จับได้แล้วอาชญากรข้ามชาติ หลอกตุ๋นเงินผ่านเอทีเอ็ม จนมุมเพราะใช้ภาษาสื่อสาร
https://4.bp.blogspot.com/_ve0wHBk3A0I/SdtDHw-
"ดีเอสไอ" บุกทลายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติรวม ๑๔ คน พร้อมของกลางมือถือเกือบ ๑๐๐ คอมพิวเตอร์อีก ๕ เครื่องแฉเป็นพวกไต้หวัน-จีน-พม่า อ้างเป็นจนท.รัฐ-สถาบันการเงินตั้งสนง.ในประเทศไทย แล้วโทรศัพท์ลวงเหยื่อในจีน-ไต้หวัน รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเอเชียให้โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม มูลค่าความเสียหายกว่า ๑๐๐ ล้านบาท
โดยกลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ตั้งสำนักงานคอล เซ็นเตอร์ (call center) ในประเทศไทย ใช้วิธีสุ่มโทรศัพท์หาผู้เสียหายที่ประเทศจีนและไต้หวัน ผ่านระบบ VOIP (Voice Over Internet Protocal) ระหว่างประเทศ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือสถาบันการเงิน หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มเข้าบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาที่เปิดเตรียมไว้ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า ๑๐๐ ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หลอกลวงให้โอนเงินในประเทศจีน, ไต้หวัน และประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกหลายประเทศและมีเครือข่ายสำนักงานคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ โดยมีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ ก.ค. เจ้าหน้าที่สำนักกิจการต่างประเทศ และคดีอาชญา กรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางนา จับกุมนายเจิ้น หมิง ซวิน กับพวกรวม ๑๔ คน ที่หมู่บ้านบางนาวิลล่า พร้อมของกลางจำนวนมาก โดยมีพลเมืองดีแจ้งว่าที่บ้านดังกล่าว มีบุคคลต่างด้าวเข้า-ออกจำนวนมากจนน่าสงสัย
สน.บางนาจึงประสานไปยังดีเอสไอสืบสวนโดยส่งสายปลอมตัวเป็นคนขับแท็กซี่ไปจอดใกล้ๆ บ้านกลุ่มต้องหา กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหา ๒ คนหลงกลเรียกใช้บริการ และพูดคุยกันเป็นภาษาจีนบนรถ โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวเป็นโชเฟอร์แท็กซี่บันทึกเสียงไว้นำไปให้ล่ามแปลกระทั่งรู้ข้อมูลนำไปสู่การจับกุมได้ดังกล่าว
เบื้องต้นตั้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาหลอกลวงและฉ้อโกงเงินนั้น อยู่ระหว่างประสานผู้เสียหายในต่างประเทศ ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษประสานงานกับสถานกงสุลไต้หวันและสถานเอกอัครราชทูตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องติดตามผู้ได้รับความเสียหายในต่างประเทศและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ในต่างประเทศเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป
ข่าวจาก https://tnews.teenee.com/crime/38184.html
ในที่สุดผู้ต้องหากลุ่มนี้ก็ถูกกงเกวียนกงกรรม ถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งจุดเริ่มต้นในการหลอกลวงผู้อื่นนั้นมาจากการใช้วัจนภาษา พูดจาโน้มน้าวใจผู้อื่นให้คล้อยตาม และตกเป็นเหยื่อ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดฉากลงด้วยภาษาที่ตนเองสื่อสาร เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ประเด็นในการศึกษา
การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร (วิชาภาษาไทย ช่วงชั้นที่ ๔)
สาระสำคัญ
ภาษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการสื่อสารของมนุษย์ ไม่ว่าในฐานะของผู้ส่งสารหรือผู้รับสาร ดังนั้นในการสื่อสารที่สัมฤทธิ์ผล ผู้ใช้ภาษาจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถเลือกใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งมีคุณธรรมและมารยาทที่ดีในการสื่อสารเป็นสำคัญ
เนื้อหา
การสื่อสาร (Communication) คือ กระบวนการถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารผ่านสื่อต่าง ๆ ที่อาจเป็นการพูด การเขียน การแสดงการจัดกิจกรรม ฯลฯ ไปยังผู้รับสารอย่างมีวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการรับรู้ร่วมกันมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกัน สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะสมกับบริบททางการสื่อสาร เพื่อให้การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล
ความสำคัญของการสื่อสาร
๑) การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่มีใครที่ดำรงชีวิตได้ โดยปราศจาก การสื่อสาร โดยเฉพาะสังคมมนุษย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตลอดเวลา พัฒนาการทางสังคมจึงดำเนินไปพร้อมๆ กับพัฒนาการทางการสื่อสาร
๒) การสื่อสารช่วยธำรงสังคมให้อยู่ร่วมกันเป็นปกติสุข เนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับระเบียบ ประเพณี กฎเกณฑ์ทางสังคมและความรู้ต่างๆ จำเป็นต้องรับการถ่ายทอดเพื่อให้เป็นมรดกทางสังคมตกลงใช้ร่วมกันอย่างสันติ
๓) การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางสังคมในด้านคุณธรรม จริยธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ รวมทั้งในการสื่อสารจำเป็นต้อง พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและต้องใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การใช้สื่อโสตฯ หรือสื่อ อิเล็คทรอนิกส์ในงานสาธารณสุข เป็นต้น
ภาษาในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสาร
๑. ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ผู้ส่งสารใช้ภาษาถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด ความรู้สึกไปยังผู้ส่งสาร ภาษาแบ่งออกได้ เป็น ๒ ชนิด คือ
๑.๑ วัจนภาษา (verbal languaye) เป็นภาษาถ้อยคำ อาจเป็นคำพูดหรือตัวอักษรก็ได้ การใช้วัจนภาษาจะต้องชัดเจนและถูกต้องทั้งการเขียน การออกเสียงคำ และการเรียงเรื่องประโยค นอกจากนี้ยังต้องใช้ภาษาให้เหมาะสมกับลักษณะของการสื่อสาร ลักษณะงาน สื่อ และผู้รับสารด้วย
๑.๒ อวัจนภาษา (non-verbal languaye) คือภาษาที่ไใม่ใช้ถ้อยคำ แต่แฝงอยู่ในถ้อยคำ ได้แก่ สีหน้า สายตา ท่าทาง น้ำเสียง วัตถุ ช่องว่าง เวลา การสัมผัส กลิ่น รส ภาพและลักษณะของอักษร เป็นต้น เราอาจใช้อวัจนภาษาเพื่อเสริม เน้นหรือแทนคำพูดก็ได้ ผู้ใช้ภาษาต้องเลือกใช้อวัจนภาษาให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ระดับภาษาในการสื่อสาร
การใช้ภาษาต้องคำนึงถึงระดับของภาษา ซึ่งต้องใช้ให้เหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์และบุคคล ระดับภาษามี ๓ ระดับ คือ
๑. ระดับพิธีการ
เป็นระดับภาษาที่ใช้กับพระมหากษัตริย์ เช่น ภาษาในศาล การประชุมรัฐสภา และในพิธีการต่าง ๆ
ตัวอย่าง ข้าพระพุทธเจ้าของพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลอัญเชิญใต้ผ่าละอองธุลีพระบาทพระราชทาน ปริญญาบัตร
๒. ระดับทางการ
เป็นรูปแบบของภาษาที่ใช้ในโอกาสหรือเรื่องสำคัญ ได้แก่ภาษาในบทความวิชาการ เอกสารทางราชการ สุนทรพจน์ การประชุมทางการ ตัวอย่าง ประธานขอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย
๓. ระดับกึ่งทางการ
เป็นระดับภาษาที่ใช้ปรึกษาหารือกิจธุระ การประชุมไม่เป็นทางการ บทความแสดงความคิดเห็น สารคดีกึ่งวิชาการ
ตัวอย่าง ก็หวังว่าท่านผู้ฟังจะได้รับความรู้และความสนุกสนานพอสมควรจากการอบรมในวันนี้
๔. ระดับสนทนา
มักใช้กับเพี่อนสนิท ตัวอย่าง มีปัญหาอะไรก็บอกมาเลยนะ ไม่ต้องรอให้ถาม
๕. ระดับกันเอง
ใช้ระหว่างบุคคลที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมาก ๆ สถานที่ใช้มักเป็นส่วนตัว ไม่นิยมบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
ตัวอย่าง หิวยัง ไปกินข้าวไหม
ภาษาในฐานเป็นเครื่องมือสืบค้น
การใช้ภาษาสือค้นความรู้ทำได้หลายวิธี ดังนี้
๑. การฟังอย่างมีจุดมุ่งหมาย สามารถจับใจความได้ถูกต้องและใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ
๒. การอ่านอย่างวิเคราะห์วิจารณ์ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งการอ่านข้อมูลจากหนังสือ
คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ตและซีดีรอม
๓. การถามใช้เก็บข้อมูล เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หรือเพื่อขอรายละเอียดของข้อมูล
๔. การคิดอย่างสร้างสรรค์ เชิงสังเคราะห์ และเชิงประเมินค่า สารที่ได้รับอยู่เสมอ
๕. การบันทึกเรื่องราว ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางราชการและในชีวิตประจำวัน
คำถาม
๑. ภาษามีความสำคัญอย่างไร
๒. การใช้ภาษาในการสื่อสาร ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
๓. วัจนภาษา และอวัจนภาษา แตกต่างกันอย่างไร
๔. ภาษามีกี่ระดับ อะไรบ้าง แต่ละระดับต้องใช้ในสถานการณ์ใด
๕. ภาษาเป็นเครื่องมือสืบค้นได้อย่างไร
แหล่งอ้างอิง
https://gold.rajabhat.edu/learn/ELEANING/information/home/Pasasumkun.htm
https://human.tru.ac.th/elearning/thai_for_com/lesson1/content21.html
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1317