ประวัติกระบี่กระบอง12ไม้รํา ประวัติกระบี่กระบอง 12 ไม้รํา ข้อสอบประวัติกระบี่กระบอง
ชื่อไม้รำ 12 ไม้รำ
ไม้รำที่ 1 ลอยชาย ลักษณะการเดิน เดินแบบสลับฟันปลา
ไม้รำที่ 2 ควงทัดหู ลักษณะการเดิน เดินแบบสลับฟันปลา
ไม้รำที่ 3 เหน็บข้าง ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 4 ตั้งศอก ลักษณะการเดิน เดินแบบสลับฟันปลา
ไม้รำที่ 5 จ้วงหน้าจ้วงหลัง ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 6 ปกหน้าปกหลัง ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 7 ท่ายักษ์ ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 8 สอยดาว ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 9 ควงแตะ ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 10 หนุมานแหวกฟองน้ำ ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 11 ลดล่อ ลักษณะการเดิน เดินแบบเดินตรง
ไม้รำที่ 12 เชิญเทียน ลักษณะการเดิน เดินแบบสลับฟันปลา
ประวัติกระบี่กระบอง
การเล่นกระบี่กระบองเป็นพื้นฐานเบื้องต้นส่วนหนึ่งของศิลปะการต่อสู้ของไทย ที่เรียกว่า กระบี่กระบอง เพราะเป็นกีฬาที่บรรพบุรุษไทยนำเอาศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยอาวุธที่ใช้สู้รบกันในสมัยโบราณ มาฝึกซ้อมและเล่นในยามสงบ โดยนำหวายมาทำเป็นกระบี่ ดาบ ง้าว ฯลฯ เอาหนังมาทำโล่ เขน ดั้ง ฯลฯ แล้วจัดมาตีต่อสู้กันเล่นหรือแข่งขันกันเป็นคู่ ๆ ดุจสู้กันในสนามรบเป็นการฝึกหัดรุกและรับไปในตัว
อย่างไรก็ตาม ประวัติเริ่มต้นของการเล่นกระบี่กระบองที่แท้จริงนั้นไม่ทราบได้แน่ชัดว่า เริ่มกันมาตั้งแต่ครั้งไหน และใครเป็นผู้คิดค้นขึ้น เพราะไม่สามารถค้นคว้าจากแหล่งใดได้ แต่เนื่องด้วยไทยเราเป็นชาตินักรบมาแต่โบราณ กระบี่กระบองซึ่งเป็นกีฬาของนักรบจึงน่าจะได้มีการเล่นกันมาเป็นเวลาช้านานควบคู่กับชนชาติไทย ในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลักฐานที่พออ้างอิงได้คือ วรรณคดี ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 2 ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา กล่าวถึงอิเหนาชำนาญในการกระบี่ ในรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณี กล่าวถึงศรีสุวรรณเล่าเรื่องกระบี่กระบองกับอาจารย์ทิศาปาโมกข์
ต่อมาในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานกระบี่กระบองเป็นพิเศษ ถึงกับโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ทรงหัดกระบี่กระบองจนครบวง และและโปรดให้เล่นกระบี่กระบองเป็นการสมโภชที่หน้าพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เนื่องในการทรงผนวชเป็นสามเณรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2409
ต่อมา รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้มีการเล่นกระบี่กระบอง และชกมวยไทยหน้าพระที่นั่งในงานสมโภชอยู่เนือง ๆ พระองค์เสด็จทอดพระเนตรและพระราชทานรางวัลแก่ผู้แสดงและแข่งขันบ่อย ๆ ฉะนั้นกระบี่กระบองจึงเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันมากในสมัยนั้น และในแต่ละปีอาจจะดูได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นกีฬากระบี่กระบองเป็นที่นิยมมาก จึงทำให้กระบี่กระบองมีอยู่ดาษดื่น และมีมากคณะด้วยกัน
ครั้นถึงในสมัยรัชกาลที่ 6 ความครึกครื้นในการเล่นกระบี่กระบองลดน้อยลง เพราะไม่ทรงโปรดเท่ารัชกาลที่ 5 และต่อมา ในรัชกาลที่ 7 กีฬากระบี่กระบองค่อย ๆ หมดไปจนเกือบหาดูไม่ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันกับความเจริญก้าวหน้าของโลกอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนทั่วไปมุ่งในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมมากขึ้น
ทั้งนี้ ท่านอาจารย์ นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้หนึ่งที่ได้เล่าเรียนวิชานี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเป็นผู้ที่รักใคร่ในศิลปะวิชานี้อยู่เสมอ จึงพยายามสงวนและเผยแพร่วิชากระบี่กระบองของไทยมากขึ้น ต่อมาเมื่อท่านโอกาสที่ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพลศึกษากลาง ท่านได้เริ่มลองสอนนักเรียนพลศึกษากลางเกี่ยวกับการเล่นกระบี่กระบองขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2478 หลังจากทดลองสอนอยู่ 1 ปี พบว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจของท่านผู้ใหญ่ จึงได้กำหนดวิชากระบี่กระบองไว้ในหลักสูตรของประโยคครูผู้สอนพลศึกษา เมื่อ ปี พ.ศ.2479 นับแต่นั้นมาได้มีผู้เล่าเรียนและสำเร็จการศึกษามากขึ้นเป็นลำดับ
คำสั่ง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1.การเล่นกระบี่กระบองช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายด้านใดมากที่สุด
ก. ความแข็งแรง
ข. ความเร็ว
ค. กำลัง
ง. ความแคล่วคล่องว่องไว
2. กระบี่เป็นอาวุธที่สำคัญของการใดของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ
ก. ทหาร
ข. ตำรวจ
ค. นักกีฬา
ง. นักล่าสัตว์
- การเล่นกระบี่จะช่วยฝึกน้ำใจได้ดีเลิศอย่างไร
ข. ทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ค. ทำให้มีความกล้าหาญ
ง. ทำให้มีความอดทน
จ. ทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง
3. ข้อใด ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมหรือฝึกซ้อมกระบี่ในสมัยโบราณ
ก. ทำการรบได้ทุกโอกาส
ข. มีน้ำใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
ค. ป้องกันอันตราย
ง. บำรุงร่างกายให้แข็งแกร่ง
4. การเล่นกระบี่กระบองแบบจำลองในสมัยโบราณมีวัตถุประสงค์อย่างไร
ก. เพื่อหาผู้ที่มีความสามารถ
ข. เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ค. เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ง. เพื่อฝึกซ้อมและเตรียมตัวในยามสงบ
5. การเล่นกระบี่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร
ก. ช่วยสืบทอดมรดกอันสำคัญประจำชาติ
ข. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
ค. ช่วยอนุรักษ์ศิลปะประจำชาติ
ง. ช่วยรักษาวัฒนธรรมอันดี
6. การเรียนกระบี่สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
ก. ทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ข. ทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง
ค. การต่อสู้ในสงคราม
ง. ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี
7. การท่าคุมรำ มือซ้ายจีบอยู่ระดับส่วนใด
ก. คิ้ว
ข. อก
ค. สะดือ
ง. ไหล่
8. กระบี่กระบองเป็นที่นิยมแพร่หลายของประชาชนในรัชกาลใดมากที่สุด
ก. รัชกาลที่ 2
ข. รัชกาลที่ 5
ค. รัชกาลที่ 4
ง. รัชกาลที่ 3
9.กระบี่กระบองเป็นที่นิยมแพร่หลายของประชาชนในรัชกาลใดมากที่สุด
ก. รัชกาลที่ 2
ข. รัชกาลที่ 5
ค. รัชกาลที่ 4
ง. รัชกาลที่ 3
10. การฝึกอบรมหรือฝึกซ้อมกระบี่ในสมัยโบราณเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงดุจอะไร
ก. กระดูกเป็นเหล็ก ใจเป็นทองแดง หนังเป็นเพชร
ข. กระดูกเป็นเพชร ใจเป็นเหล็ก หนังเป็นทองแดง
ค. กระดูกเป็นทองแดง ใจเป็นเพชร หนังเป็นเหล็ก
ง. กระดูกเป็นเหล็ก ใจเป็นเพชร หนังเป็นทองแดง
แบบทดสอบประวัติวิชากระบี่กระบอง
1. การเล่นกระบี่กระบองช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายด้านใดมากที่สุด
ก. ความแข็งแรง
ข. ความเร็ว
ค. กำลัง
ง. ความแคล่วคล่องว่องไว
2. กระบี่เป็นอาวุธที่สำคัญของการใดของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ
ก. ทหาร
ข. ตำรวจ
ค. นักกีฬา
ง. นักล่าสัตว์
3. กระบี่กระบองเป็นที่นิยมแพร่หลายของประชาชนในรัชกาลใดมากที่สุด
ก. รัชกาลที่ 2
ข. รัชกาลที่ 5
ค. รัชกาลที่ 4
ง. รัชกาลที่ 3
4. การเล่นกระบี่จะช่วยฝึกน้ำใจได้ดีเลิศอย่างไร
ก. ทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ข. ทำให้มีความกล้าหาญ
ค. ทำให้มีความอดทน
ง. ทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง
5. วิชากระบี่กระบองได้รับการบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนในระดับใดเป็นครั้งแรก
ก. มัธยมศึกษาปีที่ 2
ข. อาชีวศึกษา
ค. ระดับประถมศึกษา
ง. ประโยคครูผู้สอนพลศึกษา
6. ข้อใด ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมหรือฝึกซ้อมกระบี่ในสมัยโบราณ
ก. ทำการรบได้ทุกโอกาส
ข. มีน้ำใจกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
ค. ป้องกันอันตราย
ง. บำรุงร่างกายให้แข็งแกร่ง
7. การเล่นกระบี่กระบองแบบจำลองในสมัยโบราณมีวัตถุประสงค์อย่างไร
ก. เพื่อหาผู้ที่มีความสามารถ
ข. เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ค. เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ง. เพื่อฝึกซ้อมและเตรียมตัวในยามสงบ
8. การเล่นกระบี่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร
ก. ช่วยสืบทอดมรดกอันสำคัญประจำชาติ
ข. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
ค. ช่วยอนุรักษ์ศิลปะประจำชาติ
ง. ช่วยรักษาวัฒนธรรมอันดี
9. การเรียนกระบี่สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
ก. ทำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ข. ทำให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง
ค. การต่อสู้ในสงคราม
ง. ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี
10. รัชกาลที่ 4 ได้โปรดให้มีการเล่นกระบี่กระบองในงานสมโภชใดเป็นครั้งแรก
ก. ทอดกฐิน
ข. งานโกนจุก
ค. งานบวชนาค
ง. ทอดผ้าป่า