แสงอาทิตย์ก่อกำเนิดชีวิตทั้งหลายทั้งปวงในโลกใบนี้ และยังช่วยให้ระบบนิเวศของเรามีความสมดุลอย่างไรนั้น ลองติดตามอ่านดูค่ะ.....
จากที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้วว่าพลังงานแสงอาทิตย์มีประโยชน์กับเรามากมายมหาศาล ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีวันหมด เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง ด้วยเหตุที่ว่ามีส่วนในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ทำให้พืชสามารถสร้างอาหารได้เองและเราก็นำอาหารที่พืชสร้างนั้นมาบริโภคหรือใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกทีหนึ่ง จึงอาจกล่าวได้ว่าเราและสิ่งมีชีวิตอื่นได้รับประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในทางอ้อมโดยผ่านการบริโภคพืชที่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้นั่นเอง แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่เราได้รับจากพลังงานแสงอาทิตย์ในทางอ้อมเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นต้องติดตามอ่านดูค่ะ
กระบวนการอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ก็คือ "วัฎจักรของน้ำ" หรือชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า วัฏจักรของอุทกวิทยา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงสถานะของน้ำระหว่าง ของเหลว ของแข็ง และ ก๊าซ ซึ่งน้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะไปกลับ จากสถานะหนึ่งไปยังอีกสถานะหนึ่งอย่างต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด ภายในอาณาจักรของน้ำ เช่น การเปลี่ยนแปลงระหว่างชั้นบรรยากาศ น้ำพื้นผิวดิน ผิวน้ำ น้ำใต้ดินและพืช กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถแยกได้เป็น 4 ขั้นตอน
1. การระเหย (evaporation) หมายถึง การที่น้ำในแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร ฯลฯ กลายเป็นไอเมื่อได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์
2. การควบแน่น (condensation) หมายถึง การที่ไอน้ำในบรรยากาศเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวในรูปของเมฆเมื่อได้รับความเย็น
3. การเกิดฝนตก (precipitation) หมายถึง ปรากฏการณ์ของการเกิดการรวมตัวของน้ำในอากาศ เกิดเป็นฝนและหิมะตกสู่พื้นโลก ซึ่งส่วนใหญ่ตกลงสู่พื้นที่มหาสมุทร นอกจากนั้นตกลงมาในรูปของฝนและหิมะและบางส่วนก็ซึมลงดินและไหลลงสู่แหล่งน้ำต่างๆ
4. การรวมตัวของน้ำ (collection) หมายถึง การที่น้ำไหลรวมกันสู่แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเล หรือ มหาสมุทร ที่เป็นแหล่งอุปโภคและบริโภคของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อไป
ภาพวัฎจักรของน้ำ จาก https://www.lesaproject.com/
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่โลกเริ่มเย็นตัวลง ไอน้ำที่แทรกซึมขึ้นมาจากเปลือกโลก ลอยตัวสูงขึ้น และเกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ ฝนในยุคแรกๆตกลงมาไม่ทันถึงพื้นก็ระเหยกลับเป็นไอน้ำไปหมด เนื่องจากพื้นโลกยังมีความร้อนสูงมาก จนกระทั่งโลกเย็นตัวลงอีกและเกิดฝนจำนวนมาก น้ำฝนละลายคาร์บอนไดออกไซด์ลงมาบนพื้นผิวโลก ทำให้ปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง น้ำฝนที่ตกลงมาสู่พื้นไหลรวมตัวกันกันในบริเวณที่ต่ำ เกิดเป็นแม่น้ำลำคลอง ไหลไปรวมกันในแอ่งที่ราบต่ำ กลายเป็นทะเลและมหาสมุทร ในช่วงเวลานั้นเริ่มเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในยุคแรกอาศัยอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ดำรงชีวิตด้วยพลังงานเคมี และความร้อนจากภูเขาไฟใต้ทะเล จนกระทั่ง 2,000 ล้านปีต่อมา สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรวิวัฒนาการให้มีการสังเคราะห์แสง เช่น แพลงตอน และสาหร่าย ดึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและน้ำทะเล มาสร้างน้ำตาล และให้ผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนออกมา องค์ประกอบของบรรยากาศโลกจึงเปลี่ยนแปลงไป ก๊าซออกซิเจนที่ทวีจำนวนมากขึ้น ลอยตัวสูง แตกตัวและรวมตัวเป็นก๊าซโอโซน ปกป้องมิให้รังสีอุลตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์แผ่ลงมาถึงพื้นโลกได้ สิ่งมีชีวิตที่เคยอยู่ในมหาสมุทร จึงขยายพันธุ์อพยพขึ้นบนบกได้
ภาพโลกอดีตจาก https://www.lesaproject.com/
แหล่งน้ำบนโลก
มหาสมุทร 97.2 % ทะเลสาบน้ำเค็ม 0.008 % ธารน้ำแข็ง 2.15 %
ความชื้นของดิน 0.005 % น้ำใต้ดิน 0.62 % แม่น้ำ ลำธาร 0.00001 %
ทะเลสาบน้ำจืด 0.009 % บรรยากาศ 0.001 %
จะเห็นได้ว่าวัฎจักรน้ำที่เกิดขึ้นนี้ ช่วยให้โลกของเราอยู่ในภาวะสมดุล ส่งผลให้เรามีความสมดุลทางระบบนิเวศซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นมาได้ก็อาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกันทั้งนั้น และในตอนต่อไปเราจะมาพูดถึงการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในทางตรงกันบ้างนะคะ
ประเด็นคำถาม
- วัฎจักรของน้ำมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร
- พลังงานแสงอาทิตย์เอาไปใช้ในขั้นตอนใดของวัฎจักรของน้ำ
- ยังมีกระบวนการใดอีกหรือไม่ที่อาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์
กิจกรรมเสนอแนะ
ลองทำการทดลอง เรื่อง "เมฆ หมอกและฝนเกิดได้อย่างไร" โดยใส่น้ำในบีกเกอร์ประมาณ 10 cm3 แล้วนำไปต้มจนน้ำเกือบเดือด หรือเริ่มเดือด จากนั้นใส่น้ำแข็งลงในถ้วยกระเบื้อง แล้วรีบวางถ้วยน้ำแข็งลงบน บีกเกอร์ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่อยู่ในบีกเกอร์ แล้วต้มน้ำต่อไปอีก 1-2 นาที สังเกตการเปลี่ยนแปลง (ข้อมูลจาก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
การบูรณาการกับกลุ่มสาระ : ศิลปะ (ภาพวาดวิวทิวทัศน์เวลาฝนตก)
ภาษาต่างประเทศ (คำศัพท์เกี่ยวกับน้ำ ฝน เมฆ หมอก)
เนื้อหาของบทความนี้เหมาะสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับช่วงชั้นที่ 2 และผู้ที่สนใจทั่วไป
>>>>>> อ่านบทความตอนที่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก
1. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
2. โครงการ การเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ The LESA Project
3. วิกีพีเดีย
ภาพประกอบจาก https://www.lesaproject.com/
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=87