทั้งระบบประสาททั่วไป และระบบ ประสาทอัตโนมัติก่อให้เกิดอาการต่างๆ มากมาย เช่น ชาตามปลายมือ ปลายเท้า หรือปวดแสบปวดร้อน กล้ามเนื้อขาลีบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง กระเพาะปัสสาวะคราก สมรรถภาพทางเพศบกพร่อง สุขภาพเท้า บกพร่อง จนนำไปสู่การตัดอวัยวะส่วนนั้นๆ และพิการในที่สุด | โรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดขนาดใหญ่ ได้แก่ หลอดเลือดสมองตีบตันหรือแตก ทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ หลอดเลือดหัวใจตีบตันเกิดอาการหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เช่น เจ็บ แน่นหน้าอกกะทันหัน หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ และทวีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต หลอดเลือดขาตีบตัน เกิดอาการปวดขาเวลาเดิน เพราะเลือดไปเลี้ยงขาไม่เพียงพอซึ่งเมื่อ ร่วมกับโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท จะทำให้เท้าเป็นแผลง่าย หายยากเป็นบ่อเกิดของการอักเสบ ติดเชื้อที่รุนแรง และมีเนื้อตายจนเป็นเหตุให้ต้องถูกตัดขา หรือสูญเสียอวัยวะ | | |
แหล่งที่มา : thaigoodview.com